Share on
×

Share

สหรัฐฯ ป่วน โลกแบ่งขั้ว ทุนไทย MAI จะคว้าโอกาสหรือเผชิญวิกฤติ?

ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ จากยุค Globalization ที่ทุกอย่างเชื่อมถึงกัน สู่ยุค Deglobalization และ Fragmentation ที่โลกกำลังแตกออกเป็นขั้วอย่างชัดเจน โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์กลางของความเปลี่ยนแปลง ทั้งในมิติของนโยบายการเงิน สงครามการค้า และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งคลื่นกระทบโดยตรงมายังเศรษฐกิจไทย และสร้างโจทย์ใหม่ที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับบริษัทขนาดกลางและเล็กในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI)

ท่ามกลางความผันผวนนี้ มุมมองของผู้เชี่ยวชาญได้ชี้ชัดว่าจุดสนใจของตลาดโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ปัจจัยที่เคยสำคัญอย่างนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ กลับถูกลดทอนความสำคัญลง สวนทางกับสงครามการค้าและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น สิ่งเหล่านี้คือต้นตอของความท้าทายระลอกใหม่ที่กำลังทดสอบความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ความท้าทายลูกโซ่: จาก Stagflation ในสหรัฐฯ สู่ความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย

ประเด็นที่น่ากังวลที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อีกต่อไป แต่เป็นประเด็นสงครามการค้าที่กลายเป็นต้นน้ำของความผันผวนทั้งหมด ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ชี้ว่าสงครามการค้ากำลังผลักดันให้สหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อสูง) ในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะทำให้ Fed ตกอยู่ในภาวะที่ตัดสินใจลำบากและมีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ ปรากฏการณ์ Deglobalization หรือโลกที่แยกขั้วนี้ กำลังทำลายโครงสร้างต้นทุนต่ำที่โลกเคยได้รับประโยชน์มานานหลายทศวรรษ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มีต้นทุนสูงขึ้น การลงทุนชะงักงัน และนำไปสู่การที่ตลาดหุ้นโลกอาจเข้าสู่ภาวะ Sideway ขนาดใหญ่และยาวนาน

ขณะที่ สรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลกระทบต่อประเทศไทยว่า ชะตากรรมของการส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักนั้นขึ้นอยู่กับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งมีความเสี่ยงซับซ้อนยิ่งขึ้นหากไทยเจรจาไม่สำเร็จ ในขณะที่คู่แข่งอย่างเวียดนามหรือจีนทำได้ดีกว่า สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน แต่อาจฉุดให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ Technical Recession ได้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการเมืองในประเทศที่อาจซ้ำเติมความเปราะบาง หากการเบิกจ่ายงบประมาณสะดุดลง

ติดอาวุธคว้าโอกาสในตลาด MAI: เมื่อวิกฤติคือจุดซื้อที่ดีที่สุด

ท่ามกลางความท้าทาย ยังมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะในตลาด MAI ซึ่งเป็นแหล่งรวมของบริษัทที่อยู่ในช่วงเติบโต แต่การจะคว้าโอกาสได้นั้น ทั้งบริษัทและนักลงทุนต้องปรับตัวและมีอาวุธที่เฉียบคม หัวใจสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันคือกระแสเงินสด ซึ่งคุณสรพลเปรียบเปรยว่าเปรียบเสมือนกระแสเลือดที่หล่อเลี้ยงธุรกิจให้ผ่านพ้นวัฏจักรขาลงไปได้ ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของหุ้น MAI ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกบริษัท จากข้อมูลพบว่ามีเพียงราว 10% ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ แต่บริษัทที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเพียงไม่กี่แห่งสามารถสร้างการเติบโตได้หลายเท่าตัว ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้มักกระจุกตัวอยู่ในบริษัทที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว (Niche) มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง และสามารถมองเห็นเทรนด์ธุรกิจได้ก่อนใคร

โอกาสสำคัญอีกประการหนึ่งอยู่ในสมรภูมิ AI และเทคโนโลยี แม้การแบ่งขั้วจะลามมาถึงแวดวงนี้ แต่โอกาสของบริษัทไทยไม่ได้อยู่ที่การสร้างแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่ใช้เงินทุนมหาศาล แต่อยู่ที่การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาหรือ Pain Point ของลูกค้าได้อย่างตรงจุด แม้ปัจจุบันการนำมาใช้ยังน้อยเพราะต้นทุนสูง แต่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เมื่อต้นทุนถูกลง บริษัทที่พร้อมจะนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนจะมีความได้เปรียบอย่างมหาศาล

ในมุมของนักลงทุน กลยุทธ์ที่สำคัญคือการมองวิกฤติให้เป็นโอกาส ข้อมูลในอดีตชี้ว่าช่วงเวลาที่เกิด Technical Recession มักเป็นจุดซื้อหุ้นที่ดีที่สุด แต่นักลงทุนไม่สามารถหว่านซื้อได้อีกต่อไป จำเป็นต้องคัดเลือกอย่างเข้มข้น โดยมองหาบริษัทที่มีเกราะป้องกันเศรษฐกิจ มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง และมีราคาที่น่าสนใจ สุดท้าย ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Head of Global Investment Strategy บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ได้ให้มุมมองที่สำคัญว่า ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้น นักลงทุนต้องมีทักษะในการประเมินเรื่องราว (Narrative) ของบริษัทควบคู่ไปกับตัวเลข และที่สำคัญคือต้องสามารถตั้งคำถามอย่างมีวิจารณญาณ แทนที่จะเชื่อข้อมูลจาก AI เพียงอย่างเดียว

เศรษฐกิจโลกและไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้านจากพายุที่ก่อตัวในสหรัฐฯ และการแบ่งขั้วที่ชัดเจนขึ้น สำหรับบริษัทในตลาด MAI ความอยู่รอดและการเติบโตในยุคใหม่นี้ไม่ได้วัดกันที่ขนาด แต่วัดกันที่ความสามารถในการสร้างความโดดเด่นเฉพาะตัว (Niche) การบริหารกระแสเงินสดอย่างรัดกุม และการปรับตัวเข้าหาเทรนด์ใหม่ๆ สำหรับนักลงทุน นี่คือช่วงเวลาของการเฟ้นหา ไม่ใช่การตื่นตระหนก การมองทะลุเมฆหมอกของความกลัว เพื่อค้นหาเพชรเม็ดงามที่ซ่อนอยู่ในยามวิกฤติ คืออาวุธสำคัญที่จะนำไปสู่โอกาสการลงทุนครั้งสำคัญในรอบหลายปี

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

พรูเด็นเชียลฯ รุกตลาด HNW ชู ‘PRULegacy’ โซลูชันส่งต่อความมั่งคั่ง

อาเซียนตื่นตัวเศรษฐกิจดิจิทัล หวั่นไทยล้าหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งเครื่อง

×

Share

ผู้เขียน