ธนาคารกรุงศรีอยุธยา นำเสนอแนวทางการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับพนักงาน รวมถึงการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสู่ตลาด ตอบรับวิกฤติแรงงานไทยสายไอทีขาดแคลน ในงาน “KRUNGSRI TECH DAY 2024”
ในงานมีการพูดคุยในหัวข้อ “EMPOWERING EVERY TALENT: YOUR FUTURE, OUR SUCCESS” โดยได้ ดร.รณกร ไวยวุฒิ อาจารย์จากสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, เศรษฐศิริ เศรษฐภากรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธานี ศรีกุญชร Head of Innovation Center ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และหทัยรัตน์ ตรรกนิพนธ์ ผู้บริหารสายงานการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มาวิเคราะห์ถึงตลาดแรงงานของสาย Tech พร้อมแนะนำโครงการให้กับสาย Non-Tech ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานไปในสาย Tech
ภาพตลาดแรงงานและความท้าทายที่ภาคการศึกษาไทยกำลังเผชิญ
ดร.รณกร ไวยวุฒิ อาจารย์จากสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การศึกษาไทยกำลังถูก Disruption อย่างรุนแรง สมัยก่อนการศึกษาไทยจะเป็นการผลักดันให้เด็กนักเรียนทำในสิ่งที่ระบบเห็นมองว่าดี ดังนั้นแรงงานที่ต้องการเลยออกมาเป็นหมอ วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นต้น โดยได้เปรียบเทียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นเหมือนกับไดโนเสาร์ตัวใหญ่ ที่ในปัจจุบันนี้หากต้องการการเปลี่ยนแปลงในทันทีอาจจะทำได้ยาก เนื่องจากได้ปักหลักมามากกว่า 140 ปี แต่ถึงอย่างนั้น ก็พร้อมที่จะถูก Disruption ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ปัจจุบันผู้คนนิยมสนใจเรียนในสายเทคโนโลยี สายดิจิทัล เนื่องจากมีต้องการของตลาด ทุกการเรียนในปัจจุบันเป็นการเรียนเพื่อที่จะตอบโจทย์สายอาชีพที่ต้องการ เช่น งานลักษณะนี้ ต้องการทักษะแบบนี้ เลยตัดสินใจเรียนคณะนี้ เป็นต้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงต้องสร้างคอร์สเรียนที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ หากลองสังเกตดูในปัจจุบันจะพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่เรียนจบ
ระดับปริญญาตรี 4 ปี ไม่ได้ทำงานตรงสายตามตนเองเรียนมา เช่นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดรับผู้ที่จบจากคณะใดก็ได้ ในการเรียนต่ออีก 4 ปี เพื่อจบการศึกษาออกมาเป็นหมอ แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้น เพื่อรองรับ Demand ที่จะเกิดขึ้น
ตลาดแรงงานต้องการคนเก่ง Tech แต่การศึกษาไทยยังผลิตบุคลากรได้ไม่เพียงพอ
เศรษฐศิริ เศรษฐภากรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การผลิตบุคลากรในภาค Tech มีค่อนข้างน้อย แต่ความต้องการกลับมีสูงมาก ปัจจุบันประเทศไทยก็ยังคงผลิตบุคลากรเหล่านี้ไม่ทัน ธนาคารกรุงศรีอยุธยามองว่าตนเองเป็นหนึ่งในธนาคารหลักของประเทศมีความคิดที่จะช่วยเพิ่มทักษะด้าน Tech ให้กับผู้คนที่ต้องการเปลี่ยนสายงานไปสาย Tech ตามความต้องการของตลาด
ด้าน หทัยรัตน์ ตรรกนิพนธ์ ผู้บริหารสายงานการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวเสริมว่า การที่จะค้นหาและคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาทำงานในสาย Tech มีความยาก แต่การรักษาและพัฒนาบุคลากรเหล่านั้นไว้กับองค์กรมีความยากมากว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยามองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งของเทคโนโลยีส่งผลต่อการทำงานของผู้คนและองค์กร ผู้คนในสาย Tech หายาก ขณะเดียวกันลักษณะงานของสาย Tech มีความยากและท้าทายมากยิ่งขึ้น
หทัยรัตน์ในฐานะของผู้บริหารสายงานการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรบุคคล ช่วยขับเคลื่อนองค์กรและพัฒนาให้ Talent สามารถรับมือและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้ ยกตัวอย่างเป็น 2 ส่วนดังนี้
- บุคลากรในองค์กร มีการ Upskills และ Reskills และสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้ทุกคนได้เรียนรู้ในทุก ๆ วัน ภายใต้ธีม ‘Every day is a learning day’ เพราะทุกวันคือการเรียนรู้ เน้นการพัฒนา 3E คือ
- Expertise = เน้นพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้บุคลากรสามารถปรับตัวได้ พร้อมสร้างความเป็นมืออาชีพ ออกแบบโปรแกรมที่มุ่งเน้นความต้องการตามตำแหน่งงานเป็นหลัก ทั้ง Hard skills และ Soft skills
- Experience = เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้ โดยให้ผู้คนในองค์กรได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
- Environment for life-long learning = ให้ผู้คนในองค์กรให้เรียนรู้ในทุกวันอย่างต่อเนื่อง โดยมีแพลตฟอร์มให้เรียนได้ง่าย สะดวก ทุกที่ทุกเวลา
- บุคลากรใหม่ในองค์กร ได้มีการดึงดูดโดยใช้จุดแข็งขององค์กรภายใต้ธีม YOUR FUTURE, OUR SUCCESS โดยมองว่าอนาคตที่ความสำเร็จและการเติบโตของพนักงานคือ อนาคตและความสำเร็จขององค์กรเช่นกัน โดยพนักงานทุกคนจะได้พัฒนาและเติบโตในแบบที่ตนเองต้องการ มี Best Version ของตนเอง มีเส้นทางเป็นของตนเอง และเชื่อว่าผลงานของพนักงานต้องมาพร้อมกับความสุขเสมอ จึงจะเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน
จากจุดแข็งและความมุ่งมั่นขององค์กร ทำให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ใน Top 50 ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย ล่าสุดได้รับรางวัล HR Excellence Awards 2024
การปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับ Lifestyle ของคนสาย Tech
เนื่องจากในปัจจุบันพนักงานสาย Tech ได้มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่มีคาแรคเตอร์แต่ละ Segment Genaration แตกต่างกันไป หทัยรัตน์ กล่าวว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลายที่ตอบโจทย์พนักงานแต่ละกลุ่ม ปัจจุบันมีหลักสูตรออนไลน์มากกว่า 1,000 หลักสูตร ให้พนักงานแต่ละคนได้เรียนตามโจทย์และตามความต้องการ
การสร้าง Corporate Culture ในองค์กร Tech
อีกหนึ่งสิ่งที่ท้ายทายในการสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งและยั่งยืนคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ปัจจุบันองค์กร Tech ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ดูมีความเทคโนโลยี มีความเป็น Innovation จนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า Innovation Culture (วัฒนธรรมองค์กรที่สร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรม) ธานี ศรีกุญชร Head of Innovation Center ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การสร้าง Innovation Culture ในองค์กรของกรุงศรีอยุธยาถือว่ามีความท้าทายมาก เนื่อจากปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ที่ผ่านมา ที่ AI ได้เข้ามามีบทบาทในการทำงาน จนเกิดเป็นคำพูด “หากใครที่ไม่ใช้ AI จะถูกคนที่ให้ AI เป็น Disruption” แต่ถึงอย่างนั้นเทคโนโลยีก็ยังคงเป็นเพียงเครื่องมือ เพราะธนาคารกรุงศรีอยุธยามีการให้ความสำคัญกับ People จึงออกแบบสิ่งที่ต้องการสร้างให้พนักงานขึ้นมา คือ
- Spark = พยายามทำให้พนักงานเกิดความสนใจในเทคโนโลยีที่องค์กรต้องการสร้าง นำ Speaker มาพูดคุยจุดประกายสิ่งใหม่ ๆ ให้พนักงาน
- Skills = หลักจากจุดประกายให้พนักงานเปิดแรงบันดาลใจแล้ว ก็จะเพิ่มทักษะใหม่ ๆ ให้แก่พนักงาน ทั้ง Hard skills และ Soft skills
- ให้โจทย์ในการทำงาน = โดยเป็นโจทย์ที่ให้พนักงานคิดค้น Innovation ที่สร้างสรรค์และคิดออกนอกกรอบได้
- Innovation Communities = สร้าง Community ของคนทำ Innovation เปิดโอกาสให้พนักงานจากหลากหลายแผนก หลากหลายส่วนได้มีโอกาสพูดคุยกัน จนเกิดเป็น Krungsri Innovation Citizen
การสร้าง Innovation Culture ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างให้พนักงานใช้เทคโนโลยีจำนวนมาก แต่เป็นการปลูกฝัง Mindset นั่นเอง
รูปการพัฒนาทักษะให้กับ Tech Talent
เศรษฐศิริ ให้ข้อมูลไว้ว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจัดทำ 3 โปรแกรมใหญ่ในการพัฒนาทักษะให้กับ Tech Talent คือ
- Krungsri Universe Collaboration = Collaboration ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์นอกเหนือจากห้องเรียน โดยอยากให้นักศึกษานำความรู้ที่ได้ในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง เพราะเมื่อได้ลองทำงานจริงแล้ว นักศึกษาเองจะได้เรียนรู้ถึงทักษะที่ตนเองมีและทักษะที่ควรได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม ซึ่งกิจกรรมนี้ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้น โดยวางแผนขยายการร่วมมือต่อไปในอนาคต โดยกิจกรรมที่ให้นักศึกษาได้ทำในโครงการนี้มีหลากหลายมาก เช่น การเป็นนักศึกษาฝึกงาน, จัดกิจกรรม Innovation both camp เปิดโอกาสให้นักศึกษาส่งประกวดนวัตกรรม, ร่วมสร้างนวัตกรรมจากงานวิจัยมากมายในมหาวิทยาลัยจนสามารถต่อยอดและนำไปใช้ได้จริง เป็นต้น
- QA Program by Nimble = สร้างโครงการโดยมอบองค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยี ให้กับนำบุคลากรที่ไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี แต่มีแนวคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลง และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
- Krungsri Upskill & TITAN Program = สร้างโครงการขึ้นเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีแต่ต้องการเพิ่มทักษะของตนเอง โดยทำการ Reskill ของตนเอง จากนั้น Upskill และทดลองทำงานจริง โดยไม่จำเป็นต้องลาออกจากที่ทำงานปัจจุบัน
ด้านธานีได้ให้ข้อมูลเสริมว่า สำหรับโครงการข้างต้นได้ให้ผลลัพธ์ที่เกินความคาดหวัง คือได้ให้กำไรกลับคืนสู่สังคม ได้พัฒนาทักษะให้กับนักศึกษาฝึกงาน และได้มอบโอกาสให้นักศึกษาฝึกงานเข้ามาเป็นพนักงานในอนาคต
การเตรียมพร้อมของสถาบันการศึกษาเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ดร. รณกร ให้ข้อมูลว่า ในปัจจุบันถือว่าตลาดงานค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่ว่าจะในด้าน Tech หรือ Social list มองว่า Oppotunities สูงมาก เห็นได้ชัดเลยว่านักศึกษาสมัยนี้มีโอกาสมากกว่าสมัยก่อนคือ ได้เปิดโลกเร็วมากขึ้น เช่นหลาย ๆ หลักสูตรในการเรียน ก็ได้พาผู้เรียนไปเจอกับโจทย์จริง ๆ ในการทำงานทั้งภาคเอกชนและภาครัฐบาล การจะมองว่านักศึกษาคนไหนเก่งหรือไม่เก่งในปัจจุบันนั้นไม่อาจวัดได้ด้วยการทดสอบเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องมองให้ลึกลงไปว่าใครสามารถแก้ปัญหาได้เฉียบคมและตรงจุดมากกว่า สามารถทำ Problem solution fit ได้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของภาคการศึกษา
ปัจจุบันการเรียนการสอนในห้องเพียงอย่างเดียวไม่พอต่อการนำองค์ความรู้ไปใช้งานแน่นอน โดยยังเผยว่าการเรียนนั้นนักศึกษาบางคนสามารถเรียนรู้และอ่านหนังสือเองได้ Chat-GPT อาจจะให้คำตอบที่มากกว่าอาจารย์เรียนรู้มาทั้งชีวิตก็ได้ ดังนั้น ประสบการณ์การจริงในการทำงานจึงจะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะได้งานหรือเหมาะสมกับงานไหม ดังนั้นการที่ภาคเอกชนจึงควรเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ด้วย และทางธนาคารกรุงศรีเองก็ได้มีโครงการ Krungsri Universe Collaboration ตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่สามารถอุดรุ้รั่วของปัญหาได้ 100% เพราะยังคงต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ต้องแก้ปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังให้นักศึกษาได้มีพื้นที่ในการเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง ๆ เพราะหากชอบจะได้ลุยต่อ หรือหากไม่ชอบจะได้รับมือกับงานในอนาคตได้เร็วมากขึ้น บนเส้นทางที่ชัดเจน
การสร้างการพัฒนาทักษะในด้านเทคโนโลยีผ่าน Krungsri Nimble
เศรษฐศิริ ให้ข้อมูลว่า Krungsri Nimble คือ ฮับในการสร้างและดูแลโซลูชันด้าน ไอที (IT solutions hub) สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกรุงศรีด้วยงบประมาณหลายร้อยล้านบาทต่อปี พร้อมหนุนคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีศักยภาพด้านวิศวกรรมไอทีที่มีแรงบันดาลใจในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ (Making innovative changes) พร้อมเติบโตไปกับองค์กรในบรรยากาศการทำงานที่สนับสนุนการสร้างนวัตกรรม
โดยได้มีการจัดตั้ง Krungsri Innovation ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ผู้คนบางส่วนไม่ต้องการออกจากเมืองเพื่อเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ต้องการทำงานที่ไหนก็ได้ ร่วมทั้งเป็นการสร้าง QA Academy ให้เกิดขึ้น เนื่องจากผู้คนบางส่วนในพื้นที่เป็น Non-Tech แต่ต้องการสร้าง Community ในพื้นที่ให้ดีขึ้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก็ได้สร้างโปรแกรมที่ทำให้เกิดการ Re-Learn ขึ้นมาสำหรับกลุ่มผุ้ที่ทำงาน มาแล้วประมาณ 3-5 ปี แต่ต้องการเปลี่ยนสายงาน และการสร้างโครงการนี้ขึ้นมา ก็ต้องการความ Sustainable เลยจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นตั้งแต่พื้นฐาน ให้สามารถใช้ Tools ต่าง ๆ ในสาย Tech ได้
โดยได้ดำเนินโครงการมาแล้ว 2 Season คือ
- Season 1 (2023-2024) : ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ: 480 คน ผู้ผ่านการคัดเลือก: 12 คน ร่วมงานกับธนาคารกรุงศรี: 5 คนร่วมงานกับบริษัท เทคโนโลยีอื่น ๆ: 7 คน
- Season 2 (2024 – ปัจจุบัน): ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ: 550 คน ผู้ผ่านการคัดเลือก: 14 คน (ปัจจุบัน) ปัจจุบันกำลังดำเนินอยู่ในโครงการ ซึ่งในปีต่อไปกำลังมองหา จัดทำโครงการ BA Academy เพื่อให้ผู้ที่เป็น Non-Tech แต่มีมุมมองด้านธุรกิจ ให้ใช้ความสามาถด้านธุรกิจออกแบบ Solution ใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาของลูกค้าผ่านเทคโนโลยี
ดูแลบุคลากรที่ไม่ได้มาจากสายงาน Tech ด้วยโครงการ TITAN : From Zero to Hero

หทัยรัตน์ให้ข้อมูลว่า จากความสำเร็จของโครงการ QA Academy และโครงการ Krungsri Universe Collaboration ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่ดีจากการให้โอกาสผู้คนในสังคม จึงได้จัดทำโครงการ TITAN : From Zero to Hero Empowering titans of project management leadership โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อ คือ
- Awakening your hidden talents = เปิดโอกาสให้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีประสบการณ์ด้านไหนมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์สาย Tech มาก่อน หรือไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน project management โดยจะเริ่มพัฒนาทักษะตั้งแต่ศูนย์ พร้อมก้าวสู่การเป็นฮีโร่ในสายงาน Tech
- Building Krungsri tech talent pipeline = ต้องการสร้าง tech talent ที่มีความเชี่ยวชาญให้กับทางธนาคารกรุงศรี พร้อมสร้าง Impact ให้กับกรุงศรีและวงการ Tech
- Contributing to sustainable society = ต้องการสร้างสังคมที่ยั่งยืนจากการมองเห็นปัญหา Skill Gap ที่ระดับความสามารถของแรงงาน ที่ไม่ตรงกับระดับความสามารถที่นายจ้าง หรือตามที่องค์กรคาดหวัง ซึ่งโครงการนี้ก็จะเข้ามาพัฒนาทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และเปิดโอกาสทางอาชีพให้กับผู้คนมากขึ้น รวมไปถึงเป็นโอกาสของผู้ที่กำลังว่างงาน
โดยมีความเชื่อว่าจากการดำเนินงานของโครงการ TITAN : From Zero to Hero จะเป็นการจุดประกาย ให้กับผู้คนที่ได้รับโอกาสนี้ด้วย และพร้อมที่จะส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมต่อไป ตามวิสัยทัศน์ของธนาคารกรุงศรีที่ต้องการสร้างสังคมที่ยั่งยืน พร้อมมุ่งมั่นในการพัฒนาผู้คนให้ดีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งโครงการนี้เกิดจากจุดแข็งของธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่มีทีม HR และมีทีม IT ที่เก่งและเชี่ยวชาญมากในหารพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร ร่วมมือกันกับ IVM ที่เชี่ยวชาญในด้านของ Project management เชื่อว่าผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะต้องก้าวเข้าไปสู่การเป็น Project management อย่างแน่นอน นอกจากนี้โครงการ TITAN : From Zero to Hero ยังถือเป็นสนามทดลองให้กับผู้คนที่มาจากสาย Non-Tech ให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงก่อนที่จะตัดสินใจในชีวิต โดยผู้ที่ได้ผ่านในโครงการนี้ ก็จะได้รับโอกาสดี ๆ ในการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงศรีต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่ต้องการเปลี่ยนงานหรือลองทำงานในสาย Tech สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงมือทำ และงานในสาย Tech นั้นเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ ส่วนองค์กรที่ต้องการขับเคลื่อน Inovation ก็ควรมี Culture ที่ดี เพราะหากองค์กรขาด Culture ที่ดีไปแล้ว การคิดนวัตกรรมล้ำสมัยแค่ไหนก็ไร้ความหมาย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
จาก CDP สู่ CDxP ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยข้อมูลที่เจาะจง ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น