Share on
×

Share

การบินไทย ยกเลิกแผนฟื้นฟู ประกาศเดินหน้าต่อ กลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ 4 สิงหานี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ประกาศความพร้อมในการนำหุ้น “THAI” กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 หลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

จากการประสบความสำเร็จในการดำเนินการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งได้พลิกโฉมองค์กรสู่การเป็นบริษัทเอกชนที่พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจน พร้อมที่จะทะยานสู่บทบาทหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมการบินระดับภูมิภาค ตลอดจนการเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง

ลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความพร้อมของคณะกรรมการชุดใหม่ว่ามีความมุ่งมั่นและความสามารถทั้งในด้านขององค์ความรู้และวิสัยทัศน์ที่จะร่วมผลักดันองค์กรให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นใจ โดยคณะกรรมการชุดใหม่ประกอบไปด้วยกรรมการ 11 ท่าน ซึ่งจำนวน 3 ท่าน เป็นกรรมการของบริษัทตั้งแต่ในช่วงก่อนเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ นอกจากนี้กรรมการที่เข้าใหม่ 8 ท่านยังได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ถือหุ้นผ่านการพิจารณาตาม Board Skills Matrix ทำให้สามารถรับประกันความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ อาทิเช่น ธุรกิจการบิน การเงิน กฎหมาย ได้เป็นอย่างดี

ตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การบินไทยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม โดยการบินไทย มีเป้าหมายที่ชัดเจนมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2608 เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมาให้ก้าวไปสู่รากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

เรื่องราวในวันที่เกือบล้ม: การบินไทยกับวิกฤติหนี้หมื่นล้าน

ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เล่าถึงอุปสรรคของการบินไทยที่ประสบปัญหาขาดทุนสะสม 66,000 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงปี 2013 มาโดยตลอด โดยเฉพาะการเข้ามาของ Covid-19 ทำให้เงินทุนติดลบ และซ้ำเติมปัญหาให้หนักกว่าเดิม เพื่อแก้ไขปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงให้การบินไทยขายหุ้น 3% ให้กับกองทุนวายุภักษ์ เพื่อพ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจ และยื่นต่อศาลล้มละลายกลางให้บริษัทเข้าสู่การพักฟื้น ส่งผลให้ไม่ต้องชำระค่าเงินกู้และดอกเบี้ย ทำให้ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้

แต่กระนั้นเองการบินไทยก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย เนื่องจากขาดเงินสนับสนุนจากธนาคารและรัฐบาล ทำให้คณะผู้บริหารต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรใหม่อย่างเร่งด่วน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนออก พร้อมเร่งขยายกลยุทธทางการตลาดเพื่อเพิ่มปริมาณส่วนแบ่งตลาดให้กลับมามั่นคงอีกครั้ง แม้จะไม่อาจเทียบเท่าส่วนแบ่งตลาดเมื่อ 10 ปีที่แล้วได้ก็ตาม

และในปี 2567 การบินไทยสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) สูงถึง 41,515 ล้านบาท ประกอบกับ ในไตรมาส 1 ปี 2568 การบินไทยมีกำไรจากการดำเนินงาน 13,661 ล้านบาท สะท้อนถึงความสำเร็จของกระบวนการฟื้นฟูกิจการอย่างชัดเจน จึงได้ไฟเขียวในการออกจากแผนพักฟื้น และกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

เปิดกลยุทธ์ 3 ประการ กอบกู้องค์กร สู่การกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง

ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เล่าถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรว่าประกอบไปด้วย 3 ประการสำคัญ ประการแรก การปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเริ่มต้นจากปรับโครงสร้างปริมาณ และรายได้ของพนักงานในองค์กรผ่านการลดจำนวนคน แต่เพิ่มประสิทธิภาพรายบุคคลให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสามารถเพิ่มกำลังการผลิตต่อบุคลากรได้ 18% เทียบกับปี 2019 พร้อมกันนั้นก็ปรับค่าใช้จ่ายด้านพนักงานให้เหลือ 10.7% ของรายได้การบินทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาเป็น 12% โดยประมาณ เพื่อลดการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพ และเปิดรับสมัครนักบินหน้าใหม่ไปพร้อมๆ กัน

ประการที่สอง การปรับโครงสร้างฝูงบินและจำนวนเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพ การขยายเส้นทาง และการยกระดับการให้บริการ ผ่านการลดจำนวนแบบเครื่องบินจาก 8 แบบ เหลือเพียง 4 แบบ และลดจำนวนเครื่องยนต์จาก 9 แบบเหลือ 5 แบบ ส่งผลให้สามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานและซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ณ ปัจจุบัน การบินไทยจะมีเครื่องบินกว่า 78 ลำ และสามารถบินไปได้มากกว่า 63 พื้นที่ ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าที่เคยทำได้ แต่ถึงกระนั้นแม้จำนวนเที่ยวบินจะลดน้อยลง แต่ด้วยการปรับโครงสร้าง และการดำเนินงานธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รายได้ของบริษัทในปี 2024 สามารถแซงรายได้ของปี 2019 ที่มีเครื่องบินกว่า 108 ลำได้ และ ASK (Available Seat Kilometers) ที่มากกว่า 28% ได้

นอกจากนั้น การบินไทยยังวางแผนที่จะขยายสัดส่วนทางการตลาด (Market Share) ทั้งในท่าอากาศยานไทยและสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสารให้เข้ามาใช้สายการบินไทยมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีสายการบินต่างชาติ (Visiting Carrier) เข้ามากว่า 117 สายการบิน ส่งผลให้เงินไหลออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก

ประการสุดท้าย การปรับโครงสร้างทางการเงิน โดย เฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับช่วงต่อ อธิบายถึงการปรับโครงสร้างหนี้ของการบินไทยว่าได้ประสบความสำเร็จในการแปลงหนี้และดอกเบี้ยตั้งพักของเจ้าหนี้เป็นทุนกว่า 53,453 ล้านบาท และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการฟื้นฟูกิจการและพนักงานของบริษัทฯ กว่า 22,987 ล้านบาท ในปี 2567 ที่ผ่านมา ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลับเป็นบวกที่ 55,439 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบเป็นจำนวน 43,142 ล้านบาท และสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E Ratio) เหลือเพียง 2.2 เท่า จาก 12.5 เท่า ในปี 2562 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงสถานะทางการเงินที่มั่นคงของการบินไทย

เรื่องราวการพลิกฟื้นของบริษัท การบินไทย ไม่ได้เป็นเพียงการสิ้นสุดแผนฟื้นฟู แต่เป็นกรณีศึกษาที่สำคัญสำหรับองค์กรต่าง ๆ ในการบริหารจัดการวิกฤติและสร้างความยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์สำคัญด้านการปรับตัว ลดต้นทุน และบริหารจัดการหนี้อย่างชาญฉลาด ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นของอุตสาหกรรม ซึ่งถือเครื่องยืนยัน ว่าการบริหารจัดการอย่างมีวิสัยทัศน์และความพร้อมเผชิญความท้าทายในอนาคต จะนำพาองค์กรกลับมาแข็งแกร่งและเป็นกำลังสำคัญได้อีกครั้ง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘ถอดรหัส DNA การเดินทาง’ ปั้น 21 คลัสเตอร์ ทวงแชมป์ท่องเที่ยว

เกมรุกของ ‘พชร อารยะการกุล’ นำทัพบลูบิคสู่ SET ประกาศกร้าวสู่เป้าหมาย ‘SET100’ ใน 3 ปี

×

Share

ผู้เขียน