Share on
×

Share

เกมชิงอำนาจ EV: ใครจะครองซัพพลายเชนโลก?

อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังอยู่ท่ามกลางการปฏิวัติครั้งใหญ่ ห่วงโซ่อุปทานหรือ Supply Chain ที่เคยแข็งแกร่งกำลังสั่นคลอนจากแรงกดดันของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) และนโยบายทางการค้าระดับโลก ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงหมายถึงการออกแบบและผลิตรถยนต์ แต่ยังหมายถึง อำนาจของประเทศผู้ผลิตที่อาจเปลี่ยนมือ

จีน: ผู้นำแบตเตอรีและการควบคุมวัตถุดิบ แต่เสี่ยงเผชิญ Trade War 2.0

จีนครองตลาดแบตเตอรี EV อย่างเบ็ดเสร็จ บริษัทอย่าง CATL และ BYD ควบคุมการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และจีนยังเป็นศูนย์กลางของแร่สำคัญอย่าง ลิเธียม โคบอลต์ และนิกเกิล ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่ EV

BYD ได้ขยายอิทธิพลเข้ามาสู่ไทย โดยตั้งฐานการผลิตที่นี่เพื่อส่งออกไปยังตลาดเอเชียและทั่วโลก Neta และ Great Wall Motors (GWM) ก็เดินเกมเดียวกัน ไทยจึงกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิยานยนต์ไฟฟ้าของจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม Trade War 2.0 และนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ (Trump Tariff 2.0) อาจเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับจีน หากรัฐบาลสหรัฐฯ นำมาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มงวดขึ้นมาใช้ เช่น การขึ้นภาษีชิ้นส่วน EV และแบตเตอรีจากจีน หรือการกดดันให้ประเทศพันธมิตรลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมจีน อาจทำให้ซัพพลายเชนจีนต้องปรับตัวครั้งใหญ่

สหรัฐอเมริกา: นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการกีดกันจีน

แม้จีนจะนำหน้าเรื่องแบตเตอรี แต่ Tesla และ General Motors (GM) ยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อนด้านนวัตกรรม EV สหรัฐกำลังเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV ทั่วประเทศผ่านโครงการของรัฐบาลไบเดน และยังมีสตาร์ตอัพอย่าง Rivian และ Lucid Motors ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนใหม่ในอุตสาหกรรมนี้

สหรัฐฯ ยังอาจใช้ มาตรการกีดกันจีน ในซัพพลายเชน EV โดยการให้ เงินอุดหนุนกับบริษัทที่ผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนภายในประเทศหรือพันธมิตรที่ไม่ใช่จีน ซึ่งอาจทำให้ไทยต้องปรับยุทธศาสตร์เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับทั้งสองฝ่าย

เยอรมนี: เทคโนโลยีและคุณภาพการผลิต พร้อมลดการพึ่งพาจีน

Volkswagen, BMW และ Mercedes-Benz ยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี EV และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า เยอรมนีเดินหน้าลงทุนพัฒนาแบตเตอรีของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาจีน ผ่านโครงการ European Battery Alliance นอกจากนี้ เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เช่น 3D Printing และระบบอัตโนมัติ กำลังทำให้เยอรมนีแข็งแกร่งขึ้นในเกมนี้

อาเซียนในเกมยานยนต์ไฟฟ้า: โอกาสหรือความท้าทาย?

นอกจากไทยแล้ว ประเทศอาเซียนอื่น ๆ ก็กำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม EV ของตนเองเพื่อแย่งชิงโอกาสในตลาดโลก โดยเฉพาะ อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งกำลังดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น

อินโดนีเซีย: ผู้เล่นหลักด้านวัตถุดิบแบตเตอรี

อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิต นิกเกิลรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นแร่สำคัญในการผลิตแบตเตอรี EV รัฐบาลอินโดนีเซียได้ดึงดูดการลงทุนจาก Tesla และ CATL เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศ เป้าหมายคือการสร้างซัพพลายเชนที่ครบวงจร ตั้งแต่การขุดแร่ไปจนถึงการผลิต EV

เวียดนาม: ศูนย์กลางการผลิต EV แห่งใหม่ของเอเชีย?

เวียดนามกำลังเร่งขยายการผลิต EV ผ่านบริษัท VinFast ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ VinFast ได้เปิดตัว EV ในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป พร้อมตั้งโรงงานในอินโดนีเซียและอินเดียเพื่อขยายฐานการผลิตในระดับโลก

มาเลเซีย: การดึงดูดผู้ผลิต EV ระดับโลก

มาเลเซียได้ประกาศนโยบาย EV Roadmap 2030 ซึ่งมีเป้าหมายให้ EV คิดเป็น 20% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 รัฐบาลมาเลเซียกำลังดึงดูด Tesla และ BYD ให้ตั้งโรงงานผลิตในประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแรงงานที่มีทักษะ

ไทยจะยังเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” ได้หรือไม่?

ประเทศไทยมีสถานะเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถกระบะ อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังกดดันให้ไทยต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว

  1. การลงทุนของผู้ผลิตจีน จีนกำลังเข้ามาครอบครองตลาด EV ไทย BYD, GWM และ Neta ตั้งโรงงานผลิตในประเทศเพื่อใช้ไทยเป็นฐานส่งออก EV ไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน ซัพพลายเออร์ไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักขึ้น และอาจถูกลดบทบาทในห่วงโซ่อุปทาน
  2. การสนับสนุนจากรัฐบาล รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าสนับสนุน EV ผ่านมาตรการลดภาษีสรรพสามิตและเงินอุดหนุนการซื้อ EV นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้า และ สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับโรงงานผลิตแบตเตอรี
  3. ความท้าทายของซัพพลายเชนไทย แม้ว่าผู้ผลิต EV รายใหญ่จะเข้ามาลงทุนในไทย แต่ ซัพพลายเออร์ไทยส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์สันดาปภายใน การปรับตัวไปสู่ชิ้นส่วน EV เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยังเป็นจุดอ่อนที่ต้องเร่งพัฒนา
  4. โอกาสในการเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี ไทยกำลังผลักดันให้มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับกิกะวัตต์เพื่อแข่งขันกับอินโดนีเซียที่เป็นผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ หากไทยสามารถดึงดูดการลงทุนในด้านนี้ จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและลดการพึ่งพาจีน

การแข่งขันในอุตสาหกรรม EV คือ “เกมแห่งอำนาจ” และตอนนี้ จีน สหรัฐฯ เยอรมนี และอาเซียน กำลังแย่งชิงความเป็นผู้นำ ไทยอาจยังเป็นฐานการผลิตสำคัญ แต่คำถามคือ ใครจะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมนี้?

หากไทยสามารถพัฒนาแบตเตอรี่ของตนเอง สร้างซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง และดึงดูดการลงทุนด้าน R&D ไทยอาจไม่ใช่แค่ศูนย์กลางการผลิต แต่สามารถเป็นผู้เล่นสำคัญในเกมนี้ได้

หากอาเซียนสามารถรวมพลังกันเป็นซัพพลายเชน EV ที่แข็งแกร่ง การแข่งขันกับจีนและมหาอำนาจอื่น ๆ จะมีโอกาสมากขึ้น แต่หากประเทศในอาเซียนแข่งกันเองโดยไม่มีแผนร่วมกัน อาจกลายเป็นเพียงฐานการผลิตราคาถูกของยักษ์ใหญ่เท่านั้น

อนาคตของอุตสาหกรรม EV โลกจึงไม่ได้ขึ้นอยู่แค่จีนหรือสหรัฐฯ แต่อาเซียนเองก็อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมนี้

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

โลกใบใหม่ของธนาคารเสมือนจริง: ไทยพร้อมหรือยัง?

รัฐบาลทั่วโลกกุมขมับ หลัง OTT ขยายแสนยานุภาพ 

Quantum Computing: พลังปฏิวัติอันยิ่งใหญ่หรือแค่คำโฆษณา?

×

Share

ผู้เขียน