ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการขายสินค้าและส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ ถูกป้ายยาจาก KOL ที่เข้ามามีอิทธิพลในการตัดสินใจ
กุลธิรัตยน์ ภควัชร์ไกลเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร เทค อี-บิสสิเนส เซ็นเตอร์ จำกัด ร่วมแบ่งปันการดำเนินงานของสมาคมอีคอมเมิร์ซ และการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่จะทำให้สามารถขยายธุรกิจไทยไปต่างประเทศได้มากขึ้นผ่าน Cross-border e-Commerce และ Live-Commerce รวมทั้งเทรนด์ใหม่จากประเทศจีน
ด้าน E-Commerce Value Ranking ประเทศจีนมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซเป็นอันดับหนึ่งของโลก รองลงมาก็คือสหรัฐอเมริกา
ด้าน Startup Value Ranking ตลาดจีนบูทสตาร์ตอัพ หลังสหรัฐอเมริกาสร้าง Silicon Valley แต่ประเทศจีนสร้างที่เซินเจิ้นและฮ่องกง ประเทศไทยมียูนิคอร์น 3 รายที่หนึ่งคือ Flash Express ทำธุรกิจ E-logistic fulfillment รายที่สองคือ True money รายที่ 3 LINE MAN Wongnai เป็นสตาร์ตอัพที่ดังในเวทีโลกและมูลค่ามากกว่า 35,000 ล้านบาท มียูนิคอร์นในอเมริกา 600 กว่าตัว ประเทศจีน 400 ประเทศไทย 3 จากจํานวนทำให้เริ่มเห็นว่าประเทศไหนกําลังเติบโตไปในทางนี้
“ในวันที่เราจะไปเติบโตในต่างประเทศ แต่ต่างประเทศกลับเข้ามาโตในบ้านเราเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นานคือ Temu ที่ทํา Cross-border มาหาเราเพราะมีบริษัทในสิงคโปร์สินค้าเป็น Non Brand ซึ่ง Temu จะมาเปิดธุรกิจในไทยละปี 2025 อย่างเต็มตัว เราต้องพัฒนาให้มีความพร้อมที่จะเติบโตในการ Cross-border e-Commerce ไปสู่ Global Marketplaces ถ้าจะไป Asia Pacific Marketplace ต้องไปกับ จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และญี่ปุ่นให้ได้ซึ่ง Cross-border ยังมี opportunity ที่ท้าทายอยู่”
China Investment opportunities Trend 2025
- Energy / EV
- Green economy & BCG products
- Co-Startups building ventures
- Live-Commerce & KOL Cross-border
- New Retail
5 ธุรกิจนี้อยู่ใน ecosystem e-Commerce การทําการตลาด Social Commerce ต้องมีความเป็น Entertainment enablers โดยเฉพาะ Creative economy business ใครจะคิดว่า Butterbear จะดังขนาดนี้ แบรนด์นี้ดังไกลในจีนเรียบร้อย นอกจากนี้ Popmart ของจีนกลับดังมากในไทยมาก ๆ
KOL (Key Opinion Leader) จีนที่โด่งดังด้วยรายได้สูงมียอดขาย 6 เดือนรวมกันได้หลักหมื่นล้านผ่านการไลฟ์ขายสินค้า นี่คือโอกาส Live-Commerce การเป็น KOL Live-Commerce ในยุคปัจจุบันแบรนด์ต้องมีชื่อเสียงที่น่าเชื่อถือ เข้ากับกลุ่มแฟนคลับของ KOL ไม่ทำให้เสีย personal ของ KOL และไม่เอาเปรียบคนดู หากสินค้าที่อยู่ในหน้าร้านขายในราคา 50 บาท ถ้าจะไลฟ์ขายต้องต่ำกว่า 50 บาทเท่านั้น เพราะถ้าไลฟ์ขายแพงกว่าทําให้เหมือนไม่ซื่อตรงหรือว่าไม่จริงใจกับ follower
การขายใน e-Commerce ให้ปังต้องทํา Gifting ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือโปรโมต KOL และคุณต้องเลือกให้ถูกคน และ Being ในที่นี้ควรจะสร้างทีมจริงจังเพราะเป็นยุคของ KOL อย่างที่จีน KOL แต่ละคนมีอย่างต่ำ 5 แพลตฟอร์มในการขายของ ในประเทศไทยมีขั้นต่ำ 3 แพลตฟอร์ม แล้วจะดังอย่างน้อย 1 แพลตฟอร์ม ดังนั้นในไทยถ้าปัจจุบันเรายังขายสินค้าไม่ถึง 5 ช่องทางต้องหาวิธีในการปรับการทำงานและพัฒนา ลองทำA/B Testing เพื่อหาช่องทางที่ดีที่สุดของตัวเอง ทั้ง KOL และ KOC (Key Opinion Consumers) มีเยอะขึ้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงและชอบขายสินค้าอยู่แล้วก็จะเพิ่มโอกาส Live-Commerce & KOL Cross-border ได้มากขึ้น การ Hiring ต้องเลือก KOL ให้เข้ากับเนื้อหาและแพลตฟอร์มจูงมือโตไปด้วยกัน
โอกาสของสินค้าไทยกับตลาดจีน
จุดอ่อนของสินค้าไทยคือจด trademark น้อยมากจากสถิติประเทศจีนจด trademask 8.5 ล้าน อเมริกาจดไป 2 ล้านกว่า ไทยจด 39,000 กว่า trademark ทําให้เห็นว่าธุรกิจไทยยังมีโอกาสโตต่างประเทศอีกเยอะ และคนไทยยังไม่หวงแหนทรัพย์สินทางปัญญาให้ของเราดีพอเท่าต่างประเทศ ดังนั้นอยากจะสนับสนุนว่าต้องไปจด trademark หากต้องการส่งออกสินค้าควรทำเทสสินค้าก่อนส่งออกเป็นเรื่องสําคัญที่บางคนมองข้ามไป เพื่อให้สินค้าที่ส่งออกไปตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสินค้าจริงๆ ต้องเทียบด้วยว่าคู่แข่งที่ขายอยู่ในในแพลตฟอร์มมีอะไรบ้าง อย่าขายแบบปิดตา เราต้องขายแบบเปิดตาแล้วจะได้เห็นว่าคู่แข่งเราเป็นใคร
Douin กับ WeTV เป็นโอกาสในเวทีโลกเรื่อง e-Commerce Growth จีน ที่มี Live-Commerce เป็นอันดับหนึ่ง เติบโตใน Douin หรือ TikTok ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกัน TikTok ในไทยคือแอปพลิเคชันที่ขายให้กับคนไทย แต่แอปพลิเคชันที่อยู่ในจีนขายให้กับคนจีนชื่อ Douin ดังนั้น Douin ตอนนี้ international ซึ่ง Douin ก็จะร่วมมือกับทาง UOB และทางสมาคมอีคอมเมิร์ซในการช่วยผู้ประกอบการในการขายไปต่างประเทศ
WeTV สามารถช่วย advertising ให้กับ Southeast Asia ทั้งไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ฟิลิปปินส์ เวียดนามได้เยอะมากเป็นอีกโอกาสหนึ่งเหมือนดูซีรีส์ก็จะมีโฆษณาช่วย Conversion Rate ได้ และล่าสุดมีรายการ CHAUNG ASIA (ช่วง เอเชีย) ที่คนดูกว่า 2,500 ล้านวิวในปีที่ผ่านมา จะมาผลิตในการที่ไทย สามารถ tie in สินค้าไทยได้ ปีที่แล้วมีเจ้าเดียวคือ มาม่า ปีนี้ก็คือกําลังคุยกับแบรนด์ไทยอยู่ประมาณ 3 ถึง 10 แบรนด์ว่าแบรนด์ไหนจะสามารถเข้ากับกลุ่มไอดอลได้ ปีที่แล้วไอดอลหญิงปีนี้จะเป็นไอดอลชายเป็น success story ของทางสมาคมที่มาเล่าให้ฟัง
อยากจะฝากในเชิงของนโยบาย policy กับภาครัฐเน้นย้ำ Cross-border facilitation อยากให้มีการช่วย subsidize เรื่องของโลจิสติกส์มากขึ้นให้กับเพื่อขยายตลาดไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้นเรื่อง digital transformation ที่อยากจะให้ทําต่อเนื่องรวมไปถึงการทํา nationalism ให้กับแบรนด์ไทยที่อยู่ใน e-marketplace ไทยน่าจะมี Thailand certify ให้เรารู้สึกว่าเป็น Thailand ทําให้เรารู้สึกอยากจะซื้อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้วยกันผลักดันความเป็น nationalism ให้มีมากขึ้น
เราทําคนเดียวไม่ได้เลยต้องการทุกท่านนะคะมาร่วมไม้ร่วมมือกันกับ สุดท้ายนี้ก็ฝากท่านว่าสิ่งที่สําคัญคือการช่วยกัน ทําไมประเทศจีนถึงโตได้ขนาดนี้เพราะว่าเขาช่วยกันในระยะมณฑลในแต่ละจุดให้มี ecosystem ที่แข็งแรง วันนี้พวกพวกเราเองก็ต้องร่วมไม้ร่วมมือกันช่วยกันในแต่ละจุด ดังนั้นมันง่ายขึ้นเยอะเลยในการขยายธุรกิจในไทยและในต่างประเทศ กุลธิรัตยน์ กล่าว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พิชิตกำไรจากหุ้น เทคนิคเลือกหุ้น ลงทุนกองทุน แบบผู้เชี่ยวชาญ
สังคมได้บทเรียนจาก “แชร์ลูกโซ่ดิไอคอน” อย่างไร