ความยั่งยืน (Sustainability) กลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนบนโลกพูดถึง และทุกภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญกันมากขึ้น ทั้งในเชิงนโยบายและการลงมือทำ ยูโอบี ประเทศไทย ก็เป็นอีกหนึ่งในองค์กรที่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจให้ก้าวสู่ความยั่งยืนได้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
อัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ Country Head Comertial Banking ของ UOB Thailand กล่าวถึงความสำคัญของความยั่งยืนในแง่ของสถิติต่าง ๆ ผ่านการสำรวจกลุ่มลูกค้าทั้งประเภท SME กลาง และใหญ่มากกว่า 525 รายว่า ธุรกิจมองเห็นและให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรเป็นพิเศษในปี 2567 นี้ ซึ่งผลปรากฏว่า ประเทศไทยตื่นตัวและให้ความสำคัญเกี่ยวกับความยั่งยืนเป็นสัดส่วนที่สูงมาก โดยพบว่า 9 ใน 10 ของธุรกิจหรือมากกว่า 90% มองว่าความยั่งยืนของธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ และเกือบถึงร้อยละ 50 มองว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถ้าเปรียบเทียบในเชิงประเทศและภูมิภาคพบว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณกว่า 80% แต่ของประเทศไทยขึ้นไปถึง 96% ในปี 2022 และในปี 2023 อยู่ที่ 94% และถ้าดูสัดส่วนของการให้ความสำคัญกับการให้ความสำคัญมากนั้นแตกต่างกันหรือไม่ สำหรับธุรกิจ SME หรือองค์กรขนาดใหญ่ พบว่า ใกล้เคียงกัน จึงสรุปได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าประเภทไหนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนในสัดส่วนที่สูงอยู่ดี
สรุปสิ่งที่ธุรกิจยุคนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ “ความยั่งยืน” คือ TOP 5 ที่ทุกธุรกิจไม่อาจมองข้าม
อันดับ 1 ที่ธุรกิจให้ความสำคัญเลยก็คือ การลดค่าใช้จ่ายเกือบ 90%, รองลงมาคือ ทำอย่างไรให้มีลูกค้าใหม่ ทำอย่างไรให้มีรายได้ใหม่ หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ESG หรือความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ขยับขึ้นมาติด Top 5 ในขณะที่เรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องรองลงมา ไม่ว่าจะเป็นการหาพาร์ทเนอร์เพิ่ม, การเพิ่มทักษะให้พนักงาน, การปรับกลยุทธ์ หรือขยับธุรกิจไปต่างประเทศ
ความยั่งยืนกลายเป็นแนวทางสำคัญของธุรกิจยุคนี้แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่ต้องข้ามผ่าน
ถึงแม้ว่าผู้ประกอบการจะรู้แล้วว่าเทรนด์เรื่องความยั่งยืนคือเรื่องสำคัญ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ผู้ประกอบการมองว่าเป็นอุปสรรคเกี่ยวกับการนำความยั่งยืนมาปรับใช้ในองค์กร โดยแบ่งออกเป็น 3 เรื่อง ดังนี้
- ค่าใช้จ่าย เพราะองค์กรต้องดูว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำมากน้อยแค่ไหน มีผลกระทบกับธุรกิจในระยะสั้นหรือกระทบต่อกำไรอย่างไร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไซส์ไหนก็ต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
- ความพร้อมของบุคลากร องค์กรต้องตอบให้ได้ว่าโครงสร้างภายในของบริษัทนั้นพร้อมกับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนหรือเปล่า
- ภาครัฐหรือสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือหรือไม่ โดยภาครัฐหรือสถาบันการเงินนั้นจะสามารถช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างไร มีมาตรการอะไร และธนาคารจะให้การสนับสนุนได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ในด้านสินเชื่อทางธนาคารจะทำให้เข้าถึงเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านได้อย่างไร
แน่นอนว่า หากต้องการทำให้ธุรกิจก้าวเข้าสู่ความยั่งยืนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนทำ ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นที่จะทำให้เกิดเลยก็คือ แรงจูงใจทางด้านภาษี ภาครัฐหรือสถาบันการเงินจะมีมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างไรได้บ้างเพื่อทำให้ธุรกิจลดค่าใช้จ่าย และถ้าหากธุรกิจลงทุนกับเรื่องของความยั่งยืนไปแล้วจะมีส่วนช่วยสนับสนุนในเรื่องของการขยายฐานลูกค้าหรือขายตลาดอย่างไรได้บ้าง เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่ UOB ในฐานะสถาบันการเงินคิดและลงมือทำเพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนสินเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านมากยิ่งขึ้น
ESG Solution จาก UOB หนุนธุรกิจสู่การเปลี่ยนผ่านด้านความยั่งยืน
พนิตตรา เวชชาชีวะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Financial Institution และ ESG Solutions ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึง ESG Solution ที่ธนาคารจะทำงานร่วมกันกับลูกค้าในแต่ละ Segment เพื่อช่วยเหลือให้ธุรกิจพัฒนาสู่ความยังยืน คือ การทำ Sustainable finance framework ที่ทาง UOB ได้พัฒนาขึ้นมาให้สอดคล้องกับ Sustainable Development Goals ของทางสหประชาชาติ ซึ่งจะครอบคลุมใน 6 เรื่องด้วยกัน คือ
- การพัฒนาอาคารสีเขียว อย่างการทำ Smart city หรือเมืองอัจฉริยะที่มีองค์ประกอบร่วมกันหลายอย่าง เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เป็นต้น
- การเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน (Energy Efficiency), การจัดการขยะ, การจัดการน้ำ, การรณรงค์ให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นในเมืองเราจะทำได้อย่างไร ซึ่ง Framework จะทำให้เรื่องของสินเชื่อที่ลูกค้าต้องการอยู่ในกรอบนี้ด้วย
- การจัดการความยั่งยืนสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเกษตรกรรม สำหรับ UOB คือธนาคารที่อยู่ในอาเซียน ดังนั้น ภาคเกษตรกรรมเป็นภาคที่สำคัญ เป็นที่มาว่า ทำไม UOB จึงมีกรอบของสินเชื่อที่จะช่วยในการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมอาหารและภาคเกษตรกรรมด้วย
- การทำ Circular Economy หรือ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการทำ renew, reuse และ reduce เน้นการทำพลาสติก Recycle และครอบคลุมไปถึง Electronic Recycle ด้วย
- สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนในระดับสูง เทคโนโลยีที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านอาจจะยังมาไม่ถึง หรืออาจจะมีแล้วแต่มีราคาแพง UOB จึงมีกรอบ Framework ที่เรียกว่า Transition finance เพื่อจะช่วยให้ธุรกิจค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ ทำให้กิจกรรมในการดำเนินธุรกิจสามารถลดคาร์บอนลงได้จริง
- Sustainable Trade Financing Framework ด้วยการทำสินเชื่อระยะสั้นสำหรับสินค้าสีเขียว และสินค้าที่มี certificate เช่น สินค้าฉลากเขียว ถ้าลูกค้ามีการซื้อขายสินค้าพวกนี้ก็สามารถที่จะขอสินเชื่อระยะสั้นกับทาง UOB ได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ UOB ยังพัฒนาโรงงานในระดับของ solution เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ของผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยการทำ solar หรือพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเรื่องของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่เปิดโครงการ u-solar ในประเทศไทย โดย UOB ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 3,800 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาที่ได้เริ่มทำสินเชื่อสีเขียว ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปีที่แล้ว UOB มียอดการปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้กับบริษัทที่เป็นลูกค้าจำนวนมากกว่า 33,000 ล้านบาท และในปี 2024 นี้ถ้านับสินเชื่อใหม่ที่เป็นสินเชื่อสีเขียวจะอยู่ที่ประมาณ 25% จากจำนวนสินเชื่อทั้งหมดที่ทาง UOB ได้ปล่อยปีทีแล้วเป็นสินเชื่อสีเขียว
เปิดตัว UOB Sustainability Compass เครื่องมือประเมินสถานะของการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืน
นอกเหนือจากการสนับสนุนทางด้านสินเชื่อแล้ว UOB ต้องการจะช่วยแก้ปัญหาที่หลาย ๆ บริษัทอยากจะเริ่มทำ แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มอย่างไร ด้วยการเปิดตัว UOB Sustainability Compass เครื่องมือออนไลน์ที่จะช่วยประเมินสถานะของการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืน ด้วยการตอบคำถามจำนวน 14 ข้อในเวลา 15 นาที หลังจากนั้นจะได้รีพอร์ตที่จะเป็นคู่มือหรือแนวทางที่จะเริ่มต้นว่าควรจะพัฒนาธุรกิจอย่างไรไปในทางที่ก่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเครื่องมือนี้มีประโยชน์สำหรับธุรกิจทุกประเภท แต่จะเน้นไปที่ธุรกิจที่อยู่ในสเตจที่รู้ว่าเรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี และจะเริ่มจากตรงไหน ส่วนธุรกิจที่เริ่มทำไปแล้วแต่ยังขาดเรื่องของการสนับสนุนทางด้านการเงิน เครื่องมือนี้ก็จะบอกได้ด้วยว่าจริงๆ แล้วมี Solution ทางการเงินสีเขียวอะไรบ้างที่ UOB คอยสนับสนุนอยู่
สิ่งที่จะได้จากการใช้ UOB Sustainability Compass
UOB Sustainability Compass จะจัดระดับความพร้อมในเรื่องของความยั่งยืนออกมาเป็น 3 ระดับ ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง โดยที่รายงานก็จะเปลี่ยนคำแนะนำไปแต่ตามแต่ละระดับความพร้อมของธุรกิจ โดยแบ่งออกเป็น 5 เรื่อง ยกตัวอย่างเช่น การทำความเข้าใจ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการศึกษาว่า sustainability คืออะไร ESG คืออะไรแต่จะทำไปจนถึงเข้าใจว่าจริงๆ แล้ว stakeholder ที่สำคัญของตัวเองต้องการอะไร
หลังจากการทำความเข้าใจจะเป็นการวัดผล ว่าควรจะพิจารณาการวัดผล Measurement carbon accounting อย่างไร เป็นต้น
ซึ่ง Compass นี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ที่เปิดตัว โดย UOB ทำการเปิดตัวไปแล้วในประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย ดังนั้น จึงมีการรวบรวม concept และคำศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่อง sustainability และ definition ไว้ให้ธุรกิจด้วย
สุดท้ายนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง ESG หรือเรื่องความยังยืนทั้งหลายนั้นมีอยู่เยอะมาก แต่ในแง่ของการปฏิบัติอาจจะยังไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจน UOB Sustainability Compass จึงเป็นตัวช่วยในการเริ่มต้นที่ดี และนำพาธุรกิจก้าวสู้การเป็นธุรกิจสีเขียวตามเป้าหมายได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เทคโนโลยี ในฐานะปัจจัยคู่ของความยั่งยืน
เอสซีจี “องค์กรแห่งโอกาส” หลอมรวมคุณค่าของคน ร่วมสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม GREEN
ความยั่งยืน คือหมุดหมายปลายทางของ ESG ที่ปฏิบัติจริงของ ‘แปซิฟิกไพพ์’