Share on
×

Share

จริยธรรมสื่อยุค AI: เมื่อ ‘ความจริง’ ถูกท้าทาย และสมองอาจถูก ‘ถอดรหัส’

ในยุคที่อัลกอริทึมเข้ามามีอิทธิพลต่อการรับรู้ความจริงของผู้คน วงการสื่อมวลชนกำลังเผชิญกับความท้าทายทางจริยธรรมครั้งใหญ่ โดยเวทีสัมมนาระดับประเทศได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่น่ากังวล เมื่อเทคโนโลยี AI อาจพัฒนาไปไกลถึงขั้น “ถอดรหัสความคิด” ของมนุษย์ได้ พร้อมเรียกร้องให้เกิดการสร้าง “มาตรฐาน” ที่ชัดเจน เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลความจริง ก่อนที่การออกกฎหมายจะกลายเป็นทางเลือกที่ล่าช้าเกินไป

ประเด็นดังกล่าวคือหัวใจสำคัญของเวทีสัมมนา “AI กับจริยธรรมสื่อมวลชน: เมื่อ Algorithm มีอิทธิพลต่อความจริง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เปิดเผยถึงงานวิจัยที่น่ากังวลอย่าง “Brain Decoding” ซึ่ง AI สามารถตีความ “ความคิดในใจ” ที่แท้จริงของผู้ใช้ได้ ซึ่งนี่คือประเด็นทางจริยธรรมที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะเป็นการก้าวข้ามจากการนำเสนอความจริงภายนอก ไปสู่การเปิดเผย “ความจริงภายในใจ” ของบุคคลโดยที่อาจไม่ได้รับความยินยอม และนำไปสู่การถกเถียงในเวทีนานาชาติถึงขั้นเสนอให้ตั้ง “คณะกรรมการด้านระบบประสาท (Neurological Committee)” เพื่อพิจารณาขอบเขตของเทคโนโลยีนี้

จากความเสี่ยงที่ AI อาจบิดเบือนหรือแม้กระทั่งสร้าง “ความจริง” ชุดใหม่ขึ้นมา ดร.ชัย จึงเสนอว่า “กฎหมายบังคับควรเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราต้องการ” แต่สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนกว่าคือการสร้าง “มาตรฐานกลาง (Standardization)” เพื่อใช้กำกับดูแลอัลกอริทึมให้โปร่งใสและเชื่อถือได้ โดยมีหัวใจสำคัญ 3 ประการ คือความปลอดภัย (Safety Concern) เพื่อรับประกันว่าข้อมูลจริงของผู้ใช้จะไม่รั่วไหล ความแม่นยำ (Precision Concern) เพื่อให้ AI นำเสนอข้อมูลที่ “เป็นจริง” ไม่ใช่ข้อมูลที่กุขึ้น (Hallucination) และข้อมูล (Data Concern) เพื่อตรวจสอบว่า “ความจริง” ที่ AI เรียนรู้มานั้น ไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่มีอคติ (Bias) หรือละเมิดลิขสิทธิ์

ภารกิจสื่อในยุคใหม่: จากการนำเสนอสู่การ ‘พิทักษ์ความจริง’

รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา อัครจันทโชติ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ย้ำถึงบริบทของยุคสมัยที่ “บอทสามารถกระจายข่าวได้เร็วกว่าสำนักข่าว” และ “AI สามารถลอกเลียนเสียงมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ” ว่าสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ภารกิจของสื่อมวลชนซับซ้อนยิ่งขึ้น ไม่ใช่เป็นเพียงการลบล้างข่าวปลอม แต่คือ “การสร้างภูมิคุ้มกันแห่งความเชื่อมั่น” ให้กับสังคม

“แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไป แต่ภารกิจหลักของสื่อยังคงเดิมคือ การสื่อสารเพื่อให้แสงสว่าง เสริมพลัง และขับเคลื่อนสังคม ดังนั้น หัวใจสำคัญของวิชาชีพในยุคอัลกอริทึมจึงไม่ได้อยู่ที่การเล่าเรื่อง แต่อยู่ที่การปกป้องความถูกต้องของการเล่าเรื่อง”

องค์กรวิชาชีพสื่อกับการปรับตัว: เมื่อแนวปฏิบัติไล่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน

ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ได้สะท้อนภาพการทำงานของสื่อในสนามจริง โดยเปิดเผยว่า “แนวปฏิบัติการใช้ AI” ที่สภาฯ ประกาศใช้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน กลับอาจต้องได้รับการทบทวนใหม่ จากการที่องค์กรสื่อได้นำ AI ไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ตั้งแต่การสรุป-เขียนข่าว ทำกราฟิก ไปจนถึงการสร้างผู้ประกาศข่าว AI เขาจึงยอมรับว่านี่อาจเป็นแนวปฏิบัติที่ “น่าจะต้องได้รับการปรับปรุงบ่อยที่สุด”

ชวรงค์ ได้เน้นย้ำถึงความรับผิดชอบของ “แพลตฟอร์ม” ที่ใช้อัลกอริทึมในการคัดเลือกข่าวสาร ซึ่งเป็นการตัดสินใจโดยจักรกลที่จะมีผลโดยตรงว่า “ความจริงชุดไหน” จะถูกนำเสนอสู่สาธารณะ และ “ความจริงชุดไหน” จะถูกปิดกั้น เขาหวังว่าเวทีสัมมนาครั้งนี้จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรมสำหรับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ องค์กรสื่อ แพลตฟอร์ม และผู้บริโภคสื่อ เพื่อร่วมกันสร้างระบบนิเวศสื่อที่ดี

ภาพอนาคต AI และทางรอดของมนุษย์ในยุคอัลกอริทึม

นอกเหนือจากการถอดรหัสสมอง ดร.ชัย กล่าวว่า วิวัฒนาการของ AI ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีตั้งแต่ Agentic AI ที่สามารถรับคำสั่งและทำงานต่อได้เอง ไปจนถึง Physical AI ในรูปแบบหุ่นยนต์ และอาจไปถึง Artificial General Intelligence (AGI) ที่มีความสามารถทัดเทียมมนุษย์

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ดร.ชัย ได้เสนอทางออกว่า แทนที่จะมุ่งควบคุมเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สำคัญกว่าคือการยกระดับมนุษย์ โดยเปรียบเทียบกับวงการศึกษาที่ต้องเปลี่ยนจากการสอนแบบเดิม ๆ มาเป็นการสอนให้ผู้เรียนใช้ AI อย่างชาญฉลาดและรู้เท่าทัน เช่นเดียวกับคนในวิชาชีพสื่อที่ต้องพัฒนาทักษะเพื่อใช้อัลกอริทึมเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบและสร้างสรรค์ แต่ยังคงสงวนการตัดสินใจสุดท้ายและการรับผิดชอบทางจริยธรรมไว้ที่มนุษย์ ดังเช่นที่วงการแพทย์ สุดท้ายแพทย์ก็ต้องเป็นคนเซ็นรับรองอยู่ดี

ในระดับองค์กร ดร.ชัย ยกตัวอย่างกระบวนการภายในของ สวทช. ที่มีเครื่องมือประเมิน (Assessment Tool) เพื่อกำกับดูแลโครงการวิจัย AI ซึ่งเป็นแบบจำลองที่องค์กรสื่อสามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างกลไกการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือได้

ภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุดต่ออิทธิพลของอัลกอริทึม อาจไม่ได้อยู่ที่กฎเกณฑ์จากบนลงล่างเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การสร้างสังคมผู้บริโภคสื่อที่ตื่นรู้และมีวิจารณญาณ โจทย์ใหญ่ที่ท้าทายสังคมไทยจึงไม่ใช่เพียงคำถามว่า “เราจะควบคุม AI ได้อย่างไร” แต่คือ “เราจะยกระดับสติปัญญาและจริยธรรมร่วมกันได้อย่างไร” เพื่อนำทางสังคมในยุคสมัยที่ “ความจริง” ไม่ได้ถูกผูกขาดโดยมนุษย์อีกต่อไป แต่อัลกอริทึมได้เข้ามามีบทบาทร่วมสร้างและนำเสนอความจริงในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนและทรงพลังกว่าที่เคยเป็นมา

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘สีเขียวต้องสร้างรายได้’: WHA Group พลิกวิกฤติสิ่งแวดล้อม สู่โอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน

ศึกชิงอธิปไตยเศรษฐกิจดิจิทัล จาก ‘ผู้ตั้งรับ’ สู่ ‘ผู้รุก’ พลิกยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชาติ

×

Share

ผู้เขียน