ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ประเทศไทยไม่ได้มีแค่กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้มีแค่ใจกลางเมือง” เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ได้วางหมากสำคัญในการพลิกโฉมภูมิทัศน์ของเมืองไทย ด้วยการกระจายความเจริญสู่ชานเมืองและหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผ่านเมกะโปรเจกต์ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ศูนย์การค้า แต่เป็นการสร้าง “เมืองใหม่” และ “ย่านใหม่” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คน
วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า กลยุทธ์การพัฒนา Retail-Led Mixed-Use Development ของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับ 4 เรื่อง ได้แก่ ทำเลที่มีศักยภาพที่สุด การศึกษาการตลาดและความต้องการของผู้บริโภค การวางแผนออกแบบให้ทุกองค์ประกอบเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว และการจับมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในปี 2567 โดยมี All-Time High ในทุกมิติและในทุกธุรกิจหลักทั้ง 4 คือ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจที่อยู่อาศัย ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจออฟฟิศให้เช่า
“ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จ All-Time High ในทุกมิติทั้งรายได้รวมที่ 51,843 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท อีกทั้งดึงดูด All-Time High Traffic รวมกว่า 500 ล้าน Visits ต่อปี และมีนักท่องเที่ยวมาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลถึง 67 ล้าน Visits ต่อปี” วัลยากล่าว
CPN ประกาศวิสัยทัศน์ 5 ปี (2568-2572) เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องกว่า 120,000 ล้านบาท เพื่อปั้นเมกะโปรเจกต์ยิ่งใหญ่ ผลักดันกรุงเทพฯ และประเทศไทยสู่เวทีโลก หนึ่งในไฮไลต์คือ เมกะโปรเจ็กต์ เดอะ เซ็นทรัล พหลโยธิน ใช้งบลงทุน 20,000 ล้านบาท
เตรียมปั้น CBD ใหม่ของกรุงเทพฯ ตอนบน

สำหรับโครงการ เดอะ เซ็นทรัล พหลโยธิน ตั้งอยู่ตรงข้ามแดนเนรมิต เป็น The Future Place for All บนที่ดินกว่า 49 ไร่ มีพื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 460,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นศูนย์การค้าระดับ Flagship แห่งอนาคตที่จะรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่สำหรับทุกคน โดยเตรียมเปิดช่วงไตรมาส 4 ของปี 2569
“เราตั้งชื่อห้างแห่งใหม่นี้ว่า เดอะ เซ็นทรัล เพราะเราให้ความสำคัญกับย่านพหลโยธิน ซึ่งเป็นย่านที่มีความพิเศษ และมีโอกาสเป็นย่านเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ เป็นย่านที่เราบุกเบิกมาตั้งแต่ 45 ปีที่แล้ว ตอนที่เราเปิดห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว” วัลยากล่าว
“เราจึงเข้าใจผู้บริโภคเป็นอย่างดี ปัจจุบันมีดีมานด์ที่เติบโตจากความหนาแน่นของประชากรที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มลูกค้าใหม่ เรามั่นใจว่าย่านนี้จะกลายเป็น CBD (Central Business District หรือ ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ) แห่งใหม่ในอนาคตของกรุงเทพฯ”
บริษัทฯ มองเห็นศักยภาพของ เดอะ เซ็นทรัล ว่าจะเป็นเกตเวย์ดึงดูดดีมานด์ใหม่จากลูกค้ากรุงเทพฯ ตอนบน และนักช้อปคุณภาพจากจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาช้อปปิ้งในห้างย่านกรุงเทพฯ ชั้นใน โดยจะเติบโตควบคู่กับ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสแห่งแรก และเป็นแลนด์มาร์กของย่าน สำหรับการมีศูนย์การค้าเซ็นทรัล 2 แห่งจะช่วยเติมเต็มและส่งเสริมความเจริญของย่านนี้
ปัจจุบัน บริษัท เซ็นทรัลอินเตอร์พัฒนา จำกัด อยู่ระหว่างการเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทย เรื่องการต่อสัญญาเช่าที่ของเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งตามสัญญาเดิมจะสิ้นสุดในปี 2571
เปิด เซ็นทรัล พาร์ค ย่านสวนลุมพินีปีนี้
อีกหนึ่งไฮไลต์ของปีนี้คือ การเปิด เซ็นทรัล พาร์ค ทั้งศูนย์การค้าและออฟฟิศในเดือนสิงหาคม 2568
เซ็นทรัล พาร์ค เป็นศูนย์การค้าระดับมาสเตอร์พีซ ตั้งบนทำเลใจกลางกรุงเทพฯ ตรงหัวมุมของถนนสีลมและพระรามที่ 4 บนที่ดิน 23 ไร่ พื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 130,000 ตารางเมตร เน้นดึงแบรนด์ระดับโลกเข้ามามากกว่า 230 แบรนด์
ส่วนเซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศ เป็นอาคารสำนักงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มองเห็นวิวสวนลุมในมุมที่สวยที่สุดได้ตลอดทั้งวัน จะเป็น The Future Work/Life for Global Visionaries ที่ตอนนี้ได้รับการตอบรับจากบริษัทชั้นนำทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่บริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก, ฟาร์มาซูติคอล, ไบโอเทค, และ โลจิสติกส์ เป็นต้น ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดเชื่อมต่อศูนย์การค้าและสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่
ปั้นย่านธุรกิจชานเมือง
กลยุทธ์ของบริษัทฯ อีกอย่างที่น่าสนใจคือ การสร้างย่านธุรกิจและศูนย์การค้าตามชานเมือง โดยมีการตั้งชื่อศูนย์การค้าเพื่อให้ย่านหรือ Neighborhood มีความอินเตอร์มากขึ้น เช่น เซ็นทรัล เวสต์เกท ย่านบางใหญ่ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ย่านเลียบด่วนรามอินทรา และเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ย่านราชพฤกษ์ และที่กำลังจะตามมาคือ เซ็นทรัล นอร์ธวิลล์ โครงการใหม่ที่จะพลิกโฉมย่านรัตนาธิเบศร์ด้วยมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดใจกลางนนทบุรี
เซ็นทรัล นอร์ธวิลล์ ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ด้วยที่ดินถึง 59 ไร่ และมีพื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 210,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 4,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2569
สร้างจุดหมายปลายทางของไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะปั้นเซ็นทรัล ภูเก็ต ให้เป็นแลนด์มาร์คของไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ต่อยอดความสำเร็จในการเป็นห้างลักชูรี่หนึ่งเดียวนอกกรุงเทพฯ ด้วยแผนขยายพื้นที่โซนลักชูรี่อีก 20,000 ตร.ม. โดยลงทุนเพิ่ม 3,000 ล้านบาท เพื่อรับดีมานด์นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่มีกำลังซื้อ ทำให้มูลค่าโครงการทั้งมิกซ์ยูสรวมกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนขยายเฟสแรกจะเปิดในไตรมาส 3 ปี 2569
“เราต้องการวางจุดยืนของภูเก็ตให้เป็นจุดหมายปลายทางของไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา แบรนด์ระดับโลกบางแบรนด์เลือกไปเปิด Flagship Store ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต เพราะมีสินค้าบางแบรนด์ที่ห้างฯ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย” ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด เซ็นทรัลพัฒนากล่าว
ในเดือนตุลาคม 2568 พร้อมเปิดให้บริการ เซ็นทรัล กระบี่ ที่จะผลักดันศักยภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และจะเป็นศูนย์การค้าต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน
เปิดห้างเสริมจุดขาย เมดิคัล ฮับให้ไทย
ในแผน 5 ปี บริษัทฯ จะบุกอีสานเปิดโครงการมิกซ์ยูส เซ็นทรัล ขอนแก่น แคมปัส ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแห่งที่ 2 ของขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง ทำเลมีศักยภาพสูง บนพื้นที่ 30 ไร่ มีพื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 67,000 ตารางเมตร มีกำหนดการจะเปิดไตรมาส 2 ปี 2569 และแผนพัฒนาคอนโดรูปแบบใหม่ และ GO! Hotel แห่งแรกของอีสาน
“ด้วยทำเลที่ตั้งติดกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นและโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีจำนวนเตียงถึง 5,000 เตียง เราคาดหวังว่าห้างของเราจะช่วยผลักดันจุดขายของประเทศไทยในการเป็นเมดิคัล ฮับ เพราะมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางมาใช้บริการด้านสุขภาพที่โรงพยาบาลด้วย” ณัฐกิตติ์ กล่าว
พลิกโฉมห้างรอบกรุงเทพฯ
อาจกล่าวได้ว่า เซ็นทรัลพัฒนาเป็นรายแรก ๆ ที่บุกเบิกเปิดศูนย์การค้าย่านรอบ ๆ กรุงเทพฯ ตั้งแต่ การเปิดเซ็นทรัล ปิ่นเกล้าเมื่อ 30 ปีก่อน ตามมาด้วย เซ็นทรัล บางนา เมื่อ 24 ปีก่อน และ แจ้งวัฒนะ เมื่อ 17 ปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่รอบ ๆ ห้างบางแห่งยังเป็นทุ่งนาอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป มีการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ ผู้คนเติบโตขึ้น มีกำลังซื้อสูงขึ้น ไลฟ์สไตล์ก็เปลี่ยนไปด้วย บริษัทฯ จึงมีแผนพลิกโฉมโครงการในโลเคชั่นสำคัญทั้ง 3 แห่ง โดยสร้างแม็กเน๊ตใหม่ ๆ ทั้งเรื่องแฟชั่น อาหาร บันเทิง ครอบครัว และแบรนด์ดังใหม่ๆ
สำหรับการเปลี่ยนโฉม เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า คาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส 3 ปี 2568 ตามมาด้วย เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ในไตรมาส 4 ปี 2568 และ เซ็นทรัล บางนา เปิดไตรมาส 3 ปี 2569
คาดรายได้โต 10% ต่อปี

สำหรับภาพรวมโครงการทั้งหมดของบริษัทฯ ภายในสิ้นปีนี้จะมีทั้งสิ้น 135 โครงการจากทุกธุรกิจ และจากจำนวนนี้เป็นโครงการมิกซ์ยูสรวมทั้งสิ้น 30 โครงการจากทั้งหมด 44 ทำเลศักยภาพ
จากแผนการลงทุนทั้งหมด ผู้บริหาร CPN คาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 10% พร้อมย้ำว่า ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อแผนการลงทุนของบริษัท เพราะมีการศึกษาแผนการลงทุนและการตลาดมาทั้งหมดอย่างดีแล้ว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แกร็บ ภายใต้แม่ทัพใหม่ ‘จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม’ ปักธงยกระดับชีวิตทุกเจเนอเรชันในปี 68
ถอดรหัส ESG: สูตรลับสู่ความยั่งยืนในกลยุทธ์ธุรกิจ
ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดศูนย์บริการนานาชาติ ดันไทยเป็นจุดหมายคนทำงานทั่วโลก