อาณาจักรค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล กำลังเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ภายหลังการประกาศแต่งตั้ง สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารมากวิสัยทัศน์และประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO อย่างเป็นทางการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568
การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของเซ็นทรัล รีเทล ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งยกระดับองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ที่เน้นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมเผยแผนลงทุนกว่า 45,000-47,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี (2568-2570)
ยุคแห่งความท้าทาย…โอกาสใหม่ของ CRC
ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สุทธิสารกลับมองว่า ความท้าทายเหล่านั้นไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่กลับมองเป็นโอกาสและแรงขับเคลื่อนที่จะผลักดันให้เซ็นทรัล รีเทลคิดใหม่และทำใหม่ หรือ “Rethink & Reset” โดยนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมแกร่งให้กับการทำงานในทุกมิติขององค์กร ทั้งในแง่การเสริมศักยภาพให้บุคลากร เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการทำความเข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ซีอีโอคนใหม่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองหา ประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่า สะดวก ง่าย และรวดเร็ว
“ผู้บริโภคยุคนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง เลือกซื้อสินค้าได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงเลือกสินค้าที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้าในช่วงเช้าและได้รับในช่วงบ่าย นอกจากนี้ ความใส่ใจในสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่น่าสนใจและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ” สุทธิสารกล่าวระหว่างการแถลงวิสัยทัศน์ครั้งแรก
“สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นโจทย์ให้เซ็นทรัล รีเทล มุ่งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้ทั้งในช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ บนอีโคซิสเต็มของเราที่มีความยืดหยุ่น แข็งแกร่ง และพร้อมปรับตัว เพื่อก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ”
กลยุทธ์ ‘New Heights, Next Growth’ สู่การเติบโตครั้งใหม่

เซ็นทรัล รีเทล ได้กางโรดแมป 3 ปี (2568-2570) ภายใต้กลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ที่ประกอบด้วย 5 แกนหลักสำคัญ คือ
- Reinforce Customer Focus เสริมสร้างความเข้าใจและเข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้งผ่าน The 1 Loyalty Program ซึ่งมีสมาชิกกว่า 26 ล้านรายในไทยและเวียดนาม พร้อมขยายฐานกลุ่มลูกค้า Young & Mainstream และกลุ่ม B2B เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Loyalty Platform
- Strengthen CRC Foundation เสริมรากฐานองค์กรให้แข็งแกร่งด้วยการเพิ่มยอดขายและกำไร ขยายและปรับปรุงสาขา รวมถึงผสานเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มให้เป็นหนึ่งเดียว สร้างประสบการณ์ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ และผลักดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตแบบ Double Digit พร้อมขยายธุรกิจ Food และ Mall ในเวียดนาม
- Expedite New Growth เร่งสร้างการเติบโตผ่าน New Growth Engine เช่น การขยาย GO WHOLESALE ด้วย 5 กลยุทธ์ ได้แก่ การพัฒนา Private Labels, การเป็น HORECA Destination (โรงแรม, ร้านอาหาร, และ คาเฟ่/ธุรกิจจัดเลี้ยง), การเป็นผู้นำด้านของสด, การขยายสาขา 12-18 สาขาใน 3 ปี และพัฒนา New Store Concept รวมถึงขยาย Auto1 ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรด้วยการเปิดสาขาเพิ่มอย่างน้อย 10 สาขาต่อปี
- Scale Synergy สร้างความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยผสานการทำงานกับธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล และเซ็นทรัลกรุ๊ป เพื่อเพิ่มยอดขายและประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนาโมเดล Mix-used และ Hybrid Retail Store เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน
- Disciplined Financial Management บริหารการเงินอย่างรอบคอบ ควบคุมค่าใช้จ่าย ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น
ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ซีอีโอคนใหม่ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ และ EBITDA ต่อปีประมาณ 5% ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 45,000-47,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปี (2568-2570) โดยแหล่งเงินของการลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดและเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเป็นการลงทุนที่จะโฟกัสในประเทศไทยและประเทศเวียดนามเป็นหลัก

ยึดหลัก ‘เติบโตอย่างยั่งยืน’ ควบคู่ธุรกิจ
นอกเหนือจากแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ เซ็นทรัล รีเทล ยังคงยึดมั่นในหลักการ “เติบโตอย่างยั่งยืน” โดยผสานปรัชญาการดำเนินธุรกิจ CRC Careทั้ง7 มิติ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกแผนงาน ด้วยความเชื่อว่าความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม คือรากฐานสำคัญของการเติบโตระยะยาว เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2593 และสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน พนักงาน และลูกค้าให้เติบโตอย่างแข็งแรงไปพร้อมกัน
รู้จัก CEO คนใหม่
สุทธิสาร บุตรคนสุดท้องของ เตียง และ วิภา จิราธิวัฒน์ ผู้ให้กำเนิดเซ็นทรัล คือบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและขับเคลื่อนการเติบโตของกลุ่มเซ็นทรัลมายาวนาน เขาสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ปริญญาตรี และปริญญาโท จากสถาบันการศึกษาชั้นนำในสหรัฐอเมริกา โดยระหว่างศึกษาได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานกับหลากหลายธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล
หลังจากสำเร็จการศึกษา สุทธิสารเริ่มต้นเส้นทางในกลุ่มเซ็นทรัลด้วยตำแหน่ง Management Information System & Customer Data Services Analyst ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โดยถือเป็นผู้ริเริ่มในการวางรากฐานระบบค้าปลีกหลังบ้านของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอย่างเต็มรูปแบบ เช่น ระบบการจ่ายเงิน การจัดซื้อ และระบบ Category Management ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
สุทธิสารได้สั่งสมประสบการณ์ในหลากหลายสายงาน ทั้งด้านกลยุทธ์ การบริหารจัดการ และการพัฒนาธุรกิจ จนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มเซ็นทรัลให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จ ผลงานสำคัญโดยสังเขปของเขาประกอบด้วย
- ปี พ.ศ. 2544:ริเริ่มจัดตั้งธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบ Category Killer ภายใต้ชื่อ Supersports โดยแบ่งการบริหารงานออกเป็น 3 ส่วน คือ ผู้ค้าปลีกอุปกรณ์กีฬา, ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำ ปัจจุบันร้านซูเปอร์สปอร์ตถือเป็นธุรกิจค้าปลีกสินค้ากีฬาอันดับ 1 ในประเทศไทย ที่มีมากกว่า 80 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมขยายธุรกิจสู่ตลาดเวียดนามอีกด้วย
- ปี พ.ศ. 2547: ได้รับการแต่งตั้งเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ผู้นำด้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไอที ของประเทศไทย ที่มีเครือข่ายกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ เขายังเป็นผู้บุกเบิกร้านค้าเพาเวอร์บาย ในรูปแบบโมเดล Stand alone โดยรุกขยายสาขาในพื้นที่ Strategic location เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกพื้นที่ ทำให้เพาเวอร์บายกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักภายใต้เครือเซ็นทรัล รีเทล ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของกลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์
- ปี พ.ศ. 2551: ได้รับการแต่งตั้งเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ผู้นำ Omnichannel DIY Home Retailer อันดับ 1 ของไทย โดยสามารถขยายสาขาได้ถึง 87 สาขา ครอบคลุม 51 จังหวัดทั่วไทย ภายในระยะเวลาเพียง 15 ปี ส่งผลให้ไทวัสดุก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในห้างวัสดุก่อสร้างที่มีเครือข่ายครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ
นอกจากนี้ เขายังได้ริเริ่มโมเดล White Format (ไฮบริดสโตร์) ซึ่งเป็นการผสานจุดแข็งของไทวัสดุและ บีเอ็นบี โฮม เข้าไว้ในสาขาเดียวกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบจบทุกเรื่องบ้านให้แก่ลูกค้า รวมถึงยังได้เปิดตัวบริการปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน “วิฟิกซ์” เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของทั้งผู้รับเหมา และลูกค้ารายย่อย ตลอดจนขยายธุรกิจสู่กลุ่มใหม่ ได้แก่ Auto1 ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร และ โก! ว้าว วาไรตี้สโตร์ เพื่อเจาะฐานลูกค้าในกลุ่มแมสทั่วประเทศอีกด้วย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘สีเขียวต้องสร้างรายได้’: WHA Group พลิกวิกฤติสิ่งแวดล้อม สู่โอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน
พรูเด็นเชียลฯ รุกตลาด HNW ชู ‘PRULegacy’ โซลูชันส่งต่อความมั่งคั่ง