Share on
×

Share

อายิโนะโมะโต๊ะ ชู ‘วัฏจักรอาหารยั่งยืน’ ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจโลก

แนวโน้มผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจโลก ซึ่งเป็นกระแสสากลที่ต่างให้ความสำคัญต่อแบรนด์ที่ใส่ใจต่อความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่จริงใจ ด้านเจ้าของแบรนด์ต้องปรับตัวรับกระแสผู้บริโภค เทคโนโลยี และความเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม

สมิชฌน์ เพ็ชร์ดี ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืน บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงเมกะเทรนด์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ปี 2568 ว่า ทั่วโลกโฟกัส 3 กลุ่มหลัก คือ 1. ธุรกิจอาหารเพื่อความยั่งยืน ซึ่งต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ทั้งสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของโลก สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

ขณะที่ ผู้บริโภคก็ให้ความสำคัญต่อแบรนด์ที่ใส่ใจต่อความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น และสนับสนุนการดำเนินการจัดการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืน พืชผลที่ทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีการแปรรูปทางการเกษตรใหม่ ๆ

2. การดูแลสุขภาพของตัวเอง และการมอบความสุขแก่ตัวเอง 3. เทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มจะต้องมีแนวทางที่ชัดเจนต่อผู้บริโภค จะต้องสร้างความยั่งยืนจากต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ตั้งแต่เกษตรกรถึงผู้บริโภค ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม

5 เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

  1. กลุ่มผู้บริโภคที่ตอบสนองความสุขของตัวเอง กินดี อยู่ดี ใช้ชีวิตดี เช่น การทำอาหารที่ที่พัก หรือใช้ Food Technology มาเกี่ยวข้อง
  2. คุณภาพและความซื่อสัตย์ โดยให้คุณค่าต่อแบรนด์ หรือสินค้าที่มีคุณภาพและโปร่งใส โดยตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบมีที่มาที่ไปอย่างไร ปลูกที่ไหน ช่วยเหลือชุมชนอย่างไรบ้าง สอดคล้องกับการเกษตรท้องถิ่นหรือไม่
  3. เชื่อมโยงกับธรรมชาติ สร้างประสบการณ์จริง จับต้องได้ ทำให้รู้สึกปลอดภัยกับสินค้านั้น ๆ ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ
  4. พลังบวก ความรู้สึกที่ดีจะสร้างสุขภาพที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ และ
  5. โมเมนต์เป็นสุข ผู้บริโภคชอบช่วงเวลาแห่งความสุข ความบันเทิงที่สัมผัสได้ หรือการสร้างเซอร์ไพรส์ ความรู้สึกดี ๆ

ธุรกิจอาหารและความสำเร็จ

ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก ได้ตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ 2 ด้าน คือ การสร้างสังคมการกินที่ดี และการดูแลสุขภาพผู้บริโภค 1,000 ล้านคนทั่วโลกโดยดำเนินกิจกรรมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยภารกิจในประเทศไทยคือ การส่งเสริมสุขภาพที่ดี และโภชนาการที่ดี โดยสร้างสังคมกินดี มีสุข ดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านองค์ความรู้ด้าน Amino Science สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอาหารสู่ครัวเรือน มีทั้งรสชาติอร่อย โภชนาการที่ดี ควบคู่ไปกับการดำเนินการที่ลดผลกระทบ พร้อมช่วยฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมและการสร้างคุณค่าร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจและองค์กรต่างๆ และภาครัฐ ตามเป้าหมายลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง 50% ภายในปี 2573 จากที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2561

มุ่งวัฏจักรอาหารยั่งยืน 4 มิติ

เป้าหมายหลักของอายิโนะโมะโต๊ะในปี 2025 จะโฟกัส “วัฏจักรอาหารยั่งยืน” 4 มิติหลัก ควบคู่กับการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดความความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในอนาคต

มิติต่าง ๆ ประกอบด้วย

  1. จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างให้เกิดระบบการจัดซื้อวัตถุดิบแบบหมุนเวียนและยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายบรรลุผลสำเร็จ 75% ภายในปี 2568 โดยมุ่งเน้นเรื่องการติดตามและทำการตรวจสอบกลับได้ รวมถึงการจัดหาวัตถุดิบที่ยั่งยืน และไม่ไปรุกล้ำระบบนิเวศหรือรบกวนสิ่งแวดล้อมและด้านเมล็ดกาแฟ บริษัทจะรับซื้อจากไร่ที่มีคุณภาพตาม “หลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP)” กับกรมส่งเสริมการเกษตร
  2. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งดำเนินงานตามแนวทาง Ajinomoto Bio-cycle ที่เป็นกลไกความร่วมมือกับภูมิภาคท้องถิ่นเพื่อสร้างกระบวนการจัดการการผลิตและการเกษตรอย่างยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยโรงงานการผลิตทั้งหมด 7 แห่งเป็นโรงงานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำหลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) มาใช้ในการจัดการภายในโรงงาน

    ทั้งนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนส่วนใหญ่มาจากภาคเกษตรกรรม จึงจัดโครงการการให้ความรู้เพื่อจัดการวัด carbon footprint แก่เกษตรกร เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างยั่งยืน

    ที่ผ่านมา ปี 2567 บริษัทลดก๊าซเรือนกระจก สโคป 1-2 ลงได้ 92.1% และสโคป 3 ลดลง 2% ทั้งยังวางเป้าหมายภายในปี 2569 จะเป็นกลางทางคาร์บอน และสโคป 3 จะลดก๊าซเรือนกระจกลง 10%
  3. การลดพลาสติก มุ่งเน้นการลดพลาสติกในบรรจุภัณฑ์ ด้วยการลดการใช้พลาสติกใหม่ 8% เลือกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่รีไซเคิลได้ 68% และส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างเป็นรูปธรรม จากปี 2567 มีสัดส่วนบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล 55.9% และตั้งเป้าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2573
  4. การลดขยะอาหาร โดยปัจจุบัน 6 โรงงานของบริษัทได้ลดขยะอาหารได้ 100% ส่วนโรงงานเบอร์ดี้ ลดขยะอาหารได้ 82% และบริษัทยังร่วมมือกับชุมชนข้างเคียงรอบพื้นที่โรงงานเพื่อส่งเสริมเรื่องการลดขยะอาหาร ด้วยการนำวัตถุดิบที่เหลือจากการผลิต ‘รสดี’ และ ‘เบอร์ดี้’ ไปทำอาหารสัตว์ หรือปุ๋ยแจกจ่ายชุมชน ทั้งยังผลักดันการลดขยะอาหารในครัวเรือนผ่านโครงการ “Too Good To Waste กินหมดลดโลกร้อน” ที่รณรงค์ให้ผู้บริโภคร่วมลดขยะอาหารผ่าน “สูตรอาหารรักษ์โลก” ที่อร่อยแล้วยังดีต่อโลก

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดความความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างวัฏจักรอาหารยั่งยืนในอนาคตต่อไป โดยบริษัทลงทุนด้านความยั่งยืนแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2561 เป็นส่วนของโรงไฟฟ้า 1,500 ล้านบาทต่อแห่ง โซลาร์เซลล์ที่หนองแค สระบุรี 110-120 ล้านบาท และมีมูลค่าการซื้อ Carbon Credit ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปีจากในและต่างประเทศ

ต้นแบบธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม

นพดล จิตรมั่น

นพดล จิตรมั่น ผู้จัดการหน่วยงานผลิตและพัฒนา บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า บริษัทเป็นต้นแบบทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่ดำเนินงานหลัก 2 ส่วน คือ 1. เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์การเกษตร โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ที่ได้จากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นปุ๋ยชีวภาพทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์สำหรับพืช และอาหารสำหรับสัตว์ โดยปีที่ผ่านมา สามารถสร้างการเติบโตของยอดขายได้ 30% และ

2. สานต่อโครงการ “Thai Farmer Better Life Partner” เป็นปีที่ 5 เพื่อยกระดับผลผลิตและความรู้แก่เกษตรกรไทย ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วม 1,300 ครัวเรือน โครงการนี้ช่วยให้ผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 30%

บริษัทมีเป้าหมายในปี 2573 มุ่งดำเนินธุรกิจแบบ Net Zero โดยจะใช้เงินลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ รวม 3,000-5,000 ล้านบาท พร้อมขยายวัตถุดิบทางการเกษตรที่ตรวจสอบกลับได้เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนเพาะปลูกไปจนถึงหลังเสร็จสิ้นกระบวนการผลิต เพื่อให้ลด CO2 scope 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะขยายสู่ผู้ปลูกกาแฟ 100 รายในภาคเหนือตอนบน

โครงการมันสำปะหลังสู่ความยั่งยืน มีแผนการดำเนินงาน 5 กิจกรรมหลักคือ 1. AFDG one-stop service ครบวงจรทั้งออนไซต์และออนไลน์ด้วยการสร้างเครือข่ายเพื่อการเกษตรกับพาร์ตเนอร์ เช่น คูโบต้าในเรื่องการเตรียมดิน เก็บเกี่ยว และสตาร์ตอัพการเกษตร ListenField พัฒนาแอปพลิเคชั่นการเกษตรที่มีการพยากรณ์อากาศ การเจริญเติบโต การเก็บเกี่ยว และการตรวจสอบกลับได้

2. นำระบบ AI มาสร้าง supply chain เพื่อช่วยในการจับคู่โรงงานแป้งและเกษตรกร 3. ร่วมมือกับโรงแป้ง ในการรับมันสำปะหลังของโครงการ “Thai Farmer Better Life Partner” 4. พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ปุ๋ยชีวภาพ/สารกระตุ้นชีวภาพเพื่อเสริมการเจริญเติบโตของพืช และการจัดการน้ำ 5. Farm School สานต่อโครงการร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร มุ่งเน้นการให้ความรู้และเทคนิคการเพาะปลูกที่ทันสมัยแก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและกาแฟเพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทย

เมล็ดกาแฟสีเขียว เกษตรกรยั่งยืน

ในฐานะผู้ผลิตกาแฟ ‘เบอร์ดี้’ บริษัททำโครงการ Green Coffee Bean (GCB) Farmer Sustainability สนับสนุนการเติบโตของเกษตรกรไทยครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตาม “หลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP)” กับกรมส่งเสริมการเกษตร

การดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ควบคู่กับการไม่ทำให้เกิดมลพิษ และเกิดความยั่งยืนทางการเกษตรในระยะยาว  

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ยูบิลลี่ ไดมอนด์ ปักธงปี 68 รุกตลาดพรีเมียม ขยายฐานคนรุ่นใหม่ มั่นใจเศรษฐกิจฟื้นหนุนยอดขาย

วิศวะ มช. โชว์ “MEOMAX” นวัตกรรมห้องน้ำแมวกำจัดกลิ่น สะอาด ช่วยลดค่าใช้จ่าย

×

Share