Share on
×

Share

Soft Power ไทย เริ่มจากตรงไหนก่อนดี?

หากนึกถึงคำว่า Soft Power หลายคนอาจจะนึกถึง ผ้าขาวม้า กางเกงช้าง เพลงไทย หรือซีรีส์ไทย แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียง culture effect ของ soft power เพียงมิติหนึ่งเท่านั้น Soft Power นั้นมีหลากหลายมิติและความหมาย ในทางรัฐศาสตร์แสดงถึงเรื่องนโยบายต่าง ๆ ที่ทําให้ผู้อื่นมีความคิดเหมือนเรา หรือสนับสนุนเราโดยไม่ใช้กําลังไปบังคับ สามารถทําให้คล้อยตามได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยมีหลายแง่มุมที่ควรจะใส่ใจอย่างจริงจัง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น โดยการแบ่งปันมุมมอง The Soft Power จาก Power women ทั้ง 3 ท่าน ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด

Soft Power ต้องเริ่มจากตรงไหน?

1.Education

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถ้าพูดถึง Soft Power คนมักจะเข้าใจว่าเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรม แต่ Soft Elements ที่เป็นเรื่องพื้นฐานคือ education เพราะการศึกษาเป็นพื้นฐานของทุก ๆ เรื่อง ถ้าเราสามารถที่จะเข้าถึงการศึกษาในระดับสูงขึ้น เสริมทักษะให้ตรงตามความต้องการของตลาด จะทําให้ประเทศเรามีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแรงมากขึ้น ถือเป็นพื้นฐานสําคัญในการเป็น Soft Power ของการพัฒนาบุคลากร human capital จะทําให้คุณภาพและทักษะของประชากรเราน่าสนใจมากขึ้น

เพราะคงจะไม่มีประเทศไหนที่อยากจะมาลงทุนในประเทศที่คนในประเทศนั้นไม่มีทักษะ ฉะนั้นการศึกษาจะช่วยในการพัฒนา human capital ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน การที่เราทําให้การศึกษาสามารถที่จะครอบคลุมไปในทุกพื้นที่ได้ จะทําให้ความเหลื่อมล้ำหรือว่าความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของเราดีขึ้น ทําให้เราสามารถที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในด้านนี้ก็มี challenge ในเรื่องคุณภาพและควาเท่าเทียม

ในวันนี้ต้องมีการปรับในหลักสูตรการเรียนการสอน ปละตัวผู้สอนซึ่งเป็นบุคลากรสําคัญในการปลูกฝังเรื่องการศึกษาที่มีปัญหาในเรื่องของ quality การอบรมครูอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากนัก Infrastructure ของการที่จะทําให้นักศึกษาเข้าถึงระบบการศึกษายังคงเป็นปัญหา รวมถึงการทําให้ทักษะที่มีนั่นตรงตามความต้องการของตลาด ที่ต้องแก้ไขตั้งแต่ essential education และ include ความเป็นไทยเข้าไป ถือเป็นโอกาสในในการสร้างความแตกต่างที่ท้าทายของประเทศไทย

2.Technology

ด้าน อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด หากว่า มองประเทศไทยเป็นเหมือนบริษัทแล้วมองไปข้างหน้าว่า ถ้าเราจะหา New S-Curve ให้กับประเทศไทย ต้องให้ความสําคัญกับเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เทคโนโลยีเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้ innovation นั้นเกิดขึ้น การจะทําอย่างไรให้นวัตกรรมสามารถที่จะสร้างความยั่งยืนด้วยตัวเอง ถ้าเป็นในมุมมองของธุรกิจก็จะเป็นในเชิงของ business model ถ้าประเทศไทยจะเป็น maker ในเรื่องของผู้ผลิตเทคโนโลยี ซึ่งต้องกลับมาโฟกัสว่าแล้วเราจะเจาะพื้นที่ไหนที่เป็นจุดแข็งของเรา อาจจะเป็นในภาคของ medical tech หรือ health tech ที่จะเข้ามาช่วยในการค้นหา news curve ให้กับประเทศไทยในเรื่องของเทคโนโลยี

มิติของการช่วยแก้ปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเรื่องของการขาดแคลน ความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ในมิติของการเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพ การเข้าถึงการศึกษา ซึ่งเป็นช่องว่างใหญ่ที่เทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยได้ ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ทางด้าน economic แต่ยังเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องสังคมให้คนหันมาให้ความสนใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

3.People & Value

ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในด้าน people กับ value นั้นมีเรื่องของ education เป็นพื้นฐานโดยใช้หลักของ DEI (Diversity Equity and Inclusion) เพื่อจะได้ output เป็น sustainability ที่ทางองค์กรได้นําเสนอสิ่งที่ทํา Employee Benefits for all genders bjc เป็นอะไรที่จับต้องได้ เห็นชัดในด้านของรูปแบบ Benefit โดยมีเทคโนโลยีที่จะช่วยผลักดันให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย ผสานการใช้ Data & knowledge sharing พัฒนาฝึกฝนรวมไปจนถึง AI recruitment ที่มีความเสมอภาคในด้านของ Gender ส่งเสริมและเปิดกว้างให้กับทุกคน เพราะความหลากหลายทั้งหมดคือการรวมจุดแข็ง และเปิดโอกาสให้ได้พูดอย่างไร้ขีดจํากัดทำให้มี improvement ที่ดีขึ้น

ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่เปิดโอกาสทั้งด้าน tourism ด้านของ gender diversity ทำให้เราเป็นศูนย์กลางของการเข้าถึงของการมาใช้ชีวิตหลังเกษียณ ของการมาใช้ชีวิตคู่ รวมถึง medical tourism ถ้าพวกเราทุกคนในประเทศเปิดกว้างกับเรื่องนี้ ไทยก็จะเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยศักยภาพและโอกาส

Soft Power ในมุมขององค์กร ที่ต่อยอดโอกาสของไทย

องค์กรพยายามที่จะให้พนักงานทุกคนได้เป็นตัวตนให้เต็มที่ ได้แสดงศักยภาพส่วนตัวตามความสามารถ และความต้องการของธุรกิจ สำหรับโจทย์เรื่อง education ต้องมีการอบรมให้ตรงตามเป้าหมายในการพัฒนาแต่ละบุคคล employee development ให้พนักงานใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่

การที่เราจะส่งให้การศึกษาไปถึงทุกคนได้ ต้องใช้ระบบออนไลน์ ใช้เทคโนโลยีมาช่วยทําให้มี personalize ในการเรียนรู้ให้ตรงตามความต้องการ รวมถึงการใช้ AI มาเพิ่มศักยภาพของพนักงาน ทําให้ customer มีประสบการณ์ที่โดนใจและตรงใจมากขึ้น และช่วยในเรื่องของ business process ทําให้ business process มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งที่สําคัญสําหรับผู้บริหารและพนักงานทุกคนก็คือ เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร โดย AI ไม่ได้นำมาใช้เพื่อหาคําตอบเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ใช้งานต้องถามเป็น ถ้าถามไม่เป็นคําตอบก็ไม่ใช่

หากประเทศนำเทคโนโลยี innovation มาทํา personalize learning เพราะว่าคนทุกคนมีระดับความเข้าใจ และความต้องการของการศึกษาไม่เหมือนกัน จะทํายังไงให้เราลดความไม่เท่าเทียมกัน สามารถจะ personalize การเรียนการสอนตามศักยภาพของคนในพื้นที่ที่แตกต่างกันไป ซึ่งไม่ได้ใช้เงินมากเพียงแต่เราต้องใส่ใจ ช่วยเหลือสนับสนุนคนที่มีความต้องการใช้ technology ให้เข้าถึงการศึกษาได้เท่าเทียม และทําให้เกิดการร่วมมือกันการศึกษาที่จะเกิด impact ต้องบูรณาการในหลายภาคส่วน เพื่อทําตัว knowledge based สามารถกระจายออกไปได้

ศุภจี กล่าวว่า “การ collaboration จะช่วยทําให้ช่องว่างที่มีอยู่ระหว่างคนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กข้าถึงกันได้มากยิ่งขึ้น ถ้าเราสามารถที่จะจัดหาการทํา share resource ที่มีประสิทธิภาพ โลกยุคปัจจุบันมีทั้ง winner และ loser ถ้าเราสามารถจะเอาบทเรียนของ winner มาให้คนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นเทคโนโลยีจะช่วยทําให้เราสามารถมี collaboration เพื่อจะให้เกิดให้มีความเข้มแข็งในภาพรวม ทําให้เรามีความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น”

อรนุช กล่าวว่า “ประเทศไทยมีจุดเด่นในเรื่องอาหาร ธุรกิจทางด้านเกษตรกรรม และ Medical Healthcare ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เราอาจจะต้องเอา ecosystem ทั้งหมดอะออกมากางแล้วดูว่า key stakeholder แต่ละรายต้องการอะไร และเราสามารถเข้าช่วยในจุดไหนของอุตสาหกรรมได้ ประเทศไทยมีจุดแข็งที่สามารถเอามาต่อยอดสร้างโอกาสที่จะทําให้ไทยก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในศูนย์รวมและมีขีดความสามารถในการแข่งขันด้าน Soft Power”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ธนาคารกรุงศรี เน้นพัฒนาบุคลากร รับวิกฤติแรงงานไทยสายไอทีขาดแคลน

จาก CDP สู่ CDxP ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยข้อมูลที่เจาะจง ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

×

Share

ผู้เขียน