คนในวงการเมืองวิเคราะห์กันว่า สาเหตุลึก ๆ ที่ “เศรษฐา ทวีสิน” ต้องตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องการแต่งตั้ง ”พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ประเด็นนี้แค่เป็นพาหะในการใช้เป็นข้ออ้างของ สว.กลุ่มหนึ่ง ยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนเท่านั้น
ว่ากันว่าเบื้องหลังการถ่ายทำจริง ๆ เป็นเพราะ ”กลุ่มอำนาจ” ไม่พอใจนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ที่รัฐบาลเศรษฐาพยายามดึงดันไม่สนใจฟังเสียงคัดค้านจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งหลาย ที่หวั่นผลกระทบตามมามากมาย จากโครงการดังกล่าวที่ต้องใช้เงินมากถึง 5 แสนล้านบาท ไม่รวมกับค่าจัดทำระบบ รวมถึงความเสี่ยงจากการทุจริตที่อาจซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ขณะที่หน่วยงานเศรษฐกิจของรัฐ ทั้ง สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่แสดงท่าทีไม่เป็นด้วยกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ตตั้งแต่แรก โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมาตลอด
แม้แต่ธนาคารโลกยังมองว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ต มีความไม่แน่นอน และยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า จะเริ่มเมื่อไหร่ หรือมีใครได้รับบ้าง อาจจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทำให้การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจไม่เกิดขึ้น เนื่องจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ตเปลี่ยนสมดุลของความเสี่ยงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ
ย้อนเวลากลับไป หากรัฐบาลเศรษฐาไม่ยืนยันเดินหน้าดิจิทัล วอลเล็ต ฟังเสียงทักท้วงบ้าง คงไม่เกิดวิกฤติการเมืองอย่างที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ รัฐบาลจะไม่ขาดความต่อเนื่อง อย่างที่กำลังเป็นอยู่
ถามว่าทำไม นายกฯเศรษฐา จึงดึงดันเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เรื่องนี้ก็คงย้อนกลับไปช่วงหาเสียง ในวันเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยที่ เมืองทองธานี วันนั้นเศรษฐา ประกาศบนเวทีว่าจะแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นอาวุธลับที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
คำประกาศของเศรษฐา สร้างความฮือฮาอย่างมากเพราะยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าประกาศแจกเงินก้อนโตครั้งเดียวจบอย่างนี้ แต่กลับสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับทีมนโยบายเศรษฐกิจของพรรคไม่น้อย เพราะตอนนั้น นโยบายพรรคมีแค่กรอบกว้าง ๆ เป็นข้อเสนอจากทีมงานเศรษฐกิจที่ยังไม่สมบูรณ์แนวทางแนวทางปฏิบัติยังไม่มีรายละเอียด แต่เมื่อว่าที่นายกฯด่วนประกาศไปเสียก่อนก็ต้องตกกระไดพลอยโจน
ตรงนี้กลายเป็นปมที่ อดีตนายกฯเศรษฐา ต้องผลักดันให้ได้ เพราะไปสัญญาประชาชนไว้แล้ว จึงจะเห็นว่าเกือบ 1 ปีที่นายกฯเศรษฐาอยู่ในตำแหน่ง นโยบายหลักกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเพียงดิจิทัล วอลเล็ตเท่านั้น
แม้จะต้องตัดต่อพันธุกรรมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ตั้งแต่เจตนารมณ์ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการแจกประชาชนทุกคน ๆ ละ 1 หมื่นบาทคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปโดยไม่มีเงื่อนไข ต่อมากำหนดเงื่อนไขเพิ่มต้องมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 5 แสนบาท เงินเดือน 7 หมื่นบาทลงมา
ร้านค้าที่เข้าร่วมก็ต้องเป็นร้านค้าชุมชนรัศมี 4กิโลเมตร แต่ต่อมาร้านสะดวกซื้อก็เข้าโครงการได้ เดิมจะใช้เงินงบประมาณประจำปี ต่อมาเปลี่ยนจะใช้เงินกู้ในที่สุดก็กลับมาใช้งบประมาณเหมือนเดิม จึงไปไม่ถึงไหน ชักตื้นติดกึชักลึกติดกั๊ก
จนในที่สุดอดีตนายกฯเดินไปสู่กับดักการเมือง ผลกระทบการเมืองครั้งนี้ย่อมส่งผลถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ตอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
อย่างไรก็ตาม ถึงไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง แต่กระบวนการทำงานก็ล่าช้ากว่าเป้าหมายเดิมมาก ยิ่งมีสูญญากาศการเมืองมาซ้ำเติม โอกาสยิ่งริบหรี่ เนื่องด้วยกรอบระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2567 ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณปกติ งบกลางปี หรือ งบผูกพันข้ามปี ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งเหลือเวลาไม่กี่วันเท่านั้น
ด้วยระยะเวลาที่จำกัด หากไม่สามารถดำเนินการได้ทัน นั่นหมายความว่างบประมาณที่จะนำมาใช้ 1.65 แสนล้านบาท ในปีงบ 67 ก็ต้องไปหากันใหม่ ไม่น่าจะทันตามระยะเวลาเดิม ที่รัฐบาลให้คำมั่นไว้
โครงการดิจิทัล วอลเล็ต นอกจากเงินงบประมาณแล้วยังมีเรื่อง ระบบการชำระเงิน ซึ่งการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มการชำระเงิน เนื่องจากเป็นระบบใหญ่ ต้องเชื่อมต่อกับหลายหน่วยงานในทางเทคโนโลยีก็ซับซ้อน ละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลาดำเนินการไม่น้อย แต่ตอนนี้ กระบวนการประมูลจัดซื้อจัดจ้ายังได้เริ่มแต่อย่างใด
ขณะที่ในทางการเมืองแม้พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นพรรคเดิม สุดท้ายก็ต้องเจรจามาไกล่เกลี่ยนโยบายการใช้งบของแต่ละพรรค เพราะเดิมทีดิจิทัล วอลเล็ต มีการเจรจามาตั้งแต่แรกก่อนจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา แต่เมื่อมีรัฐบาลใหม่ ต้องเริ่มเจรจาใหม่
นั่นหมายความว่า เป็นเรื่องยากที่ดิจิทัล วอลเล็ตจะเดินหน้าต่อ ทั้งจากความกังวลหลายฝ่ายเกี่ยวกับข้อกฎหมาย
จะว่าไปแล้ว หากโครงการนี้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยได้คะแนนไปเต็ม ๆ แต่หากล้มเหลว พรรคร่วมก็ต้องรับผิดชอบด้วย ยิ่งหากมีการดำเนินคดีทางกฏหมายรัฐมนตรีที่ลงมติเห็นด้วยก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน งานนี้พรรคร่วมเข้าตำราเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกแขวนคอ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า “แพทองธาร” นายกฯคนใหม่ จะไม่จะมีการทบทวนและคงยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีการหารือกับผู้ใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร มาระยะหนึ่งแล้วแต่ จะใช้วิธีแจกเงินสดแทน โดยเน้นไปที่กลุ่มเปราะบาง เพื่อลดภาระงบประมาณลง และง่ายต่อที่มาของแหล่ง
ที่สำคัญจะไม่เสี่ยงต่อการผิดกฏหมาย ที่จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล และสถานะของแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีด้วย
แต่รัฐบาลใหม่จะต้องตอบคำถามที่คนกว่า 30 ล้านคนที่ลงทะเบียนผ่านผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 จะยังได้เงินดิจิทัล 10,000 หรือไม่
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
“ศูนย์กลางการเงินโลก” ฝันใหญ่ของ “เศรษฐา”
ข้อวิตกกังวล “ดิจิทัล วอลเล็ต”