บริษัท Red Hat ที่มีชื่อเสียงด้านซอฟต์แวร์แบบ open source มายาวนาน จัดงานประกาศรางวัล “Red Hat Innovation Award” ประจำปี ให้ลูกค้าและพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
รางวัลนี้มอบให้องค์กรที่ได้นำโซลูชันของ Red Hat ไปประยุกต์ใช้อย่างได้ผล ทั้งใช้พัฒนาการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
ล่าสุดในประเทศไทย มี 2 บริษัทที่ได้รางวัลนี้ คือ ธนาคารออมสิน และบริษัท National ITMX
ย้อนไปเมื่อวัยเด็ก คนไทยจำนวนมากมีบัญชีเงินฝากแรกในชีวิตกับธนาคารออมสิน และย้อนไปเมื่อยุคโควิด คนไทยจำนวนมากได้เริ่มใช้การสแกนจ่าย หรือโอนจ่ายง่ายขึ้นผ่าน Promtpay และใช้เป็นวิธีหลักมาถึงปัจจุบัน ซึ่งก็พัฒนาและดูแลโดยบริษัท National ITMX
แน่นอนว่าระบบไอทีของทั้ง 2 บริษัทนี้จึงต้องทั้งมีเสถียรภาพ และทั้งรองรับธุรกรรมจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการที่ 2 องค์กรนี้ใช้ซอฟต์แวร์แบบ open source ก็เป็นเสมือนเครื่องการันตีว่าซอฟต์แวร์ประเภทนี้มีความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ทั่วไป
ธนาคารออมสิน : ปฏิรูปดิจิทัลเพื่อก้าวข้ามยุคสมัย
กานต์รวี จิรสนธิการณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารออมสิน ถ่ายทอดวิสัยทัศน์และบทบาทของธนาคารในยุค Digital Transformation ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ธนาคารออมสิน เป็นธนาคารภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีภารกิจเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” ช่วยให้ประชาชนทุกคนทุกวัยได้มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินและแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม
ส่วนในแง่ธุรกิจ ธนาคารก็ยังต้องแสวงหากำไรเชิงพาณิชย์ด้วย และทั้งสองภารกิจนี้ก็ต้องการเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อรองรับกว่า 26 ล้านบัญชี และยังมีผู้ใช้แอป My Mo อีกราว 15 ล้านราย รวมกว่า 240 ล้านธุรกรรมต่อเดือน
ความร่วมมือกับ Red Hat ในการขับเคลื่อน digital transformation ของธนาคารออมสิน เริ่มต้นจากการพัฒนาระบบต่าง ๆ ร่วมกันระหว่างพนักงานของออมสิน กับทีมงานของ Red Hat โดยเน้นความรวดเร็วแต่ได้ productivity เพื่อให้ในที่สุดแล้วสามารถส่งมอบบริการต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น ซึ่งเรียกว่าเป็นการลด “time to market” ลง
การทำงานร่วมกันระหว่างธนาคารออมสินกับ Red Hat เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เช่นการอัปเดตหรือ “modernized” แอปต่าง ๆ ให้ทันสมัยและทันความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภค รวมไปถึงการ “modernized” เปลี่ยนแปลงระบบไอทีเก่า ๆ ที่เรียกว่า “legacy system” ซึ่งใช้มานาน ให้ทันสมัยและพร้อมรองรับสิ่งใหม่ ๆ ด้วย
ทั้งนี้ ทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องมีทั้งการสื่อสารแบบ top-down และแบบ bottom-up ไปด้วยกัน คือ ผู้บริหารต้องรับฟังจากทีมงานปฏิบัติการอย่างจริงจัง และกระบวนการก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารทั้งหมด ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ต้องมีในยุค digital transformation นี้
ทำงานร่วมกันแบบ DevSecOps
“DevSecOps” เป็นชื่อรูปแบบการทำงานร่วมกันของระหว่างธนาคารออมสินกับ Red Hat ซึ่งเป็นการรวมเอา 3 คำคือความปลอดภัย (Security) กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Development) และการปฏิบัติการ (Operations) เข้าไว้ด้วยกัน
สิ่งสำคัญ คือ ต้องเน้นรักษาความปลอดภัยเข้ามาพิจารณาตั้งแต่ขั้นตอนแรก ๆ ของวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น การออกแบบ การเขียนโค้ด และการทดสอบ แทนที่จะรอให้การพัฒนาเสร็จสิ้นแล้วจึงตรวจสอบความปลอดภัย
เป้าหมายของการทำงานแบบนี้ ก็เพื่อให้ตรวจพบและแก้ไขช่องโหว่ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขในภายหลัง
เครื่องมือที่ใช้จะเน้นกระบวนการอัตโนมัติ เช่น การสแกนโค้ด การทดสอบช่องโหว่ และการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนด เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกัน
ส่วนการทำงานร่วมกันในทีมนั้น ทั้งทีมพัฒนา ทีมรักษาความปลอดภัย และทีมปฏิบัติการ จะต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและความรับผิดชอบร่วมกันในการรักษาความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
นอกจากนั้นต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมรับมือกับกับภัยคุกคามและความเสี่ยงใหม่ ๆ ตลอดเวลาด้วย
บริษัท National ITMX: ผู้สร้าง payment infrastructure หลักในไทย เช่น “พร้อมเพย์”
แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับบริการ “Promtpay” แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่ามีบริษัทชื่อ National ITMX ย่อมาจาก National Interbank Transaction Management and Exchange เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเชื่อมต่อระหว่างธนาคารต่าง ๆ อยู่
บริษัท ITMX นี้จัดตั้งโดยคณะกรรมการระบบชำระเงินแห่งชาติ ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย และไม่ได้มีเฉพาะบริการพร้อมเพย์เท่านั้น แต่ยังมีระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการโอนหรือถอนเงิน
ตัวอย่างเช่นระบบ “bulk payment” หรือการโอนเงินด้วยจำนวนธุรกรรมมาก ๆ เช่นระบบการจ่ายเงินเดือน, เงินปันผล, ดอกเบี้ย, เงินกู้ , หลักทรัพย์, พันธบัตรรัฐบาล, การชำระสินค้าและบริการ รวมทั้งโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
นิวัฒน์ กัณวเศรษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท National ITMX เผยเรื่องราวความสำเร็จ ในการสร้าง payment Infrastructure ที่ต้องทั้งเร็ว ทั้งเสถียร ทั้งปลอดภัย และพร้อมขยายระบบต่อ ๆ ไปได้
“ITMX เปรียบเสมือนทางด่วนที่เชื่อมต่อระหว่างธนาคารต่าง ๆ ในประเทศไทย ทำให้การโอนเงินและชำระเงินเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำ”
การลงทุนสร้าง payment Infrastructure ของ ITMX ที่ผ่านมานั้น อยู่ในแนวคิดใหญ่ว่า “ทำทางด่วนใหญ่ทีเดียวแล้วก็อนุญาตให้มีการเชื่อมถนนเล็ก ๆ เข้ามาในทางด่วนได้ ก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ”
อย่างไรก็ตาม เรื่องต้นทุนไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับแรก แต่เป็นเสถียรภาพของระบบที่ต้อง “ไม่ล่ม” นั้นสำคัญกว่าต้นทุนขึ้นไปอีก
ความต้องการเสถียรภาพแต่ต้นทุนต่ำนั้น ฟังดูขัดแย้งกันและยากในทางปฏิบัติ ฉะนั้นส่วนหนึ่งที่ช่วยได้คือการเลือกใช้ซอฟต์แวร์แบบ open source
ฉะนั้นบริษัทซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สอย่าง Red Hat จึงถูกเลือกให้เข้ามาร่วมกันพัฒนาระบบ ตั้งแต่การ workshop ร่วมกันประเมินงานและต้นทุน การพัฒนา hybrid cloud การทำงานประจำวันของระบบ การจัดการเสถียรภาพระบบ การป้องกันและกู้คืนข้อมูลให้เร็วและครบถ้วนหากมีปัญหา และอื่น ๆ อีกมากมาย
เนื่องจากหากระบบมีปัญหา จะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชนในวงกว้าง และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ITMX จึงต้องพัฒนาระบบให้มีความพร้อมใช้งานสูงสุด และสามารถทำระบบให้พร้อมขยาย หรือ “scale ระบบ” ไปเรื่อย ๆ เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการใช้งานพร้อมเพย์นั้นมีเพิ่มขึ้นสูงทุกปี โดยปีที่ผ่านมามีปริมาณธุรกรรมรวมกว่า 23,000 ล้านรายการต่อปี และใน 1 วินาที จะมีธุรกรรมในพร้อมเพย์มากถึงประมาณ 5,000 รายการ
ฉะนั้นถ้าระบบล่มแม้เพียงวินาทีเดียว ก็จะมีคนได้รับผลกระทบอย่างน้อยเป็นหมื่นคนในชั่วพริบตา และจะมากขึ้นรวดเร็วมหาศาลถ้าปะญหายังคงอยู่
Red Hat จึงได้เข้าไปช่วย ITMX พัฒนาระบบที่ “Zero Downtime” มีความพร้อมใช้งานใกล้เคียง 100% (99.999%) เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“เราทำงานร่วมกับ Red Hat อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนากระบวนการรองรับเหตุไม่คาดคิด (incident management) และระบบอัตโนมัติ (automation) เพื่อลดระยะเวลาในการกู้คืน (recovery) เมื่อเกิดปัญหา ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อผู้ใช้งานให้น้อยที่สุด”
ซอฟต์แวร์ที่ ITMX ใช้ก็คือ Red Hat OpenShift Container Platform, Red Hat Enterprise Linux และ Red Hat Ansible Automation Platform ซึ่งก็คือการนำเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ การทำงานอัตโนมัติ และโอเพ่นซอร์สระดับองค์กรมาใช้
ยกตัวอย่าง Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นเครื่องมือพัฒนาแอปพลิเคชัน เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อรองรับการพัฒนาและทดสอบซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ อีกทีหนึ่ง
เพราะ OpenShift นี้ เป็นแพลตฟอร์มประเภท “container software” (ระบบกล่องบรรจุแอปพลิเคชัน) ที่ช่วยให้การติดตั้ง อัปเดต และดูแลแอปพลิเคชันง่ายขึ้น
แม้ว่าจะมีแอปพลิเคชันจำนวนมาก แต่ทุกแอปจะได้รับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สามารถถูกปรับเพิ่มหรือลดทรัพยากรได้ยืดหยุ่นโดยไม่กระทบต่อกัน นอกจากนั้นยังช่วยให้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น
นอกจากการพัฒนะระบบแล้ว Red Hat ยังเข้าไปร่วมพัฒนาทีมงาน ในชื่อโครงการ“Red Hat Open Innovation Lab” เพื่อยกระดับศักยภาพพนักงานภายในของ ITMX ด้วย
Red Hat เจ้าของซอฟต์แวร์เบื้องหลังแอปธนาคารมากมาย

สุพรรณี อำนาจมงคล ผู้บริหารจาก Red Hat เผยตัวอย่างสถาบันการเงินรายอื่นที่ใช้ระบบของ Red Hat เช่น ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งใช้ในระบบเบื้องหลังแอป K Plus และระบบดิจิทัล ๆ อื่นด้วย นอกจากนั้นยังมีธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงศรี ธนาคารกรุงไทย และธนาคาร CIMB ไทย เป็นต้น
นั่นคือลูกค้าหลักของ Red Hat ในไทยเป็นธนาคารและการเงิน รองลงไปเป็นโทรคมนาคม และอีกหลากหลายประเภทธุรกิจ
ไม่ใช่แค่บริษัทใหญ่ ๆ เท่านั้น Red Hat ยังถูกเลือกใช้ใน startup หลายแห่ง โดยบริษัท Red Hat ก็มีนโยบายสนับสนุน startup ด้วยในรูปแบบ “strategic partnership” โดยช่วยเชื่อมโยงธุรกิจระหว่าง startup กับบริษัทใหญ่และระหว่าง startup ด้วยกัน เกิดเป็น ecosystem ที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน
นอกจากนั้น ทาง Red Hat ก็ได้จัดคลาสสอนต่าง ๆ ถ่ายทอดความรู้และทักษะทางเทคโนโลยีให้ทั้งสตาร์ตอัพและผู้สนใจด้วย
และภายในปีนี้ Red Hat จะจัดอีกกิจกรรมใหญ่ในไทยคืองาน “Red Hat Summit Connect” โดยรายละเอียดจะมีการอัปเดตเพิ่มเติมต่อไป
และทั้งหมดก็คือเรื่องราวที่ทำให้ทั้ง ธนาคารออมสิน และบริษัท Nation ITMX ต่างก็ได้รางวัล Red Hat APAC Innovation Awards 2024 (ประกาศในปี 2025) 2 สาขา คือรางวัลด้าน Digital Transformation และรางวัลด้าน Cloud-native Development ในปีนี้
เรื่องราวของทั้ง 2 องค์กรนี้ จึงเป็นทั้งตัวอย่างว่าซอฟต์แวร์แบบ open source เช่น Red Hat OpenShift ก็ใช้งานในในองค์กรใหญ่ ๆ ได้ และเป็นทั้งตัวอย่างของการ “ปฏิรูปดิจิทัล” (Digital Transformation) ของบริษัทยุคนี้ที่ต้องใช้การทำงานเป็นทีมระหว่างบุคลากรทุกระดับทั้งในและนอกองค์กร
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
LTMH เปิดเวทีเสวนา “ตลาดหุ้นไทย” ถอดมุมมองอนาคตธุรกิจ ฝ่าวิกฤติและจับทิศทางการลงทุน
ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดศูนย์บริการนานาชาติ ดันไทยเป็นจุดหมายคนทำงานทั่วโลก