Share on
×

Share

Harmony Tech ผู้บุกเบิก ‘เศรษฐกิจระดับต่ำ’ ชูธงความปลอดภัยพลิกโฉมท้องฟ้าเมือง

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ อาคาร Cyberport ฮ่องกง คณะสื่อมวลชนจากอาเซียนในโครงการ ‘ASEAN Media Capability Building Workshop’ ซึ่งจัดโดยคณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำอาเซียน (Mission of the People’s Republic of China to ASEAN) และหนังสือพิมพ์ China Daily ได้เข้าเยี่ยมชมและรับฟังวิสัยทัศน์จาก Harmony Tech บริษัทเทคโนโลยีผู้บุกเบิกด้านการบริหารจัดการน่านฟ้าระดับต่ำ

ในโอกาสนี้ แจ็กเกอลีน คัง (Jacqueline Kang) ประธาน Harmony Tech ได้เผยโฉมเทคโนโลยีที่จะมาปฏิวัติเศรษฐกิจระดับต่ำ (Low-Altitude Economy) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นสมรภูมิใหม่ที่บริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหัวใจหลัก

คังได้เริ่มต้นการนำเสนอโดยชี้ให้เห็นว่าระบบของ Harmony Tech ซึ่งเริ่มวิจัยและพัฒนามาตั้งแต่ปี 2019 ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อจัดการ “โดรน” เพียงอย่างเดียว แต่เป็นโซลูชันเพื่อบริหารจัดการ “ทุกสิ่งที่บินได้” ในระดับความสูงต่ำกว่า 1,000 เมตร ไม่ว่าจะเป็นโดรนส่งของ เฮลิคอปเตอร์ เครื่องร่อน หรือแม้แต่เครื่องบินน้ำ

“เราคือบริษัทแรกของโลกที่ทำเรื่องนี้ และระบบของเราประสบความสำเร็จในการใช้งานจริงแล้ว โดยเปิดตัวและถูกจัดซื้อโดยรัฐบาลเมืองจูไห่ ประเทศจีน ในปี 2024 และในปี 2025 นี้ เราได้นำเวอร์ชันสากลมาเปิดตัวที่ฮ่องกง”

คุณคังเน้นย้ำว่า “ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของเรา คือการแก้ปัญหา ความปลอดภัยของห้วงอากาศ (Airspace Safety) ทั้งระบบ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายกว่าระบบจัดการโดรนทั่วไปอย่างมาก”

หัวใจของความท้าทาย: เมื่อเป้าหมายไม่ให้ความร่วมมือ (Non-Cooperative Targets)

คังอธิบายถึงความท้าทายที่แท้จริงในการบริหารจัดการน่านฟ้า โดยจำแนกวัตถุบินออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือ ‘เป้าหมายที่ให้ความร่วมมือ’ (Cooperative Objects) ซึ่งได้แก่กลุ่มผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์ เช่น บริการส่งอาหารหรือพัสดุ ที่มีการลงทะเบียนเที่ยวบินและเส้นทางล่วงหน้าในระบบ ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ

แต่ความท้าทายที่แท้จริงนั้นอยู่ที่กลุ่มที่สอง คือ ‘เป้าหมายที่ไม่ให้ความร่วมมือ’ (Non-Cooperative Objects) “นี่คือความท้าทายที่แท้จริง” เธอกล่าว “มันอาจเป็นใครก็ได้ ตั้งแต่เด็กที่หัดเล่นโดรน นักท่องเที่ยว ไปจนถึงผู้ไม่ประสงค์ดีที่ใช้โดรนลักลอบขนของผิดกฎหมาย หรือสอดแนมพื้นที่สำคัญ” การรับมือกับเป้าหมายกลุ่มหลังนี้ คือเหตุผลที่ Harmony Tech ต้องพัฒนาคลังแสงเทคโนโลยีทั้งด้านการตรวจจับและป้องกันขึ้นมา

เทคโนโลยีของ Harmony Tech ทำงานร่วมกันเป็นระบบอย่างน่าทึ่ง เริ่มจาก เรดาร์ (Radar) ซึ่งเปรียบเสมือนดวงตาของระบบ ทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุในระยะไกลได้ถึง 20 กิโลเมตร และได้ถูกนำไปใช้จริงบนเกาะต่าง ๆ เพื่อตรวจจับโดรนลักลอบขนส่งผิดกฎหมายแล้ว เมื่อเรดาร์ตรวจพบเป้าหมาย อุปกรณ์ตรวจจับด้วยแสง (Photoelectric Detector) ซึ่งเป็นกล้องวิดีโอความละเอียดสูงจะเข้ามาทำหน้าที่ระบุและจำแนกเป้าหมาย เพื่อให้ระบบแยกแยะได้ว่าสิ่งที่กำลังบินอยู่คือโดรนหรือเป็นเพียงนก

ขั้นตอนสุดท้าย หากยืนยันว่าเป็นโดรนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือมีพฤติกรรมคุกคาม ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) จะเข้ามาจัดการอย่างชาญฉลาด แทนที่จะใช้วิธีการยิงให้ตกซึ่งอันตรายอย่างยิ่งในเขตเมือง เทคโนโลยีของ Harmony Tech จะบังคับให้โดรนลำนั้น ลงจอดในพื้นที่ปลอดภัย หรือ บินกลับไปยังจุดขึ้นบิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามผู้ควบคุมต่อไปได้

จากเทคโนโลยีการทหารสู่ความปลอดภัยในเมือง

Harmony Tech เผยโฉมเทคโนโลยีที่จะมาปฏิวัติเศรษฐกิจระดับต่ำ (Low-Altitude Economy) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป

ในการตอบคำถามสื่อมวลชนถึงความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีเกรดการทหารและพลเรือน คังได้ชี้แจงอย่างน่าสนใจว่า “แม้เทคโนโลยีเราจะมีรากฐานจากการทหาร แต่ระบบสำหรับพลเรือนของเรานั้นดีกว่าและซับซ้อนกว่าในแง่ของความปลอดภัย”

เธออธิบายว่า “สำหรับทหาร เป้าหมายคือทำลายเป้าให้สำเร็จ แต่อาจไม่ต้องคำนึงถึงผลกระทบข้างเคียง แต่สำหรับเราที่ใช้ในเมือง เราไม่สามารถทำให้เกิดความผิดพลาดได้เลย เราไม่สามารถรบกวนโดรนที่บินอย่างถูกกฎหมาย ดังนั้นระบบของเราจึงถูกอัปเกรดให้ฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นเพื่อสภาพแวดล้อมในเมืองโดยเฉพาะ”

เดินหน้าเศรษฐกิจระดับต่ำ: ไม่ใช่แค่ป้องกันแต่คือการส่งเสริม

เป้าหมายของ Harmony Tech ไม่ใช่แค่การป้องกันภัย แต่คือการเปิดทางให้เศรษฐกิจระดับต่ำเติบโตอย่างปลอดภัย ผ่านฟังก์ชันสำหรับผู้ประกอบการ เช่น การวางแผนเส้นทางบิน การสร้างกล่องนิรภัย (Safety Box) เสมือนรอบโดรนแต่ละลำ และการให้ข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ให้ข้อมูลสภาพอากาศโดยละเอียดตลอดเส้นทางบิน และการกำหนดเขตห้ามบิน (No-Fly Zone) ป้องกันไม่ให้โดรนล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่สำคัญ

ปัจจุบัน Harmony Tech กำลังดำเนินโครงการนำร่อง (Sandbox Project) ร่วมกับรัฐบาลฮ่องกง และพร้อมที่จะขยายความร่วมมือไปยังรัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตของท้องฟ้าที่ทั้งคึกคักและปลอดภัยสำหรับทุกคน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เปิดห้องข่าว SCMP: The Story Thailand บุกสำนักงานใหญ่สื่อดังฮ่องกง เจาะลึกกลยุทธ์ในวันที่โลกจับตาจีน

Amity AI Labs ขึ้นอันดับ 1 ของโลกการพัฒนา Agentic AI ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแบบหลายขั้นตอน

×

Share

ผู้เขียน