คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ ไอบีเอ็ม แถลงความร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อนำเทคโนโลยี AI และดิจิทัลแพลตฟอร์มมาใช้ในวงการแพทย์อย่างครบวงจร ยกระดับ Healthcare ของประเทศไทยสู่ระดับสากล
นายแพทย์บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้ร่วมมือกับไอบีเอ็ม ในการทำ Digital Transformation เป็น New Chapter ของการยกระดับ Healthcare ในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคณะแพทยศาสตร์ฯ ที่ต้องการให้เป็น “โรงเรียนแพทย์ในดวงใจ” มุ่งยกระดับสุขภาวะของมนุษยชาติอย่างยั่งยืน ผ่านพันธกิจหลัก 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษา การวิจัย และการบริการที่เป็นประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ป่วย
สำรวจปัจจัยการขับเคลื่อนภาคบริการสุขภาพประเทศไทย ประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก
- Aging population (ประชากรสูงวัย) ประชากรสูงวัยในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีความต้องการด้านบริการสุขภาพเพิ่มขึ้น เช่น การดูแลระยะยาวและการจัดการโรคเรื้อรัง
- Government investments (การลงทุนของรัฐบาล) ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางสุขภาพและการขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพ
- Medical tourism (การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์) ชื่อเสียงของประเทศไทยในด้านการให้บริการสุขภาพคุณภาพสูงและคุ้มค่า ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทางการแพทย์จากต่างประเทศ
- Technological advancements (ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี) การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เช่น การแพทย์ทางไกลและโซลูชันสุขภาพดิจิทัล เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงและประสิทธิภาพของการให้บริการสุขภาพ
จากปัจจัยดังกล่าว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น AI จะเข้ามามีบทบาทในทุกพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การวิจัย หรือการบริการ ซึ่งปัจจุบัน มช. ได้พัฒนาศูนย์ Operation Center เพื่อมอนิเตอร์ข้อมูลสำคัญต่างๆ ของคณะ และปรับปรุงระบบให้ Lean และ Effective มากยิ่งขึ้น เช่น
- ด้านการบริการ ลดเวลาในกระบวนการรักษาผู้ป่วยให้สั้นลง เช่น OPD และระบบเซอร์วิสไซเคิล
- ด้านการศึกษา ใช้เทคโนโลยี AR/VR และระบบติดตามสุขภาพนักศึกษา
- ด้านการวิจัย มีระบบติดตามงานวิจัยแบบดิจิทัล พร้อมนำเสนอในงานประชุมประจำปี
ทั้งนี้ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ปรับตัวสู่ Digital Hospital เกือบ 100% เช่น
- Telemedicine ระบบแพทย์ทางไกล รวมถึง Telepharmacy ระบบจ่ายยาออนไลน์ และ Tele-X-Ray ระบบวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ทางไกล
- AI Integration นำ AI มาช่วยวิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วย
- Electronic Queue ระบบคิวและการชำระเงินผ่านคีออสและแอปพลิเคชัน
- Robot-Assisted Medication ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดยา
อโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ยกระดับการดูแลผู้ป่วย และจะเป็นโครงการนำร่องครั้งแรกในประเทศไทยและแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้ VR อย่างเต็มรูปแบบในบริการทางการแพทย์”
“การได้มาร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในเชียงใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ เพราะเคยใช้ชีวิตในวัยเด็กตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้น ก่อนจะไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ การกลับมาครั้งนี้เหมือนได้ Contribute กลับให้บ้านหลังที่สอง ขอแสดงความยินดีกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ที่ทำให้เชียงใหม่ได้รับการยกย่องเป็นอันดับสองของโลกในด้านการให้บริการสุขภาพ คุณภาพการแพทย์ของเชียงใหม่ช่วยดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก โดยเฉพาะผู้เกษียณอายุที่เลือกเชียงใหม่เป็นที่อยู่อาศัย”
– อโณทัย เวทยากร กับภาระกิจปั้น IBM สู่ผู้นำ AI และ Hybrid Cloud
ไอบีเอ็มเป็นองค์กรที่มีประวัติยาวนานกว่า 114 ปี แม้เป็นบริษัทเก่าแก่ แต่ยังคงทันสมัยและปรับตัวเพื่อสอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลง บริการหลักที่โดดเด่น ประกอบไปด้วย
- โครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน 70% ของธุรกรรมการเงินทั่วโลกผ่านระบบของไอบีเอ็ม
- ผู้ให้บริการชำระเงิน 8 ใน 10 ของผู้ให้บริการบัตรเครดิตใช้โซลูชันจากไอบีเอ็ม
- เทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพล เราเป็นผู้พัฒนานวัตกรรมสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เมนเฟรม เอทีเอ็ม บาร์โค้ด และเลสิก
นำ AI ยกระดับการแพทย์ในประเทศไทย
ไอบีเอ็มร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำ WatsonX แพลตฟอร์ม AI มาใช้ในระบบเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยย้อนหลังและช่วยแพทย์ตัดสินใจในการรักษา ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ ลดขั้นตอนการทำงานจาก 100 คลิกเหลือเพียง 1 คลิก และการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย ระบบจะสามารถเสนอการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด หรือปัสสาวะโดยอัตโนมัติ
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในวงการแพทย์และการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างยั่งยืน ไอบีเอ็มพร้อมสนับสนุนการวิจัยและโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ช่วยพัฒนาสุขภาวะของมนุษยชาติในอนาคต
– คณะแพทย์ มช. จับมือ IBM พัฒนา Agentic AI ยกระดับบริการห้องแล็บโรงพยาบาล
WatsonX Auto AI ช่วยยกระดับการทำงานในโรงพยาบาลได้อย่างไรบ้าง?
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์กฤษณ์ ขวัญเงิน รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงบทบาทของ WatsonX Auto AI ในการยกระดับการทำงานของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดภาระงานในกระบวนการต่างๆ ของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น การซักประวัติ การสั่งแล็บ และการทำนัดหมาย ระบบนี้ทำงานร่วมกับข้อมูลผู้ป่วยและแพลตฟอร์มต่างๆ และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานบริการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิผล
หนึ่งในจุดเด่นของระบบนี้คือ ความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Cybersecurity) และการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญในการใช้งาน AI ทางการแพทย์ นอกจากนี้ ระบบยังสามารถขยายขอบเขตการใช้งานไปยังโปรแกรมอื่น ๆ ได้อย่างยืดหยุ่นในอนาคต
ตัวอย่างหนึ่งที่ได้นำเสนอในวันนี้ คือการประยุกต์ใช้ AI ในการสั่งแล็บและจัดการข้อมูลของผู้ป่วย โดย AI สามารถช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และทำให้แพทย์และพยาบาลมีเวลาไปดูแลผู้ป่วยมากขึ้น ระบบนี้ไม่เพียงแต่ลดขั้นตอนการทำงาน แต่ยังสามารถปรับปรุงการทำงานของแพทย์และพยาบาลให้ดียิ่งขึ้นในทุกกระบวนการ โดยใช้เวลากว่า 8 เดือนในการทดสอบระบบ AI ของ IBM (WatsonX Auto AI) เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสามารถทำงานร่วมกับข้อมูลในโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ผลและเป็นไปตามกฎหมาย เช่น พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)
นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงโครงสร้างซอฟต์แวร์ในปัจจุบันและความโดดเด่นของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย โครงสร้างซอฟต์แวร์ ทุกโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา มีการใช้ซอฟต์แวร์ด้านการศึกษาอย่างกว้างขวาง และมีโครงสร้างซอฟต์แวร์การวิจัยที่แข็งแกร่ง เช่นการวิจัยที่ใช้ Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งนี้ยังมีซอฟต์แวร์กลางสำหรับแพทย์ เภสัชกร และพยาบาล ซึ่งทำให้การทำงานในแต่ละส่วนเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
IBM จับมือ L’Oréal สร้างโมเดล AI ต่อยอดการสร้างสรรค์เครื่องสำอางอย่างยั่งยืน
10 เทรนด์เทคโนโลยีทางการแพทย์ปี 2025
