บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี หรือ CHAO ประกาศยุทธศาสตร์ปี 2568 มุ่งสู่แบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทยชั้นนำระดับโลก ตั้งเป้ารายได้เติบโตทะลุ 2,200 ล้านบาท ภายในปี 2570 ผ่าน 4 กลยุทธ์สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านการตลาด นวัตกรรมและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เสริมความแข็งแกร่งในการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และการขยายตลาดสู่ระดับสากล
ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เจ้าสัว เป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ของไทย ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “นำสูตรลับความอร่อยตำรับเจ้าสัวสู่คุณ” โดยมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ด้วยกรรมวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทำให้อายุอาหารอยู่ได้ยาวนานขึ้น พร้อมพัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีความทันสมัย พกพาง่าย ให้สามารถรับประทานได้ทุกวัน (Everyday Consumption)
บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการรักษาการเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ควบคู่กับการเดินหน้ายุทธศาสตร์สำคัญในการนำพาแบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทยไปสู่ตลาดโลก ภายใต้แนวคิด “Bring local to global” เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทยชั้นนำระดับโลก
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโตทะลุ 2,200 ล้านบาท ในปี 2570 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 12% ต่อปี ผ่าน 4 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สร้างการเติบโต ได้แก่
- ความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence): ตั้งเป้าสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ผ่านการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยและน่าสนใจ ตอกย้ำเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านแคมเปญการตลาดที่แข็งแกร่ง ผสมผสานสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างลงตัว สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้บริโภค รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ “เจ้าสัว” ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำขนมขบเคี้ยวคุณภาพของไทย
- นวัตกรรมและความหลากหลาย (Product Innovation & Diversification): มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (NPDs) ไม่ต่ำกว่า 15-20 SKUs อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีแผนขยายไปสู่ตลาดขนมเพื่อสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์กระแสรักสุขภาพที่กำลังมาแรง นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าสู่หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
- เสริมความแข็งแกร่งในการจัดจำหน่าย (Distribution Channel Reinforcement): ให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่องทางค้าปลีกทั้งแบบดั้งเดิม (Traditional Trade: TT) และค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade: MT) ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่องทางออนไลน์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการขยายไปยังช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม สำหรับในตลาดต่างประเทศ กลุ่มประเทศเดิมที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในตลาดและมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เดิมที่เคยได้รับผลตอบรับดีจากผู้บริโภคอยู่แล้ว บริษัทฯ จะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กลุ่มลูกค้าเดิม ควบคู่กับการขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ประเทศจีน และประเทศในภูมิภาคเอเชีย
- การขยายตลาดสู่ระดับสากล (International Market Expansion): ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการขยายสู่กลุ่มประเทศใหม่เพิ่มเติม 5-10 ประเทศ โดยมุ่งเน้นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพเติบโตในภูมิภาคเอเชีย และยุโรป ผ่านการออกงานแสดงสินค้า พร้อมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงให้ความสำคัญกับการวางแผนในการเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างมีกลยุทธ์ และรอบคอบ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น และตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างครอบคลุม นอกจากนี้ ด้วยแนวคิด “Better-for-You” Snack ซึ่งกำลังเติบโตทั่วโลก บริษัทฯ วางแผนสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยการเสริมความแข็งแกร่งและสร้างรากฐานในประเทศใหม่ๆ พร้อมขยายไปสู่ภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง รวมถึงตลาดในกลุ่มประเทศฮาลาล ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการเติบโต
สิริณัฏฐ์ ชญาน์นันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยวไทยระหว่างปี 2567-2570 คาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 6.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัว โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป สำหรับภาคเอกชนมีแรงส่งต่อเนื่องจากภาคธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่มีแรงสนับสนุนหลักจากการฟื้นตัวของรายได้
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่เจ้าสัวดำเนินธุรกิจอยู่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยระหว่างปี 2567-2570 คาดว่าจะยังมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก สำหรับตลาดข้าวตังคาดการณ์ว่าจะเติบโตที่ CAGR 14.4% ซึ่งเจ้าสัวมีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่งที่ 79% คาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าตลาดรวมที่ 1,635 ล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์คาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 13.9% โดยเจ้าสัวครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่งที่ 62% และคาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 732 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแกร่งว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของเจ้าสัวมีความแตกต่างและโดดเด่น มีศักยภาพเติบโตได้ดีกว่าตลาดขนมขบเคี้ยวโดยรวม
ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของขนมขบเคี้ยวกลุ่ม Better-for-you Snack ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จึงได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุม รวมทั้งสร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพื่อเป็นขนมขบเคี้ยวทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค ควบคู่กับการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ หรือ Modern Thai Snacks ซึ่งเจ้าสัวเป็นผู้นำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
AssetWise ฉลอง 20 ปี มุ่งสร้างความสุข…ให้ทุกจังหวะของชีวิต พร้อมเปิดตัว 10 โครงการใหม่