Share on
×

Share

เหรียญสองด้าน ‘กาสิโน’ ปั๊มเศรษฐกิจ

น่าสนใจว่า ‘เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’ ของรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย จะทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่หรือไม่ เพราะกระแสคัดค้านขยายวงกว้างเรื่อย ๆ ข้อเท็จจริงกลุ่มคนที่สนับสนุนกับกลุ่มคนค้าน เป็นกลุ่มที่มีความคิดทางการเมืองคนละขั้วอยู่ก่อนแล้ว จึงมีความเห็นต่างกันอย่างสุดขั้วต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเปิดใจรับฟังกัน

ถ้าดูจากเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ในลาสเวกัส และมาเก๊า รายได้หลักจะมาจากกาสิโน เปิดให้เล่นตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งปีไม่มีวันหยุด ภายในคอมเพล็กซ์มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าแบรนด์หรู สวนสนุก และกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ ส่วนเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ของไทย รัฐบาลอ้างว่ามีกาสิโนเพียง 10% ที่เหลือจะศูนย์ท่องเที่ยวครบวงจร เช่น การจัดประชุม การจัดนิทรรศการระดับโลก การจัดคอนเสิร์ต สวนน้ำสวนสนุก ในรูปแบบสมัยใหม่

แต่ที่รัฐบาลบอกกาสิโน แค่ 10% เป็นเรื่องของพื้นที่ไม่ใช่รายได้ โดยรายได้หลัก ๆ น่ามาจากกาสิโนไม่ใช่สถานบันเทิง

เหรียญย่อมมีสองด้าน หากวัดความสำเร็จในเชิงเศรษฐกิจล้วน ๆ ก็น่าสนใจ ตัวอย่างมาเก๊ามีรายได้จากสถานบันเทิงครบวงจร 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี, สิงคโปร์ มีรายได้ 4.3 แสนล้านบาทต่อปี, เกาหลีใต้ มีรายได้ 3.2 แสนล้านบาทต่อปี, ฟิลิปปินส์ มีรายได้ 2.2 แสนล้านบาทต่อปีและเวียดนาม มีรายได้ 1.8 แสนล้านบาทต่อปี เป็นต้น

จากกรณีศึกษา พบว่าขนาดตลาด 54 ล้านล้านบาทในปี 2022 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปีนอกจากนั้น 4 ใน 7 ประเทศที่มีรายได้จากสถานบันเทิงครบวงจรสูงสุดอยู่ในอาเซียน สะท้อนถึง แนวโน้มธุรกิจที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้

ทั้งนี้ จากการศึกษาผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ GDP เป็น 1-2% การลงทุนจากต่างประเทศราว 3 แสนล้านบาท รายได้ภาษีเพิ่มขึ้น 4.4 แสนล้านบาท จำนวนท่องเที่ยว (ช่วงปี 2010-2023) เติบโต 47% เฉพาะในส่วนของเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์มีการจ้างงาน 20,000 ตำแหน่ง แต่ในธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถจ้างงานได้

แต่ก็มีประเทศที่มีกาสิโน ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ เช่น กัมพูชา ลาวและพม่าที่ตั้งอยู่ติดชายแดนไทยจึงมีคำถามว่าในส่วนของไทยมีความพร้อมแค่ไหน ทั้งในเรื่องกฏหมายรองรับ การบังคับใช้กฏหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ หากไม่พร้อมหรืออ่อนแออาจจะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของทุนสีเทาได้

มีข้อน่าสังเกตุว่า โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ใบอนุญาตครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก ๆ น้อยกว่าเงินหมุนเวียนเว็บพนันออนไลน์เสียอีก อีกทั้งโครงการนี้ไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้เหมือนกับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั่ว ๆ ไปว่ารายได้แต่ละปีเป็นอย่างไรมาจากไหนเท่าไหร่ กลยุทธ์การตลาดเป็นอย่างไร เป็นต้น

หากมองในเชิงรายได้ ก็อาจจะตอบโจทก์เศรษฐกิจระดับหนึ่ง แต่ต้องไม่มองข้ามมิติทางสังคมที่เป็นเหรียญอีกด้านที่ถือว่าสำคัญเช่นกัน เรื่องนี้ผศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จากงานวิจัยเมื่อปี 2017 ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร Gaming Studies ซึ่งเป็นวารสารวิจัยชั้นนำของโลก นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Buffalo นิวยอร์ก สหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาผลของการมีกาสิโนว่า ยิ่งมีกาสิโนถูกกฎหมาย ในพื้นที่ใด และนานขึ้นเท่าใด จะมีผลทำให้ผู้คนที่มีปัญหาการพนันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเวลาคนติดการพนัน ก็จะมีผลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือน สถาบันครอบครัวไม่เข็มแข็ง และมีปัญหาอาชญากรรม โดยกาสิโนถูกกฎหมายนั้น มีความสัมพันธ์ต่ออัตราการเกิดอาชญากรรมในสหรัฐฯ

 “จากผลการศึกษาฯพบว่า คนติดพนันมีแนวโน้มฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ 12 เท่า และเมื่อติดการพนันแล้ว ต่อให้มีการบำบัดแล้ว โอกาสกลับมาเป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้น รัฐบาลที่มองกาลไกลและหวังดีต่อประเทศชาติและประชาชน จะไม่นำประชาชนไปติดพนันก่อน แล้วนำมาบำบัด”

ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจจากผลการศึกษาของ ศ.เอิร์ล ไกรโนลลส์ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านการคลัง ทำการศึกษาในเรื่องการพนันมายาวนาน ได้มีผลศึกษาที่น่าตกใจว่าเงิน 1 ดอลลาร์ที่ได้มาจากภาษีกาสิโน แต่รัฐต้องเสียงบประมาณในการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากกาสิโน 3 ดอลลาร์ฯ คือ ได้ไม่คุ้มเสีย

ขณะที่ผลการศึกษาของมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ พบว่า แม้ว่ากาสิโนจะทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นจริง แต่เป็นการจ้างที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกับประเทศ ส่วนใหญ่เป็น low skill ไม่ต้องมีทักษะมากมาย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศรายได้สูง จึงเป็นไปได้ยาก

สุดท้าย ผลศึกษาของ Federal Reserve Bank of Philadelphia พบว่า เมืองแอตแลตติกซีตี้ ซึ่งหาดทรายสวย น้ำทะเลใส ปรากฏว่า การมีกาสิโนถูกกฎหมายในเมืองแอตแลตติกซีตี้ ไม่ได้เกิดผลดีต่อพื้นที่เพราะถ้าดูในแง่รายได้พบว่ารายได้เฉลี่ยของประชากรต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆในมลรัฐเดียวกัน และมีความยากจนสูงมาก โดยจำนวนคนสัดส่วนคนที่ต่ำกว่าเส้นยากจนในแอตแลตติกซิตี้อยู่ที่ 32.4% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั้งมลรัฐอยู่ที่ 9.7% สะท้อนว่า การมีกาสิโนไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

 “ประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ดี มีคอร์รัปชันมีการจัดการสังคมที่ดี ประชากรส่วนใหญ่มีคุณภาพ เวลามีกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นมา มันจึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก แต่หากประเทศใด มีการคอร์รัปชันรุนแรง การบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนด้อย หรือมีความอ่อนแอ หากคิดจะเปิดกาสิโนเป็นกิจกรรมถูกกฎหมาย ก็พึงระวังว่าจะเกิดหายนะทางสังคมและเศรษฐกิจ” ผศ.ดร.ชิดตะวัน ตอกย้ำ

ฉะนั้นหากรัฐบาลจะเดินหน้าจริง ๆ ต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ ต้องทำประชาพิจารย์ฟังเสียงประชาชนทุกฝ่าย ด้วยความรอบคอบและชอบธรรม

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

อย่าให้การลงทุนเป็นแค่ ‘ภาพลวงตา’

“คลัง” รื้อใหญ่ ภาษีเพื่อใคร 

ปีนี้ซึมยาว… ปีหน้าประเทศไทยเสี่ยงทรุด

×

Share