ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญใน SCBX กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของไทย พวกเธอไม่ได้เพียงก้าวข้ามอุปสรรคทางเพศและการทำงาน แต่ยังเผชิญหน้ากับความท้าทายในบทบาทใหม่ ๆ ตั้งแต่การเป็นคุณแม่มือใหม่ที่ต้องเรียนรู้งานใหม่ ไปจนถึงการบุกเบิกธุรกิจใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ละคนต่างมีเรื่องราวที่ทั้งสร้างแรงบันดาลใจและสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรค เพื่อนำพาทั้งตัวเองและองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง
งานเสวนา SCBX Tech Horizon EP15 ตอน LeadHERS in Tech: Women Driving Innovation & Impact พาผู้บริหารหญิงแถวหน้าของวงการเทคโนโลยีและธุรกิจ 4 ท่านมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความท้าทายในหน้าที่การงาน พร้อมให้คำแนะนำและเคล็ดลับในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในอนาคต
ท้าทายทุกบทบาท
หญิงสาวที่กำลังตั้งท้องใกล้คลอดอย่าง ดาลัด ตันติประสงค์ชัย Chief Operating and International Business Officer, SCBX เผชิญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อได้รับการชักชวนให้มาทำงานที่ SCBX ในขณะที่ตั้งท้องได้ 7 เดือน บริษัทรอให้เธอคลอดลูกและเข้าไปทำงานตอนที่ลูกอายุได้ 2 เดือน
“ความท้าทายของเราตอนนั้นคือ การหาสมดุลระหว่างความเป็นคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูกและการเรียนรู้การเป็นแม่ กับการปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ในหน้าที่การงานที่ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ไปพร้อมกัน” ดาลัดกล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น การย้ายจากบริษัทที่เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่เธอเคยทำงานตลอดชีวิต มาสู่ SCBX ซึ่งเป็นบริษัทไทยแห่งแรกของเธอ ทำให้ต้องปรับตัวอย่างมาก
“เราต้องฝึกการใช้ภาษาไทยอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะปกติไม่ค่อยได้ใช้ แต่โชคดีที่น้อง ๆ ในทีมเก่งและคอยช่วยเหลือ ทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น”
สำหรับกนกเนตร เจริญเศรษฐศิลป์ Chief Technology Delivery Officer, CardX เธอเป็นคนที่หลงใหลในความท้าทายและชื่นชอบการเริ่มต้นจากจุดที่ยังไม่มีอะไรเลย เธอไม่แสดงความลังเลแม้แต่น้อยเมื่อถูกชักชวนให้มาร่วมบุกเบิกตั้ง CardX บริษัทธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของ SCBX
“การเริ่มต้นจากศูนย์ทำให้เราได้พบกับความท้าทายที่แท้จริง ใครที่ทำงานที่ CardX ไม่มีใครไม่ร้องไห้ ทุก ๆ วัน คือการเผชิญกับความท้าทายอย่างแท้จริง” กนกเนตรเล่า
“แต่เมื่อมาถึงตรงนี้และมองย้อนกลับไป ทุกคนในทีมรู้สึกภูมิใจ คน CardX ไม่กลัวการทำงานหนัก ขอเพียงแค่เรามีความเห็นอกเห็นใจและดูแลกันและกัน น้อง ๆ ในทีมก็พร้อมจะก้าวต่อไปได้เสมอ”
ถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล, Chief Operating Officer, MONIX ก็เข้ามาร่วมงานกับเครือ SCBX โดยเริ่มต้นจากศูนย์เช่นกันเพราะผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ดูแลเป็นตลาดใหม่ เธอเข้ามาดูแล MONIX บริษัทร่วมทุนของ SCBX และ Abakus บริษัท Holding Company ทางด้านเทคโนโลยีจากจีน เน้นการทำ Digital Lending ให้กลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน
จากที่เคยเป็นคอนซัลแทนท์ แต่เมื่อมารับผิดชอบงานที่ MONIX โฟกัสในการทำงานก็เปลี่ยนไป ซึ่งเธอเล่าว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เธอต้องกลับมามองภาพใหญ่ให้มากขึ้น มองเป็นธุรกิจมากขึ้นเพื่อนำทีมให้แข็งแกร่งและเติบโตไปด้วยกัน
“ความท้าทายเริ่มตั้งแต่คัดเลือกพนักงานคนแรกของบริษัทฯ ทั้งคนไทยและคนจากปักกิ่งด้วยตัวเอง เพราะเรามีออฟฟิศ 2 แห่ง ยิ่งปีแรกที่ตั้งบริษัทฯ ก็เป็นช่วงที่โควิด-19 ระบาด นอกจากจะต้องประสานงานข้ามประเทศแล้ว ทุกคนยังต้องทำงานรีโมท (ระยะไกล) อีก แต่เมื่อหันไปมองก็เป็นช่วงเวลาที่สนุก” ถิรนันท์กล่าว
สำหรับความท้าทายของญาณ์บดี จิตติกุลดิลก Chief Data Officer, DataX บริษัทน้องใหม่ในเครือ SCBX ที่ดูเรื่อง Data และ AI คือการต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
“การอยู่ในโลกของ Data และ AI ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ทำให้ Learning Curve (เส้นโค้งการเรียนรู้) ของเราสูงชันตลอดเวลา โดยเฉพาะการนำ AI มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในธุรกิจ ซึ่งเป็นภารกิจที่เรามุ่งมั่นอยากทำให้สำเร็จ” ญาณ์บดีกล่าว
เธอเลือกมาทำงานด้านนี้เพราะเป็นคนรักการเรียนรู้และทำงานเกี่ยวกับ Data มาโดยตลอด ซึ่งเธอบอกว่า เธอได้รับการสนับสนุนจากทั้งหัวหน้างาน ทีมงานที่ดี รวมถึงครอบครัวด้วย จึงทำให้เธอสามารถสร้างสมดุลให้ชีวิตและการงานได้ดียิ่งขึ้น
ก้าวสู่บทบาทผู้นำท่ามกลาง ‘Imposter Syndrome’
การเติบโตในหน้าที่การงานของผู้หญิงที่กำลังก้าวจากผู้บริหารระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อต้องรับบทบาทผู้นำที่ไม่เพียงต้องจุดประกายแรงบันดาลใจให้ทีม แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกไม่มั่นคงในตัวเอง บางครั้งเกิดคำถามว่า “ตัวเองเก่งไม่จริง?” หรือรู้สึกว่าตัวเองด้อยคุณภาพ หรือเรียกว่าเกิดอาการ “Imposter Syndrome” ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองและมักตั้งคำถามกับความสำเร็จที่ตัวเองได้รับ จึงตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูงมากและพยายามทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดความกดดันในการทำงานและการใช้ชีวิต และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
ช่วงเริ่มบุกเบิก CardX กนกเนตรก็เคยมีช่วงเวลาที่เริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเองว่า มีความสามารถมากพอหรือไม่ เพราะต้องทำหลายอย่างพร้อมกัน เธอยอมรับว่าความรู้สึกเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจ แต่คำแนะนำจากคนที่เธอไว้วางใจกลายเป็นจุดเปลี่ยน
“เราไปปรึกษากับคนที่เราไว้ใจ เขาถามเราว่า มีใครบอกเราหรือยังว่าเราไม่ดีพอ และสิ่งที่เราคิดว่าเราทำพลาด มีใครตำหนิเราหรือยัง คำถามนี้ทำให้เราเริ่มปรับมุมมองใหม่” กนกเนตรกล่าว
เธอตั้งหลักใหม่ด้วยการกำหนดเป้าหมายชัดเจนและเรียงลำดับสิ่งที่ต้องทำ และกลับไปขอคำแนะนำจากหัวหน้างาน ซึ่งให้แรงสนับสนุนจนเธอกลับมามั่นใจได้อีกครั้ง
“ถ้ามีน้อง ๆ มาปรึกษา เราจะให้ความมั่นใจว่า ทุกอย่างในโลกล้วนล้มเหลวได้ อย่ากลัวความล้มเหลว เพราะถ้าล้ม เราก็แค่ปรับแผนและเดินหน้าต่อ”
ด้านดาลัด ให้คำแนะนำในการจัดการกับ Imposter Syndrome ว่า การทำงานก็เหมือนชีวิตที่มีทั้งขึ้นและลง สิ่งสำคัญคือต้องกลับมาถามตัวเองว่า เป้าหมายคืออะไร อะไรคือสิ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จและอะไรที่มีความหมายสำหรับตัวเอง ซึ่งคำตอบนี้ไม่เหมือนกันในแต่ละคน และเปลี่ยนไปตามช่วงชีวิตด้วย
เธอยกตัวอย่างช่วงที่ลูกยังเล็ก ตอนนั้นทั้งงานและลูกต่างก็สำคัญ จึงต้องหาทางสร้างสมดุลให้ดีที่สุด แต่สำหรับผู้หญิงวัย 20 ปลายถึง 30 ต้น ๆ บางคนอาจให้ความสำคัญกับงานหรือคู่ครองก่อน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน
“ตลอดชีวิตการทำงาน มีหลายครั้งที่กลับบ้านไปแล้วร้องไห้ คิดว่าพรุ่งนี้คงโดนไล่ออกแน่ ๆ แต่พอวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างก็ยังปกติ หรือบางวันก็มีโมเมนต์ที่รู้สึกดีมาก ๆ เพราะงานออกมาดีเยี่ยม” ดาลัดกล่าว
ในมุมมองของเธอ การเป็นผู้นำไม่ได้หมายถึงการมีตำแหน่งสูงเสมอไป คนสามารถ “นำ” ได้ด้วยวิธีการทำงาน หรือสามารถสร้างแบรนด์ส่วนตัว สุดท้ายแล้วเชื่อว่าการที่คนสามารถพัฒนาความเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงจะนำไปสู่เป้าหมายที่อยากจะไปถึง โดยไม่จำเป็นต้องพยายามลอกเลียนแบบใคร
ด้านถิรนันท์ เปรียบเทียบอย่างน่าสนใจว่า AI เรียนรู้จากข้อมูล ส่วนมนุษย์เรียนรู้จากประสบการณ์ ตัวเราในวันนี้คือผลิตผลของประสบการณ์ที่เราพานพบ การจะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคง ขึ้นอยู่กับว่าเราเคยผ่านอะไรมาบ้าง
เธอแนะนำให้ รู้จักและเข้าใจตัวเองให้ดีและยอมรับว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง เพื่อประเมินผลกระทบได้ถูกต้อง และไม่สร้างความเสียหายให้ผู้อื่น เคารพตัวเอง เพราะบางครั้งเราไม่เคารพตัวเองโดยไม่รู้ตัว การวิจารณ์คนอื่นมักสะท้อนจากตัวเรา ถ้าเคารพตัวเองได้ เราจะไม่ทำร้ายจิตใจใคร และสุดท้าย หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่น ชีวิตจะมีความสุขขึ้น แต่ให้เทียบกับตัวเองว่า วันนี้เราดีกว่าเมื่อวานหรือไม่
“การทบทวนและฝึกฝน 4 ข้อนี้ จะทำให้เราแข็งแกร่งและไม่รู้สึกถดถอย เพราะเมื่อเราให้ค่ากับตัวเอง ก็ไม่มีใครทำร้ายเราได้” เธอกล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์คุณค่าด้วยความน่าเชื่อถือ
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงที่ทำงานในวงการธุรกิจหรือองค์กรที่ส่วนใหญ่เป็น Male-dominated หรือผู้ชายเป็นใหญ่ ดาลัด ผู้หญิงที่สั่งสมประสบการณ์มากว่า 20 ปีเล่าถึงการก้าวข้ามกรอบของอคติทางเพศด้วยความรู้และความน่าเชื่อถือที่เธอสร้างขึ้นมาให้ตัวเอง
ดาลัดรับบทบาทในการดูแลพันธมิตรของ SCBX ในต่างประเทศ และทุกครั้งที่เธอที่ไปเป็นตัวแทนประชุมในเวทีต่างประเทศ ในห้องประชุมส่วนใหญ่เต็มไปด้วยผู้ชาย
“บางครั้งที่เดินเข้าไปในที่ประชุม ด้วยหน้าตาที่ดูอ่อนกว่าวัยซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงอาเซียน หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นเลขานุการที่มาจดบันทึกการประชุม” เธอกล่าวติดตลก
“สิ่งสำคัญที่เรายึดถือมาโดยตลอด คือการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็นหญิงหรือชาย หรืออายุเท่าไหร่ หรือมีหน้าตาอย่างไร ถ้าเราเตรียมตัวให้พร้อม ทำการบ้านให้หนัก และมีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องที่เราจะไปนำเสนอหรือเจรจา และสามารถแสดงความรู้และความมุ่งมั่นออกมาได้อย่างเต็มที่ จนทำให้ทุกคนในห้องประทับใจ เรื่องเพศหรือหน้าตาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ดาลัดกล่าว
ทลายกำแพง สู่อนาคต
ผู้นำหญิงทั้ง 4 คนได้ฝากข้อคิดอันทรงพลังถึงคนรุ่นใหม่ที่ต้องการ “ทลายกำแพง” และ “นำพาองค์กรสู่อนาคต” ด้วยมุมมองที่หลากหลาย
ญาณ์บดี แนะนำให้ทุกคนเคารพและเข้าใจตัวเอง พร้อมกับหยิบยกคำคมจาก ธีโอดอร์ รูสเวลต์ อดีตประธานาธิบดีคนที่ 26 ของสหรัฐอเมริกา ที่กล่าวว่า “Do what you can, with what you have, where you are.” หรือ จงทำในสิ่งที่ทำได้ ด้วยสิ่งที่มีและจากจุดที่ยืนอยู่
“ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หรือเป็นใคร ขอให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ในบริบทที่ดีที่สุดของตัวเอง” ญาณ์บดีกล่าว
ถิรนันท์สะท้อนมุมมองถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงว่า ทุกวันนี้ ความไม่มั่นใจอาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนรุ่นใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือต้องมั่นใจว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่สร้างผลกระทบต่อผู้อื่น
“ในยุคที่ข้อมูลหมุนเร็ว และเส้นแบ่งระหว่างถูก-ผิดเริ่มเลือนราง โดยเฉพาะผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำโดยตำแหน่งหรือผู้นำจากอินเนอร์ ต้องระมัดระวังการแสดงออก ความมั่นใจต้องมาพร้อมกับการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ใช้ข้อมูลให้มากที่สุด แต่หากข้อมูลไม่ชัดเจน จงยึดจริยธรรมและศีลธรรมเป็นเข็มทิศ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ด้านดาลัดส่งต่อข้อคิดให้ผู้นำทุกคนโอบกอดความยากลำบาก ไม่ว่าจะในชีวิตส่วนตัวหรือการงาน เพราะมันคือการเรียนรู้เพื่อจะเริ่มสิ่งใหม่
“การพบเจอเรื่องยาก ๆ ในชีวิตถือว่าเป็นสิ่งดี ถ้าเราไม่เคยเจอเรื่องยากลำบาก เราจะไม่มีโอกาสเรียนรู้ ไม่มีวันได้หยุดเพื่อทบทวนและเริ่มต้นคิดใหม่ทำใหม่” ดาลัดกล่าว
ความยากลำบากในมุมมองของเธอคือพลังที่หล่อหลอมให้คนเข้มแข็งขึ้น
“ความล้มเหลวทำให้เราเติบโต มีมุมมองที่กว้างขึ้น และเข้าใจโลกในแบบที่คนอื่นอาจมองไม่เห็น” เธอกล่าวทิ้งท้าย
ปิดท้ายด้วยคำแนะนำจากกนกเนตร ที่ฝากให้ผู้นำทุกคนดูแลตัวเองให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง เพราะถ้ารักษาความมีสุขภาพดีไว้ได้ จะทำให้เป็นผู้นำที่เผื่อแผ่ความเมตตาและสร้างพลังบวกให้ทีมได้
เธอมองว่า การทำงานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
“โลกนี้มีหลายมุม หลังเลิกงาน ลองไปพักผ่อน ดูหนัง กินข้าวกับคนเพื่อน เพื่อรีเฟรชตัวเอง อย่ามัวแต่มุ่งทำงานเพียงอย่างเดียว ถ้าร่างกายและจิตใจแข็งแรง คุณจะมีพลังที่จะทลายทุกกำแพงและนำทีมไปสู่อนาคตได้อย่างมีความสุข” กนกเนตรกล่าว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แกร็บ ภายใต้แม่ทัพใหม่ ‘จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม’ ปักธงยกระดับชีวิตทุกเจเนอเรชันในปี 68
‘Red Hat Innovation Award’ ตัวอย่างการ ‘ปฏิรูปดิจิทัล’ ของออมสินและ ITMX