ธนาคารกรุงไทย ร่วมมือกับ เอจีซี วีนิไทย หรือ AVT ขับเคลื่อน “โครงการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงเป้าหมายความยั่งยืน” นำโซลูชันธุรกรรมอนุพันธ์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน ตอบโจทย์ธุรกิจ AVT ที่มีรายได้เป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยเชื่อมโยงเป้าหมาย ESG สนับสนุนขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
จามจุรี ศิโรเวฐนุกูล กรรมการบริหาร สายงานการเงิน บัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท เอจีซี วีนิไทย จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า AVT ได้นำแนวทางธุรกิจยั่งยืนมาปรับใช้กับนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัท โดยได้เข้าร่วมโครงการ ESG-Linked FX Derivative Hedging Solutions Program กับธนาคารกรุงไทย เพื่อให้การดำเนินการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสอดคล้องกับนโยบายของทางบริษัทฯ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่องทุก ๆ ปี พร้อมกำหนดเป้าหมายในการลดอย่างน้อย 2.6% ภายในปี พ.ศ. 2573 ส่งเสริมแนวทางของบริษัทในการเติบโตแบบยั่งยืน
รวินทร์ บุญญานุสาสน์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้ค่าเงินบาทมีความผันผวนสูง โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่า 12% จากปัจจัยการลดดอกเบี้ยของเฟดที่กดดันค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลก ซึ่งการแข็งค่าของค่าเงินบาทกลายเป็นปัจจัยลบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก รวมถึงบริษัทที่มีรายได้ในสกุลเงินต่างประเทศเป็นอย่างมาก ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการเงินเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจไทยในตลาดการค้าโลก พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านธุรกรรมอนุพันธ์ มาสนับสนุนการบริหารความเสี่ยงค่าเงินให้กับลูกค้าธุรกิจ สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุด ธนาคารได้ร่วมกับ AVT เดินหน้าโครงการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงเป้าหมายความยั่งยืน (ESG-Linked FX Derivative Hedging Solutions Program) เพื่อสนับสนุน AVT ในการบริหารความเสี่ยงค่าเงินบนรายได้ที่เป็น USD-Linked โดยกำหนดเป้าหมายการลดคาร์บอนขององค์กรเป็นเกณฑ์ในการลดต้นทุนของธุรกรรม ตอบโจทย์ทั้งการบริหารจัดการความเสี่ยง สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ และการส่งเสริมการเติบโตแบบยั่งยืน
“ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการยกระดับนวัตกรรมทางการเงินของประเทศไทยอีกขั้น โดยความร่วมมือด้าน ESG ในรูปแบบ USD-Linked Solutions Program จะผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กร เพื่อพัฒนาโซลูชันทางการเงินให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม” รวินทร์ กล่าว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ม้งไซเบอร์ ปลดปล่อยพลังและความฝันเยาวชนม้ง สู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก บนเวที SX2024
โรงงานซีเมนส์ใน Erlangen ได้รับเลือกให้เป็น Digital Lighthouse Factory จาก WEF
