Share on
×

Share

ถอดรหัส 3 สตาร์ตอัพรุ่นใหม่: Graffity, One Charge, Carbonwize

เส้นทางสู่ความสำเร็จของสตาร์ตอัพ มักเต็มไปด้วยเรื่องราวของความท้าทาย การตัดสินใจที่ยากลำบาก และความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กล้ากระโดดเข้าสู่สมรภูมิธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยความฝันและนวัตกรรมที่พร้อมจะพลิกโฉมอุตสาหกรรม 

สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) เจาะลึกเบื้องหลังการเดินทางอันเข้มข้นของสามผู้ประกอบการไทยเจเนอเรชันใหม่: ถาวร กังวาลสิงหนาท (แบงค์) CEO & Co-Founder ผู้นำ Graffity สู่โลกแห่งการนำทางอัจฉริยะ ธีรภัทร์ ธิติโสตถิกุล (ยีน) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง One Charge ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มเพื่อยานยนต์ไฟฟ้า และนาตาลี เลิศหัตถศิลป์ (แนท) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่ง Carbonwize แพลตฟอร์มเพื่อความยั่งยืนของโลก พวกเขาเริ่มต้นจากจุดใด เผชิญอุปสรรคอย่างไร และมีบทเรียนใดมาแบ่งปันสู่ผู้ที่กำลังก้าวเดินบนเส้นทางเดียวกันนี้ ในงาน Thai Startup Day 2025 ภายใต้หัวข้อ New Generation of Thai Startup

Graffity: จากความฝันวัยเยาว์สู่ผู้นำเทคโนโลยี Vision AI เพื่อการนำทางในอาคาร

ถาวร กังวาลสิงหนาท
ถาวร กังวาลสิงหนาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง (CEO & Co-Founder) Graffity

ถาวร กังวาลสิงหนาท หรือแบงค์ ในวัย 25 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง (CEO & Co-Founder) Graffity บริษัทเทคโนโลยีที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้านภาพ (Vision AI) สำหรับการสร้างแผนที่สามมิติ (3D Mapping) และระบบนำทางความแม่นยำสูงพิเศษ (Ultra Precise Navigation) ภายในอาคาร

แบงค์ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ Graffity มุ่งมั่นแก้ไข นั่นคือการที่ผู้คนมักประสบปัญหาหลงทิศทางเมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย อาทิ ห้างสรรพสินค้าหรือสนามบิน เนื่องจากระบบนำทางผ่านดาวเทียมอย่าง Google Maps ไม่สามารถส่งสัญญาณเข้าถึงภายในอาคารได้ และแม้จะมีการติดตั้ง Digital Kiosk เพื่อให้ข้อมูล ก็ยังคงพบว่าผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยยังคงหลงทางอยู่

เทคโนโลยีของ Graffity ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้เพียงกล้องจากสมาร์ทโฟนในการสแกนพื้นที่ทั้งหมดของอาคาร จากนั้นระบบปัญญาประดิษฐ์จะประมวลผลเพื่อสร้างแผนที่สามมิติของอาคารนั้น ๆ ขึ้นมา คุณภาพที่ได้นั้นเทียบเคียงได้กับการใช้ Sensor Scan ราคาแพง ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึงสิบล้านบาท ภายหลังจากการสร้างแผนที่ ระบบจะทำหน้าที่เป็นระบบนำทางภายในอาคาร (Indoor Navigation) ที่สามารถนำทางด้วยความแม่นยำระดับเซนติเมตร (Centimeter-level Accuracy) เพียงผู้ใช้งานส่องสมาร์ทโฟนขึ้นมา ก็จะปรากฏทิศทางที่ต้องเดินต่อไปอย่างชัดเจน

แรงบันดาลใจสำคัญซึ่งนำทางแบงค์สู่เส้นทางผู้ประกอบการนั้นก่อกำเนิดขึ้นเมื่อเขาในวัย 15 ปีและกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประสบการณ์จากการอ่านหนังสือเรื่อง “CEO ระดับโลก” ของวิกรม กรมดิษฐ์ ถือเป็นจุดเปลี่ยน

แบงค์ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็น “ครั้งแรกที่เด็กติดเกมคนหนึ่งได้รู้จักว่า Bill Gates คือใคร Steve Jobs คือใคร และ Mark Zuckerberg คือใคร พร้อมกับบุคคลสำคัญอีกหลายท่าน รวมถึงผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสายเทคโนโลยี เช่น ผู้พันแซนเดอร์สแห่ง KFC” 

เรื่องราวของบุคคลเหล่านี้ ซึ่งสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ให้แก่โลก (change the world) ได้จุดประกายความมุ่งมั่นและสร้างแรงบันดาลใจอย่างใหญ่หลวง ทำให้เขาก่อเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็น “billionaire” ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวได้กลายเป็นแรงขับดันสำคัญยิ่งที่หล่อหลอมให้เขามีแนวคิดแบบผู้ประกอบการ (entrepreneur mindset) ตั้งแต่วัย 15 ปี

แบงค์เล่าถึงเส้นทางการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการศึกษาว่าหลังจากตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ตามความคาดหวังแล้ว เขาจึงได้เริ่มดำเนินธุรกิจตามความตั้งใจของตนเอง โดยได้เริ่มทำกิจกรรมหลายอย่างมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งและตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ในช่วงเริ่มต้นนั้น เขาต้องเผชิญกับความล้มเหลวและความผิดพลาดหลายครั้ง แต่ก็ได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนจากผู้มีประสบการณ์ในวงการหลายท่าน จนกระทั่งธุรกิจเริ่มเป็นรูปเป็นร่างและมีความแข็งแกร่งขึ้น

สำหรับประสบการณ์การระดมทุน แบงค์ยอมรับว่าในช่วงแรกนั้น เขามีความคิดว่าการจัดหาเงินทุนเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากเติบโตมาพร้อมกับเรื่องราวความสำเร็จของสตาร์ตอัพระดับโลกในยุคที่มีการลงทุนมหาศาล ทว่าเมื่อถึงช่วงเวลาของตนเอง สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ “ยุคเปลี่ยนผ่านแล้ว เงินทุนมิได้ไหลเวียนสะดวกดังเช่นในอดีต” บทเรียนสำคัญที่ได้รับคือ “เงินทุนก้อนแรกที่ได้รับมาในปัจจุบัน ต้องใช้อย่างชาญฉลาด (choose wisely) คือเลือกที่จะใช้จ่ายกับสิ่งที่ถูกต้อง”

เขาได้ยกตัวอย่างความผิดพลาดในอดีตเกี่ยวกับการเช่าสำนักงานราคาแพงว่า “ทัศนียภาพของสำนักงานจะสวยงามเพียงใด หากวันใดเงินทุนหมดสิ้นลง สถานที่นั้นก็อาจกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งได้” ดังนั้น เขาจึงสรุปว่าหากยังไม่มีทิศทางในการสร้างผลกำไรที่ชัดเจนหรือมีรายได้ที่มั่นคง โอกาสในการระดมทุนในยุคปัจจุบันแทบจะเป็นศูนย์

ความสำเร็จส่วนหนึ่งของ Graffity มาจากทีมงานที่แข็งแกร่ง โดยแบงค์กล่าวถึงประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของเขาว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถสูง สำเร็จการศึกษาเป็นอันดับหนึ่งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียว อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ ปัจจุบัน ลูกค้าของ graffity ส่วนใหญ่เป็น Property Owner ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า สนามบิน จนถึงศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ และเริ่มมีลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศแล้ว

จากประสบการณ์ทั้งหมด แบงค์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแรงว่า สตาร์ตอัพในปัจจุบันควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐาน (fundamental) สร้างธุรกิจให้มีรายได้ที่แข็งแกร่ง แล้วในที่สุดนักลงทุน (Investor) จะให้ความสนใจเอง

One Charge: จากความไม่พร้อมสู่ผู้นำแพลตฟอร์มการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

ธีรภัทร์ ธิติโสตถิกุล
ธีรภัทร์ ธิติโสตถิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง One Charge Solution

ธีรภัทร์ ธิติโสตถิกุล หรือยีนส์ ในวัย 23 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง One Charge Solution ซึ่งเขาได้อธิบายว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เป็นตัวกลางที่เชื่อมระหว่างผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากับสถานีชาร์จ EV และสามารถเปรียบได้กับ Visa Mastercard ในวงการของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทไม่ได้ลงทุนสถานีชาร์จเองแต่ว่าเป็นตัวกลางที่เชื่อมระหว่างสองฝั่งนี้ 

One Charge ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลา 3 ปี กับอีกประมาณ 6 เดือน ในช่วงเวลาที่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย “อาจจะเห็นเพียงสัปดาห์ละหนึ่งคัน ในช่วงนั้นแทบไม่เห็นอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าเลย”

ยีนส์เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ One Charge ว่าเกิดขึ้นประมาณ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นอายุ 19 ปี ยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่ได้มีโอกาสขับรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากที่บ้านเปลี่ยนรถยนต์เป็นรุ่น MG EP ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ๆ ของประเทศไทย เมื่อได้ใช้งานจึงเริ่มเห็นปัญหา (pain point) ว่า เมื่อเดินทางไปที่ใดก็ตาม จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่เสมอ

“หากใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะทราบดีว่า การจะใช้บริการสถานีชาร์จของค่าย A ก็ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน A หรือหากจะใช้ของอีกค่ายหนึ่งก็ต้องดาวน์โหลดอีกแอปพลิเคชันหนึ่ง จึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างสตาร์ตอัพขึ้น ประกอบกับความสนใจในการอ่านหนังสือเกี่ยวกับสตาร์ตอัพ และได้รับแรงบันดาลใจจากแบงค์เกี่ยวกับเส้นทางการเริ่มต้นธุรกิจและรูปแบบธุรกิจต่าง ๆ จึงเกิดแนวคิดที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มในลักษณะ Airbnb สำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) สิ่งที่น่าสนใจคือภูมิหลังของยีนเองมิได้มาจากอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์หรือพลังงานโดยตรง หากแต่มาจากอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นคนละด้านกันอย่างสิ้นเชิง

ด้วยความเชื่อมั่นว่า “หากจะเริ่มต้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องรอให้พร้อมในทุกด้าน” ยีนจึงเริ่มต้นด้วยการ เสาะหาและปรึกษาบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ (software house) รวมถึงรุ่นพี่ในวงการสตาร์ตอัพ ว่าการจะเริ่มต้นพัฒนาแอปพลิเคชันหนึ่งนั้นมีขั้นตอนอย่างไร 

“ยอมรับว่าในขณะนั้น ผมไม่มีความรู้เลย ไม่รู้จักแม้กระทั่งคำว่า application หรือ platform แต่ก็ได้ปรึกษา software house และให้พวกเขาเริ่มต้นพัฒนา จากนั้นจึงได้นักลงทุนอิสระ (Angel Investor) และโชคดีที่ได้รับเงินทุนก้อนแรก”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้น “บริษัทของเราประสบปัญหาในการระดมทุนอย่างมาก เนื่องจากยังไม่มีรายได้และผลิตภัณฑ์ยังไม่เป็นที่ต้องการของตลาด (Product Market Fit) ข้อเสนอใด ๆ ที่เข้ามา เราจึงรับไว้ทั้งหมด แต่ในช่วงหลัง พอธุรกิจเรา Scale ไประดับหนึ่งแล้ว เราก็ต้องมาตรวจสอบเอกสารเยอะขึ้นแล้ว” 

ปัจจุบัน One Charge มีลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มธุรกิจขนส่ง (Fleet) โลจิสติกส์ และบริษัทชั้นนำมากมาย

ยีนส์ได้สรุปบทเรียนสำคัญว่า การเริ่มต้นธุรกิจไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกองค์ประกอบสมบูรณ์พร้อม การเรียนรู้ การขอคำปรึกษา และความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ คือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเติบโต

Carbonwize: จากความสนใจสู่การสร้างสรรค์แพลตฟอร์มเพื่อความยั่งยืนของโลก

นาตาลี เลิศหัตถศิลป์
นาตาลี เลิศหัตถศิลป์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารแพลตฟอร์ม Carbonwize

นาตาลี เลิศหัตถศิลป์ หรือแนท ในวัยประมาณ 28 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารแพลตฟอร์ม Carbonwize ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพที่ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลเป็นไปโดยอัตโนมัติ (Automate) เพื่อให้องค์กร สามารถที่จะประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) และวางแผนเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ได้” โดยมุ่งเน้นการให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มองค์กร (B2B)

บริษัท Carbonwize ดำเนินงานมาประมาณ 2 ปีกว่า และการเติบโต (Traction) ของค่อนข้างดี ได้รับการตอบรับที่ดี ปัจจุบันมีองค์กรประมาณ 150 บริษัท ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และคาร์บอนฟุตพรินต์ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกซึ้งมาก

แนทเล่าถึงจุดเริ่มต้นความสนใจในธุรกิจสตาร์ตอัพว่า “แนทมีความสนใจในเรื่อง startup และการสร้างธุรกิจใหม่ (venture creation) อยู่แล้ว และโชคดีที่ได้นำตนเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนหลากหลายทำ Startup ขณะที่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่สิงคโปร์

“มีเพื่อนที่ทำ Startup จำนวนมาก และได้เข้าไปอยู่ในชุมชน (community) ของผู้ที่ทำ Startup ทำให้รู้สึกว่าการทำธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ยากเกินไปนัก ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการกระโดดข้ามหน้าผาไปอีกฝั่งหนึ่ง หากแต่รู้สึกว่าคนธรรมดาทั่วไปก็สามารถคิดค้นแนวคิด (ไอเดีย) ที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ จึงรู้สึกว่าไม่ได้มีอุปสรรค (barrier) มากนัก และตัดสินใจลองทำดู”

ประสบการณ์สำคัญอีกช่วงหนึ่งคือ “ขณะนั้นทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ และมีความสนิทสนมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท จึงมักจะนำเสนอแนวคิดทางธุรกิจ (pitch) ให้เขาฟังทุกวัน โดยนำเสนอแนวคิดที่หลากหลาย ซึ่งเขาก็จะให้ข้อเสนอแนะหรือท้วงติงประเด็นต่าง ๆ กลับมาเสมอ มีแนวคิดประมาณยี่สิบถึงสามสิบเรื่องที่นำเสนอ และเขาก็จะให้ความคิดเห็นกลับมาตลอดด้วยมุมมอง (angle) ที่มันแตกต่างกันไป”

“ตอนนั้น ไม่ได้รู้สึกอายหรือไม่ได้รู้สึกเขินอายในการที่เราจะเล่าไอเดียของตนเองให้ผู้อื่นฟัง หรือไม่ได้รู้สึกในทางลบกับการนำเสนอแนวคิดแล้วจะไม่ได้รับการตอบรับ หรือจะได้รับผลตอบรับ (feedback) ที่ดีหรือไม่ดี แต่ว่ามันเป็นการนำตนเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้น ๆ และทำให้ได้พบเจอบุคคลที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ (passion) เหมือนกัน และพวกเขาก็ให้การสนับสนุน”

ในการนำแนวคิดไปสู่การปฏิบัติจริง แนทเน้นความสำคัญของการพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นจากผู้คนว่า “ไม่มีแนวคิดใดที่ไม่น่าสนใจหรอก ทุกแนวคิดที่เราสร้างสรรค์ขึ้นล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเราได้นำแนวคิดนั้นไปพูดคุยกับผู้คนมากเพียงพอแล้วหรือยัง เราอาจจะพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (target customer) ซึ่งเราอาจจะคาดการณ์ไว้ในใจว่าน่าจะเป็นกลุ่มนี้ แต่เมื่อได้พูดคุยไปเรื่อย ๆ จะได้รับข้อมูลเชิงลึก (insight) และเริ่มเข้าใจได้ว่า แม้พวกเขาจะสนใจ พวกเขายินดีที่จะจ่ายเงินให้เราหรือไม่ ประเด็นนี้สำคัญ มันเป็นปัญหาที่แท้จริง (pain point) ของพวกเขาหรือไม่ ที่พวกเขายอมจ่ายเงินแล้วมันจะช่วยธุรกิจของพวกเขาได้อย่างไร”

สำหรับการรับมือกับคำแนะนำที่หลากหลายซึ่งอาจนำไปสู่ความสับสน แนทมีทัศนะว่า “ผู้ที่ทำธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นทุกคน เราอาจจะเคยคิดว่าตนเองอยู่ในจุดหนึ่ง แต่เมื่อดำเนินธุรกิจไปเรื่อย ๆ ไอ้ตัวกำแพงที่มันเคยอยู่ตรงเนี้ย มันถูกทุบลงมาตลอด เพราะว่ามันคือการที่เรากำลังจะเติบโตขึ้นไปอีกเลเวลนึง คือในเลเวลที่เราคิดว่าเราโอเค เราเก่งแล้ว เราดีแล้ว แต่ว่ามันมี มันเหนือฟ้า มันยังมีฟ้าตลอด”

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสรุปว่า “เพราะฉะนั้นนัทคิดว่า เราอย่าพยายามเอาตัวเองไปยึดติดกับผลลัพธ์ขนาดนั้น แต่ว่าให้เรา enjoy journey ดีกว่า ว่าเราได้คุยกับคนนี้ เราได้ feedback ที่ดี วันนี้เราได้ทำงาน เราเติบโตมาถึงขั้นนี้แล้ว”

สำหรับประสบการณ์การระดมทุน แนทเปิดเผยว่าเธอได้พูดคุยกับนักลงทุน “มากกว่าร้อยครั้ง” กว่าจะได้รับเงินทุนก้อนแรก นอกจากนี้ ยังต้องทำความเข้าใจเงื่อนไข (Terms) ในการลงทุน (Investment) ในหลากหลายรูปแบบ เช่น Price Round ไหม Price Round คืออะไร Equity มี Valuation (การประเมินมูลค่า) ใช่หรือไม่ หรือถ้าไม่ใช่ Price Round หมายความว่าอย่างไร มันเป็น อาจจะเป็น Safe Note ซึ่งต้องทราบว่าสามารถใช้ในประเทศไทยได้หรือไม่ หรือต้องใช้ในต่างประเทศ Convertible Note Convertible Debt

เธอยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Venture Financing เป็นแค่ Area เดียว ของ Startup Financing เท่านั้น แท้จริงแล้วยังมีรูปแบบการจัดหาเงินทุนอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งเธอได้เรียนรู้จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ ที่ให้คำแนะนำ รวมถึงการพิจารณาแหล่งเงินทุนอื่น เช่น เงินทุนสนับสนุน (Grants) จากการแข่งขันต่าง ๆ

จากประสบการณ์ทั้งหมด แนทได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกล้าแสดงความคิดเห็น การไม่หวั่นเกรงต่อคำวิจารณ์ การสร้างเครือข่าย และความมุ่งมั่นพากเพียรอย่างไม่หยุดยั้งในการดำเนินธุรกิจ

เรื่องราวของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทั้งสามรายนี้สะท้อนให้เห็นภาพของนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค พวกเขาได้เปลี่ยนความฝัน ความสนใจส่วนตัว และปัญหาที่ประสบพบเจอในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นธุรกิจที่สร้างสรรค์ พร้อมที่จะเรียนรู้ ปรับตัว และเติบโตไปพร้อมกับความท้าทายต่าง ๆ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมและประเทศชาติต่อไป

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

True Digital Academy ปั้น ‘อนาคตpromptได้’ รับโลก AI

บทเรียนยูนิคอร์น ‘ยอด-จิรายุส’: ฝ่าวิกฤติสู่ธุรกิจหมื่นล้าน

อนาคตสตาร์ตอัพไทย? รัฐเร่งเครื่อง ปรับกลยุทธ์-อัดฉีดทุน

×

Share

ผู้เขียน