ในย่านประวัติศาสตร์ฝั่งธนบุรีที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและเรื่องราวกว่า 200 ปี “ตลาดพลู” กำลังจะกลายเป็นแลนด์มาร์กของสตรีทฟู้ดแห่งใหม่ของเมืองไทย ด้วยความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภายใต้แคมเปญ “COKE Foodmarks” ที่มุ่งส่งเสริมความอร่อยของสตรีทฟู้ด พร้อมยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับนวัตกรรมสมัยใหม่
ย่านตลาดพลูในเขตธนบุรีมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยชื่อ “ตลาดพลู” มีที่มาจากการเป็นแหล่งค้าขายพลูที่ใหญ่ที่สุด เชื่อมโยงกับชุมชน “บ้านสวนพลู” ของชาวมลายูจากปาตานีที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยาถึงธนบุรี และทำสวนหมาก-พลูส่งขายให้ชาวสยาม โดยเฉพาะพลูจากแถบวัดบางยี่เรือ วัดอินทาราม และวัดจันทาราม ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นพลูชนิดดี รู้จักกันในนาม “สวนพลูบางยี่เรือ”
การมาถึงของรถไฟสายวงเวียนใหญ่–มหาชัยเมื่อปี 2444 – 2448 ได้เปลี่ยนย่านนี้ให้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะอาหารทะเลจากมหาชัยและแม่กลอง ทำให้เกิดการผสมผสานของวัฒนธรรมไทย จีน และมุสลิม จนกลายเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์ด้านอาหารที่หลากหลายและรสชาติที่เป็นตำนาน
‘COKE Foodmarks’ พลิกโฉมย่านสตรีทฟู้ด
แคมเปญ “COKE Foodmarks” ซึ่งเปิดตัวในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2567 ได้เลือกย่านตลาดพลูเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ โดยร่วมมือกับ กทม. และสำนักงานเขตธนบุรีในการพลิกโฉมพื้นที่ใต้สะพานรัชดาภิเษก ฝั่งทางรถไฟตลาดพลู ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กของสตรีทฟู้ดที่สะอาด สวยงาม และทันสมัย โดยมีการจัดระเบียบพื้นที่ร้านค้าใต้สะพาน ปรับปรุงจุดล้างอุปกรณ์ให้ทันสมัย ติดตั้งระบบดักไขมัน และจัดระบบการแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงปรับปรุงระบบแสงสว่างเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
โคคา-โคล่า ยังได้ออกแบบป้ายแลนด์มาร์ก “ตลาดพลู” บนสะพานรัชดาภิเษกขึ้นใหม่ โดยผสาน 3 อัตลักษณ์สำคัญของพื้นที่ ได้แก่ ประวัติศาสตร์กว่า 200 ปี, วิถีชีวิตริมทางรถไฟ และวัฒนธรรมไทย-จีนที่โดดเด่นด้วยอาหารสตรีทฟู้ดที่หลากหลาย
แคมเปญนี้ยังมุ่งส่งเสริมให้แหล่งสตรีทฟู้ดในย่านตลาดพลูเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น ผ่านการสนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ และให้ความรู้ความช่วยเหลือแก่ผู้ค้าในการขายอาหารผ่านช่องทางเดลิเวอรี โดยร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Grab เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าขายและรายได้ให้กับชุมชน
สตรีทฟู้ด: สัญลักษณ์ความอร่อยราคาเข้าถึงได้ของกรุงเทพฯ
“กทม. มุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ควบคู่กับการรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่น การร่วมมือกับโคคา-โคล่าในครั้งนี้จะช่วยยกระดับย่านตลาดพลูให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติ” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าว
“สตรีทฟู้ดคือสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่แสดงถึงอาหารคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ เราไม่ได้มุ่งพัฒนาให้เป็นร้านอาหารหรูหรา แต่เน้นรักษาความเป็นอาหารสตรีทฟู้ดที่แท้จริง ซึ่งหัวใจคือคุณภาพอาหารในราคาที่ไม่แพง”

เขากล่าวต่อว่า ร้านค้าเหล่านี้เป็นร้านดั้งเดิมที่เคยขายอยู่ในย่านนี้ ซึ่งช่วยคงอัตลักษณ์ของชุมชนเอาไว้ กทม. ทำหน้าที่เพียงแค่สนับสนุนให้ผู้ค้าเดิมเข้มแข็งขึ้นในด้านเศรษฐกิจ
ชุมชนคือหัวใจของสตรีทฟู้ด
“ความสำเร็จของสตรีทฟู้ดขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของชุมชนเป็นหลัก กทม.ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในเรื่องความสะอาด การจัดการขยะ ถนนหนทาง และการเดินทางเข้าถึง แต่ชุมชนต้องรวมตัวกัน เพื่อนำของดีของตัวเองออกมานำเสนอ เช่น ที่ย่านคลองโอ่งอ่าง เขาค้นพบอัตลักษณ์ของตัวเองและเริ่มพัฒนาเป็นพื้นที่โชว์งานศิลปะ เพราะอยู่ใกล้วิทยาลัยเพาะช่าง” ชัชชาติกล่าว
“หัวใจคือการค้นหาจิตวิญญาณของชุมชน เราไม่อยากให้คนนอกเข้ามาจัดงานแล้วจากไป อยากให้ชุมชนสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาด้วยตัวเอง”
ปัจจุบัน กทม.พัฒนาย่านสตรีทฟู้ดไปแล้วราว 30 ย่าน ซึ่งชัชชาติระบุว่าบางแห่งอย่างย่านทรงวาดหรือบรรทัดทองก็ก้าวสู่ระดับโลกแล้ว แต่ยอมรับว่าย่านดังอย่างบรรทัดทองกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ เพราะรายได้ไม่สมดุลกับค่าเช่าที่สูงขึ้น
“ทุกย่านต้องปรับตัว เช่น หากนักท่องเที่ยวจีนลดลง ก็อาจปรับไปจับกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป ดูว่าเขาชอบกินอะไร หรือปรับโมเดลธุรกิจให้เหมาะสม ไม่มีย่านไหนที่เจริญรุ่งเรืองตลอดเวลา” ชัชชาติกล่าว
ทั้งนี้ กทม.มีแผนขยายการพัฒนาสตรีทฟู้ดให้ครบ 50 ย่านภายในปี 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าและส่งเสริมการท่องเที่ยว
75 ปีแห่งความผูกพันกับวัฒนธรรมไทย

ด้านฮาน ทเว เพียว ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทยและลาว กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่โคคา-โคล่า ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 75 ปี รู้สึกผูกพันกับคนไทยและวัฒนธรรมการกินของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง การร่วมมือกับ กทม. และสำนักงานเขตธนบุรีเพื่อยกระดับย่านตลาดพลูที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวให้กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของวัฒนธรรมอาหาร สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชนและรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์
แคมเปญ “COKE Foodmarks” เป็นแคมเปญของ โคคา-โคล่า ที่จัดขึ้นทั่วโลก เพื่อเชิญชวนให้ผู้บริโภคออกไปเปิดประสบการณ์ความอร่อย เปลี่ยนมื้อธรรมดาให้กลายเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษ โดยได้ปักหมุดร้านอาหารกว่า 4,300 ร้านค้าทั่วประเทศไทย ครอบคลุมย่านสตรีทฟู้ดชื่อดังอย่างถนนบรรทัดทอง กรุงเทพฯ ถนนนิมมานเหมินท์ เชียงใหม่ ถนน 30 กันยา นครราชสีมา และถนนศาลเจ้า สุราษฎร์ธานี และมีเป้าหมายขยายการปักหมุดร้านอาหารทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยเฉพาะร้านค้าในตลาด ถนนคนเดิน และย่านสตรีทฟู้ดชื่อดัง ทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต หรือเมืองใหญ่อย่างหัวหิน หาดใหญ่ และพัทยา พร้อมกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น “ศึกวันรวมพลคนนักชิม COKE Foodmarks’ Day” ที่รวบรวมอินฟลูเอนเซอร์กว่า 100 คน เพื่อโปรโมทร้านอาหารทั่วไทย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Routes to Roots จันทบุรี-ตราด สัมผัสรสชาติบูรพา สู่รากเหง้าวัฒนธรรมอาหาร
ไบเทคบุรี เปิด SAMA Garden รีชาร์จชีวิตด้วยไลฟ์สไตล์สีเขียว
ผลสำรวจพบ 1 ใน 5 คนไทยวัยกลางคน-สูงอายุ ละเลยตรวจตาสูงสุดในเอเชียแปซิฟิก