Share on
×

Share

WHA นำ AI ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ Tech & Sustainable Company

WHA Group มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังของปี 2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าตามกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจ Mobilix และโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ (Tech & Sustainable Company) และพัฒนาต่อเนื่องจนเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Organization) ตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในทุกมิติภายในปี 2568

ภาพรวมและผลประกอบการของ WHA ในครึ่งปีแรก

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยถึงผลประกอบการของ WHA Group ในครึ่งปีแรกของปี 2567 โดยสรุปถึงความสำเร็จและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายภาคส่วนหลักของบริษัท

ในครึ่งปีแรก WHA Group มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรรวม 7,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากโดยอยู่ที่ 2,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 91% นอกจากนี้ EBITDA เพิ่มขึ้น 55% โดยอยู่ที่ 4,237 ล้านบาท อีกทั้งอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Net IBD/Equity) อยู่ที่ระดับ 1.13 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะการเงินขององค์กรได้เป็นอย่างดี

ผลประกอบการจากธุรกิจหลักของ WHA มาจากความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีและความยั่งยืน ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจและสร้างโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ ในหลากหลายภาคส่วน

WHA Logistics (กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์)

จรีพร กล่าวถึงกลยุทธ์หลักของ WHA Logistics ว่า ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเป้าหมายในปี 2567 นี้ WHA ตั้งเป้าพื้นที่ให้เช่าใหม่และสัญญาเช่าใหม่รวม 200,000 ตารางเมตร โดยเน้นคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit คาดว่าในครึ่งปีหลังจะส่งมอบพื้นที่ให้เช่าใหม่มากกว่า 140,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบด้วยสัญญาเช่าคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit และคลังสินค้าสำเร็จรูปมากกว่า 105,000 ตารางเมตรจากลูกค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสุขภาพ รวมถึงอีก 35,000 ตารางเมตรจากโครงการแรกในจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) ประเทศเวียดนาม ผ่านความร่วมมือกับ Daiwa House นอกจากนี้ยังมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR รวมทั้งหมด 40,172 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,065 ล้านบาท ซึ่งการเปิดตัว Mobilix ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของ WHA ในการนำเสนอโซลูชันกรีนโลจิสติกส์แบบครบวงจรครั้งแรกของไทย ซึ่งประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ

  1. บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร
  2. สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
  3. ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) เพื่อรองรับการจัดการและบริหารขนส่ง

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานของ Mobilix ที่จะดำเนินการจะประกอบด้วย 4 แนวทางหลัก ได้แก่

  1. พัฒนาพันธมิตรทางธุรกิจ (Develop Partnership) โดยเน้นการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เช่น ผู้ผลิตยานยนต์ (OEM) และแพลตฟอร์มการขนส่ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
  2. ขยายช่องทางการขาย (Expand Sales Channels)โดยทำผ่านผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า
  3. การเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ (Launch New Products) เช่น รถยนต์ EV รุ่นใหม่ และโซลูชันการสลับแบตเตอรี่
  4. การนำเสนอข้อเสนอทางการค้าใหม่ ๆ (Provide New Commercial Offerings) รวมถึงการให้บริการแบบ BaaS (Battery as a Service) และบริการ All-Inclusive เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

เป้าหมายของ Mobilix คือการเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าและหางลากให้เช่าเป็น 1,000 คันภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อน WHA ให้เป็นผู้นำในด้านกรีนโลจิสติกส์และระบบขนส่งที่ยั่งยืนในอนาคต

WHA Industrial Development (กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม)

ปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group หรือที่รู้จักกันในชื่อ WHA Industrial Development ว่ามีแนวทางในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพียงแค่การขายที่ดิน น้ำ และไฟฟ้า แต่ยังมุ่งเน้นการนำเสนอ Total Solution ที่ครบวงจรให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการลงทุน การให้บริการต่าง ๆ รวมถึงการดูแลในทุกด้านที่นักลงทุนต้องการ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด แต่ยังช่วยสร้างรายได้ในรูปแบบของ Recurring Income ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง

WHA Industrial Development มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่พร้อมดำเนินการและกำลังพัฒนาอยู่รวมกว่า 78,000 ไร่ มีที่ดินพร้อมขายอีก 2,500 ไร่ ทั้งนี้ บริษัทยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการมาแล้ว 12 แห่งในประเทศไทย และอีก 1 แห่งในประเทศเวียดนาม โดยนิคมอุตสาหกรรมบางแห่งได้ดำเนินการมากว่า 30 ปี จึงเป็นการยืนยันถึงความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนานในวงการนี้ การขยายตัวในประเทศไทยมุ่งเน้นที่การพัฒนา นิคมอุตสาหกรรมใหม่ เช่น WHA SIL (สระบุรี), ESIE 5, ESIE 2.1, และ ESIE 3.1 นอกจากนี้ ยังมีการขยายพื้นที่นิคมเก่า ๆ ที่ได้รับการพัฒนาติดกันในรูปแบบ Expansion เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง

WHA ยังขยายธุรกิจสู่เวียดนาม โดยพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใน 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ Nghe An, Thanh Hoa และ Quang Nam ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • Nghe An: มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรวม 13,125 ไร่ โดยระยะที่ 1 ของ WHA Industrial Zone 1 ดำเนินการแล้ว โดยมีการลงทุนจาก Goertek มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และพื้นที่กว่า 80% ได้ถูกเช่าแล้ว ส่วนระยะที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีการเช่าพื้นที่แล้ว 48%
  • Thanh Hoa: นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่นี้ครอบคลุม 7,188 ไร่ โดยมีแผนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เช่น WHA Smart Technology Industrial Zone ที่อยู่ระหว่างขออนุมัติ และมีกำหนดก่อสร้างตั้งแต่ปลายปี 2024
  • Quang Nam: พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 2,500 ไร่ โดยอยู่ในขั้นตอนการลงนาม MOU เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรม

ส่วนในอนาคต WHA จะดำเนินไปตามแผนอย่างต่อเนื่องในปี 2024 โดยมีแผนพัฒนา 2,400 ไร่ และในปี 2025 จะขยายเพิ่มอีก 2,000 ไร่ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใหม่ในจังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการปรับผังเมืองเพื่อรองรับการลงทุนที่จะเข้ามาในปี 2027

และนอกเหนือจากการขายที่ดิน WHA ยังวางแผนการให้บริการที่ครบวงจรแก่ลูกค้าหรือ Total Solution เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่าย Underground Fiber Optic สำหรับนักลงทุน และการขยายบริการในด้านการจัดการพลังงาน และ Facility Management เพื่อเพิ่มรายได้ในรูปแบบของ Recurring Income ให้กับบริษัทในอนาคตอีกด้วย

WHA Utilities & Power (กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน)

สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 กลุ่มธุรกิจ WHA Utilities & Power ได้รับผลประกอบการที่ดีเกินคาด เกิดจากกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างรอบคอบ และได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของการลงทุนและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งมีผลบวกต่อธุรกิจโดยรวม

ด้านเทรนด์ธุรกิจ Utilities & Power มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และอีกเทรนด์สำคัญคือ ESG (Environmental, Social, and Governance) ซึ่งครอบคลุมเรื่องการใช้น้ำและพลังงานอย่างยั่งยืน ลูกค้าของ WHA มีความต้องการใช้น้ำที่มีคุณภาพสูงขึ้น มีการนำระบบรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้เพื่อลด Water Footprint และการใช้ Green Energy ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2567 ของ WHA Utilities สามารถเพิ่มผลประกอบการปริมาณน้ำและการจัดการน้ำเสียรวมได้ 67 ล้านลูกบาศก์เมตร (เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน) ปริมาณน้ำดิบ (Raw Water) 18 ล้านลูกบาศก์เมตร (เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน) และปริมาณน้ำที่มีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Water) 4 ล้านลูกบาศก์เมตร (เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน) ด้วยโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น

  • การสนับสนุนนิคมอุตสาหกรรมของ WHA เช่น เพิ่มกำลังการผลิตน้ำและการจัดการน้ำเสียใน WHAIER ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 2 ของปี 2567 โดยจะเพิ่มกำลังการจัดหาน้ำขึ้นอีก 5.6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
  • การทำ Value-added Products โดยในเดือนพฤษภาคม 2567 ได้ลงนามสัญญากับ GC เพื่อจัดหาน้ำที่ผ่านการกรองพิเศษ (premium clarified water) ปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
  • การขยายแหล่งน้ำดิบทางเลือก ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2567 ปริมาณน้ำดิบทางเลือกจะเพิ่มขึ้น 31% จาก 17.5 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2023 เป็น 23 ล้านลูกบาศก์เมตร
  • การขยายโอกาสนอกพื้นที่ของ WHA ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มปริมาณน้ำจากสัญญาการจัดหาน้ำใหม่ ๆ นอกพื้นที่ WHA รวม 10.5 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2567
  • โครงการริเริ่มใหม่อื่น ๆ เช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้ลงนาม MOU กับ MWA เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายระบบจัดหาน้ำในพื้นที่เป้าหมาย รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
  • การใช้ความเชี่ยวชาญของ WHAUP เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ลงทุนใน Duong River Surface Water Treatment Plant และ Cua Lo Water Plant ที่ประเทศเวียดนาม

สำหรับกลยุทธ์ของ WHA Utilities ในธุรกิจการจัดการน้ำและน้ำเสีย ซึ่งมีการเติบโตควบคู่ไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมของ WHA โดยกลยุทธ์หลักมีดังนี้

  1. การเติบโตภายในนิคมอุตสาหกรรม WHA Utilities ได้รับโอกาสเป็นผู้ให้บริการน้ำและน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเมื่อมีการขยายพื้นที่นิคมมากขึ้น WHA ก็มีโอกาสในการจัดหาน้ำให้กับลูกค้ามากขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้น้ำต่อพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นและช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
  2. การขยายตัวนอกนิคมอุตสาหกรรม WHA Utilities ได้นำความเชี่ยวชาญและความรู้ไปใช้ในการเติบโตนอกนิคมอุตสาหกรรม เช่นในเวียดนาม WHA ได้ลงทุนใน 2 โครงการที่เกี่ยวข้องกับการขายน้ำประปาให้กับเมืองฮานอย และเมืองที่มีนิคมอุตสาหกรรมของ WHA
  3. การนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ (Digitization) โดยใช้ Smart Platform เพื่อติดตามและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของลูกค้าในแต่ละจุด ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดการใช้พลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น รวมถึงพัฒนา Unified Operation Center (UOC) ช่วยให้ WHA เข้าใจลูกค้ามากขึ้นและสามารถเสนอทางออกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าในอนาคต

ทางฝั่ง WHA Power ด้านของผลประกอบการผลิตพลังงานของ WHA ในประเทศไทยมีกำลังการผลิตรวม 682 MW โดยแบ่งตามประเภทของพลังงานดังนี้

  • โรงไฟฟ้าพลังงานดั้งเดิม: กำลังการผลิต 528 MW
  • พลังงานจากขยะอุตสาหกรรม: กำลังการผลิต 3 MW
  • พลังงานน้ำ: กำลังการผลิต 19 MW
  • พลังงานแสงอาทิตย์: กำลังการผลิต 132 MW ซึ่งมีโครงการพัฒนาเพิ่มเติมในครึ่งปีแรกของปี 2024 โดยมีการเริ่มดำเนินการ 22 MW และมีแผนขยายอีก 250 MW รวมถึง FiT 125 MW

ในครึ่งปีแรกของปี 2567 WHA ได้ลงนามสัญญา PPA ใหม่ 26 ฉบับ รวมกำลังการผลิต 72 MW และมีโครงการ EPC 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 2 MW นอกจากนี้ ยังมีโครงการ FiT Solar Farm อีก 4 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตรวม 85 MW ในปี 2568

สำหรับกลยุทธ์ของ WHA Power จะมุ่งเน้นในการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าโดยครอบคลุมหลายประเภทของเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ขยะ และไฮโดรเจน อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานโลกที่มุ่งเน้นความยั่งยืน การจัดการสิ่งแวดล้อม (ESG) และพลังงานสะอาด (Green Energy) ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ต้องการลดการปล่อยมลพิษและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ภาครัฐมีการสนับสนุนและลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์และลม มากขึ้น ส่วนในฝั่งต่างประเทศก็มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนามซึ่งมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่างชัดเจน ทาง WHA กำลังพิจารณาความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเสี่ยงต่ำและมีกฎหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาโครงการด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคนี้มากขึ้น

และที่สำคัญที่สุดคือธุรกิจ S-Curve ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตพลังงาน เช่น การพัฒนาโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SMR) และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตที่ยั่งยืน WHA ยังให้ความสำคัญกับ Green Logistics โดยมีการพัฒนา Charging Station สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าในเส้นทางที่ชัดเจนและมีการลงนามสัญญาการให้บริการ ทำให้ความเสี่ยงทางธุรกิจลดลงและสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยกำลังขยายโครงการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโดยมีกำลังการชาร์จรวม 2,880 kW ที่ Map Ta Phut, Laem Chabang, WHA Tower และ WHA ESIE1 และตั้งเป้าเปิดตัวจุดชาร์จอีก 120 จุดในปี 2024 อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น P2P Energy Trading Platform (Renex) ซึ่งได้รับรางวัล Most Innovative Energy Trading Service Platform จาก International Finance Awards 2023 และมีการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานเพิ่มเติมจาก I-REC โดยปัจจุบันดำเนินการในตลาด 2 แห่ง ได้แก่ WHA ESIE1 และ ESIE2

สุดท้าย WHA ยังมีการจัดการคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการ Thailand Voluntary Emission Reduction Program (T-VER) โดยในปี 2023 เรามีคาร์บอนเครดิตรวม 48,576 ตัน CO2 และตั้งเป้าในปี 2024 ไว้ที่ 78,776 ตัน CO2 นอกจากนี้ยังมีโครงการ International Renewable Energy Certificate (I-REC) ซึ่งมีใบรับรองพลังงานหมุนเวียนรวม 4,000 REC ในปี 2023 และตั้งเป้าในปี 2024 ไว้ที่ 103,000 REC อีกด้วย

WHA Digital (กลุ่มธุรกิจดิจิทัล)

wha-tech-driven-organization

นันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ WHA Digital ว่า WHA Digital มีพันธกิจหลัก 2 ส่วนสำคัญคือ

  • การขับเคลื่อน Digital Transformation ด้วยการมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลภายใน WHA Group โดยการนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนให้กับการทำงานขององค์กร
  • Unlock Revenue Potential โดยมุ่งสร้างรายได้ใหม่ผ่านการใช้เทคโนโลยี โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์ม เช่น Mobilix ซึ่ง WHA Digital มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ พร้อมกับการเปิดโอกาสสร้างรายได้ใหม่นี้ไม่เพียงแค่คิดค้นภายใน WHA Digital แต่ยังทำงานร่วมกับทุกกลุ่มธุรกิจของ WHA เพื่อหาศักยภาพที่เทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยเสริมได้

ดังนั้น กลยุทธ์ต่อไปของ WHA Digital คือการขยายบทบาทของบริษัทให้เป็น Tech Company และ Sustainable Company อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่หยุดเพียงแค่การประกาศ แต่ยังคงพัฒนาต่อไปเพื่อสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ที่สามารถรองรับและสนับสนุนการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจของ WHA Digital ในปี 2025 เป็นต้นไป จะยังคงยึดถืออยู่ 3 เรื่อง คือ

  1. Empower group business โดยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ของ WHA เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการปรับปรุงการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตและเสริมความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น WHA Web Portal, LBDMS, Easy Invest App ฯลฯ
  2. Create New Value-Added Products for Customers โดยการพัฒนาโซลูชันใหม่ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าโดยใช้เทคโนโลยีสำคัญ เช่น Low-Code Development Application, IoT Platform (IoX) เช่น Solar Rooftop Monitoring Dashboard
  3. Explore New Business Streams สำรวจและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าภายในและภายนอกของ WHA เช่น การทำ Mobilix Platform แพลตฟอร์มสำหรับการจัดการ Green Logistics เป็นต้น
WHA-AI-Project

นอกจากนี้ WHA ได้ดำเนินการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ผ่านกระบวนการทรานส์ฟอร์มหลายด้านอย่างเป็นระบบ โดยมีการแบ่งแผนการพัฒนาออกเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ พร้อมดำเนินโครงการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี AI รวม 12 โครงการ อาทิเช่น Computer Vision, AI/ML Data Insights, Generative AI, และ AI Cybersecurity ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาเสริมศักยภาพขององค์กร รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันในตลาดอย่างยั่งยืน

จะเห็นว่า WHA ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง 2567 ด้วยการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์กรีนโลจิสติกส์และ Mobilix สำหรับการเป็น Tech & Sustainable Company ด้วยผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในครึ่งปีแรก นอกจากนี้ WHA ส่งเสริมการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจใหม่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในอนาคตทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติมในหลายโครงการ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ภาคเอกชนไทยหนุนความร่วมมือ ACMECS ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืน

BDI โชว์แพลตฟอร์ม Envi Link ใช้ AI วัดค่าคาร์บอนฟุตพรินต์เมืองภูเก็ต นำร่องเมืองท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ

×

Share

ผู้เขียน