ในยุคที่ธุรกิจทั่วโลกต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนทรัพยากร และกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น บทบาทของภาคอุตสาหกรรมในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการดูแลโลกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรม WHA Group ในจังหวัดระยองเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้นำเสนอภาพรวมของแนวทางการดำเนินธุรกิจที่น่าสนใจภายใต้กรอบความคิดของ จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้ความสำคัญกับแนวคิดที่ว่า “Green Must Be Able To Generate Income” หรือ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วต้องสร้างรายได้ควบคู่ไปด้วย”
การเปิดบ้าน WHA ที่ระยองให้สื่อมวลชนได้เยี่ยมชมครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นโมเดลธุรกิจที่มุ่งพิสูจน์ว่า การพัฒนาเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน และยังคงสร้างผลกำไรต่อการดำเนินงาน ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์ความท้าทายของโลกยุคปัจจุบันได้
“การลงทุนด้านความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนในระยะยาว ทั้งในด้านการลดต้นทุน การสร้างรายได้ใหม่ และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง” จรีพรกล่าว
WHA ได้กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยครอบคลุมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม (Scope 1, 2 และ 3) พร้อมทั้งมุ่งสู่หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์แบบ (Circularity 100%) การนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ 100% รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Net Positive Impact) เพื่อคืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศและสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
‘น้ำเสีย’ ที่สร้างรายได้ หัวใจของเศรษฐกิจหมุนเวียน
หนึ่งในโครงการที่ WHA ได้นำเสนอเพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวคิด “สีเขียวต้องสร้างรายได้” อย่างเป็นรูปธรรมคือ โครงการ Reclamation Water หรือการบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่และจำหน่ายให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
ในอดีต น้ำเสียจากกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมมักถูกมองว่าเป็นภาระ เป็นต้นทุนที่ต้องใช้จ่ายไปกับการบำบัดทิ้งเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐานสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับ WHA พวกเขามองเห็นสิ่งนี้เป็น “ทรัพยากรที่มีค่า” ที่สามารถนำกลับมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง และนี่คือหัวใจของ โครงการ Reclamation Water

“เราไม่ได้แค่บำบัดน้ำและนำไปคืนแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่เราบำบัดให้ได้มาตรฐานสูงพอที่จะนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง และที่สำคัญคือเราสามารถขายน้ำนี้ให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของเราได้” จรีพรอธิบาย และนี่คือการเปลี่ยนวิธีคิดจาก “End-of-Pipe Treatment” สู่ “Circular Economy” อย่างแท้จริง
โครงการนี้เริ่มต้นจากการมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นของเสีย WHA ลงทุนในเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการใช้เทคโนโลยี Ultra Filter และ Reverse Osmosis เพื่อกรองสารแขวนลอย ไวรัส เชื้อโรค และกำจัดเกลือ ทำให้น้ำกลายเป็น Premium Qualified Water ที่สะอาดบริสุทธิ์ สามารถนำไปใช้ในกระบวนการผลิตต่าง ๆ ของลูกค้าได้ หรือแม้แต่ส่งต่อให้ลูกค้าที่ต้องการความสะอาดสูงสุดที่ผ่านกระบวนการ Demineralized Water
อัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนว่า โลกมีน้ำทะเลถึง 70% แต่น้ำสำหรับอุปโภคบริโภคมีน้อยกว่า 1% ซึ่งหลายพื้นที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดได้ อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังทำให้เกิดภัยแล้งและน้ำท่วมสลับกันไป นอกจากนี้ 3% ของ GDP ทั่วโลกต้องใช้ไปกับการจัดการน้ำด้วยความกังวลว่าอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น Data Center ที่ใช้น้ำปริมาณมาก จะยิ่งซ้ำเติมวิกฤต การนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่จึงเป็นทางออกที่สำคัญ
“การที่ WHA สร้างบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อกักเก็บและบำบัดน้ำอย่างมีคุณภาพในต้นทุนที่ถูกที่สุด ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ลูกค้า แต่ยังช่วยลดการแย่งชิงน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติและประชากรทั่วไปได้อย่างมีนัยสำคัญ” อัครินทร์กล่าว
ผลจากการดำเนินงานในปี 2567 WHA สามารถจัดการน้ำรวมได้ถึง 166 ล้านลูกบาศก์เมตร และจากโครงการ Reclamation Water สามารถนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ 7.64 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้น้ำธรรมชาติเทียบเท่ากับปริมาณการใช้น้ำของประชากรกว่า 200,000 คน แต่ยังสร้างรายได้ให้กับ WHA กว่า 303 ล้านบาท
WHA ตั้งเป้าจะเพิ่มปริมาณน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้ถึง 25 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ภายในปี 2572 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนน้ำดิบได้ถึง 290 ล้านบาทต่อปี และเทียบเท่ากับการลดการแย่งใช้น้ำของประชากรกว่า 685,000 คน
สร้างรายได้จาก ‘สีเขียว’ ในทุกมิติของธุรกิจ
แนวคิด “กรีนต้องกินได้” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธุรกิจน้ำ แต่ยังขยายไปทั่วธุรกิจหลักทั้ง 5 กลุ่มของ WHA เพื่อสร้างทั้งความยั่งยืนและผลกำไร
ธุรกิจโลจิสติกส์: WHA มีพื้นที่คลังสินค้าให้เช่ากว่า 3,100,000 ตารางเมตร โดยกระจายอยู่ใน 69 จุดยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาลดการปล่อยคาร์บอน
Mobility (Mobilix): ธุรกิจน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี เกิดจากการศึกษาความต้องการของลูกค้าที่ต้องการลดคาร์บอนจากการขนส่ง ด้วยการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า, สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Super Fast Charge และ Mobilix Software Solution สำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ปัจจุบัน Mobilix มีรถ EV ให้เช่าแล้วกว่า 330 คัน สร้างรายได้ให้กับ WHA 132 ล้านบาทช่วยให้ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าให้บริการรถ EV ถึง 20,000 คัน ภายในปี 2572 ซึ่งจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 280,000 ตันต่อปี
นิคมอุตสาหกรรม: WHA ดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมานานกว่า 37 ปี ปัจจุบันมี 16 นิคม (15 แห่งในไทย และ 1 แห่งในเวียดนาม) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 80,000 ไร่ ซึ่งได้พลิกโฉมนิคมอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมให้เป็น Smart Eco Industrial Estate ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียวมาปรับใช้ในทุกมิติ
ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน: WHA มุ่งเน้นการผลิตพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์รูฟท็อป โดยปี 2567 มีกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียน 437 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ 493 ล้านบาท และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนเทียบเท่า 61,808 ตัน WHA ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็น 1,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2572 ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ถึง 5,600 ล้านบาท และช่วยลูกค้าประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 1,860 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Solar Car Park ในนิคมอุตสาหกรรมที่มีลูกค้ากลุ่มผลิตยานยนต์ โดยนำพื้นที่จอดรถมาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป แล้วจำหน่ายไฟฟ้าให้ในราคาถูก นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ เช่น พลังงานลม และ SMR (Small Modular Reactor) ในอนาคต
ธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล: กลุ่มธุรกิจนี้เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มข้างต้น โดยการนำเทคโนโลยี AI, IoT, SCADA และ Smart Meter มาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบและควบคุมการใช้น้ำและพลังงาน การจัดการของเสีย รวมถึงการดูแลระบบความปลอดภัยภายในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ยังสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่ลูกค้าได้อีกด้วย
การลงทุนเพื่ออนาคต
“WHA Group สร้างความเจริญควบคู่กับความยั่งยืนซึ่งอยู่ใน DNA ของ WHA มาตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้มองเป็นต้นทุน แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิด ‘WHA : We Shape The Future’ ที่เรายึดมั่นและผลักดันให้เกิดขึ้นจริง” จรีพรกล่าวทิ้งท้าย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
SIG ยกระดับเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ แก้ปัญหา Food Waste และ Packaging Waste
กรีน เยลโล่ ผนึกการบินไทย ลงทุนโซลาร์บนหลังคาและคาร์พอร์ต มุ่งลดคาร์บอน 589 ตันต่อปี