Share on
×

Share

เมนูแห่งความหวัง ณ ร้านริมฝั่งทะเล [Book Review]

ที่ร้านขายผักแห่งหนึ่งในฮาวาย ผู้หญิงคนหนึ่ง เลือกเอาแต่มะเขือเทศที่มีตำหนิใส่ตะกร้า เสร็จแล้วก็โบกมือลาเจ้าของร้านโดยไม่ได้จ่ายเงิน ผู้พบเห็นคนหนึ่งแปลกใจมาก เขาจึงเดินตามเธอไปจนไปถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาสั่งอาหารและถามเธอด้วยความสงสัยว่าทำไมเลือกเอาแต่มะเขือเทศลูกไม่สวยมา เธอตอบเขาว่า ‘ก็มะเขือเทศแบบนั้น สุดท้ายถ้าขายไม่ออกก็ต้องทิ้งอยู่ดีใช่ไหมล่ะ พวกมันไม่ใช่มะเขือเทศที่ถูกปลูกขึ้นมาเพื่อถูกทิ้งสักหน่อย’

ผู้พบเห็นคนนั้นคือ ทากาชิ คิตาจิมะ ผู้แต่งหนังสือที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในปีนี้ในชื่อเรื่องว่า ‘เมนูแห่งความหวัง ณ ร้านริมฝั่งทะเล’

เขาเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ในยุคที่ food loss หรือการสูญเสียอาหาร เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจ เพราะมีคนจำนวนมากบนโลกที่ต้องตายเพราะความอดหยาก ในขณะนี้มีการประเมินโดยองค์การสหประชาชาติว่าแต่ละปี เราต้องสูญเสียร้อยละ 13.2 ของอาหารที่ผลิตได้ในขั้นตอนของการเก็บเกี่ยวไปสู่ร้านค้า และกว่าร้อยละ 19 ถูกทิ้งโดยร้านค้าและลูกค้าที่ซื้อไปแต่ไม่ได้บริโภค

การสูญเสียอาหารเกิดขึ้นได้ในขั้นตอนการผลิต การเก็บเกี่ยวและการแปรรูปในห่วงโซ่อุปทานอาหาร ที่อาจจะเกิดจากการคัดทิ้งวัตถุดิบที่คุณภาพไม่ได้ตามที่ต้องการ

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือพล็อตของเขาที่โยงถึงการคัดทิ้งวัตถุดิบที่เป็นมนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างอุมิกะ และ ไอ

อุมิกะ เพิ่งจบมัธยมปลายเมื่อแม่ของเธอหายตัวไปพร้อมกับทิ้งร้านอาหารมรดกของตาชื่อสึโบะไว้ให้พร้อมหนี้ก้อนโต เธอไปตลาดปลาทุกวันเพื่อคอยเก็บอาหารสดที่เขาโยนทิ้งตอนคัดแยก ไม่ใช่เพื่อร้านอาหาร แต่เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง อุมิกะเรียนรู้วิธีจับปลาและทำอาหารจากตา แต่ไม่เคยคิดว่าจะทำร้านอาหารได้เพราะพูดคุยกับคนไม่เก่ง จนวันที่เธอรู้ว่าร้านติดหนี้สหกรณ์และกำลังจะถูกยึด เจ้าหน้าที่ที่ให้กู้ขอร้องให้เธอเปิดร้านเพื่อหาเงินมาผ่อนชำระหนี้ ไม่ให้เป็นหนี้เสีย โดยเขาพร้อมมาช่วยงานทุกวัน

อุมิกะ ได้พบกับ ไอ เด็กอายุ 12 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว อุมิกะอยากช่วยเด็กประหลาดคนนี้ เลยจ้างไอให้ไปช่วยเก็บอาหารสดที่เขาทิ้ง เพราะคนในตลาดสงสารเด็กตัวเล็กแกร็นคนนี้ โดยเฉพาะอิจิโระที่เพิ่งเสียน้องสาวในวัยเดียวกันกับไอ

แม่ไอเป็นมะเร็ง อยู่ในโรงพยาบาลมาสองปีกว่า พ่อรู้สึกว่าลูกเป็นภาระจึงไม่กลับบ้าน แต่ยังนัดเอาเงินเล็กน้อยให้ลูกอยู่บ้าง แต่มันไม่พอสำหรับอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เมื่อเปิดร้าน อุมิกะดูแลไอเหมือนน้อง ไอได้กินอิ่ม มีเสื้อผ้าใหม่ และไอที่ครอบครัวแม่เคยทำร้านอาหารก็ช่วยเรื่องเมนู การตกแต่งอาหาร และคิดราคา

โชคของอุมิกะมาถึงเมื่อมีกองถ่ายภาพยนตร์มาถ่ายทำที่ชายหาดใกล้ และอยากได้ข้าวกล่องพิเศษสำหรับชิน ดารานำชายที่ถือได้ว่ากินยาก ชินเกิดติดใจในรสชาติอาหารและถ่ายรูปลงอินสตาแกรม จนแฟน ๆ ของเขาแห่มากิน ร้านสึโบะจึงต้องขยายเมนูด้วยวัตถุดิบเหลือ ๆ ที่พบได้ รวมทั้งผักที่มีตำหนิจากร้านที่ลูกสาวเป็นแฟนคลับของชิน

แน่นอนว่าทุกเมนูปรุงจากของที่ไม่ผ่านการประเมิน และถูกคัดทิ้ง โดยพวกเธอที่เปรียบเสมือนของที่ถูกคัดทิ้ง

‘ต่อให้ผักเหล่านั้นจะดูแย่เมื่อวางขายที่หน้าร้าน แต่ถ้านำมาหั่นแล้วทำอาหารก็ไม่มีปัญหาสักนิด’

พล็อตเรื่องนี้อาจจะดูบวกมากไปหน่อย แต่ก็ถือเป็นด้านบวกที่ทำให้เราได้ฉุกคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมีค่า และสมควรใช้ให้คุ้มค่า ไม่ใช่แบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เพราะทั้งคนและวัตถุดิบการเกษตรที่ถูกตัดทิ้งยังมีค่าในตัวของมันเอง และยังสามารถสร้างประโยชน์กับคนอื่น ๆ ได้

รีวิวหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Cicero Trilogy รัฐบุรุษกับการเมืองที่ไม่หยุดนิ่ง [BOOK REVIEW]

เหตุผลที่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป – Reasons to Stay Alive [Book Review] 

คำอำลา ครั้งสุดท้าย [Book Review]

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน