Share on
×

Share

โมเมนตัมเศรษฐกิจที่ดี แค่วาทกรรม

แม้เศรษฐกิจในช่วง 3 ไตรมาส ที่ผ่านมา หรือนับจากไตรมาส 3 และ 4 ปี 2567 และไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวกว่า 3% ต่อเนื่อง โดย เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลังกล่าวทำนองว่าสถิติดังกล่าวเป็นปรากฎการณ์เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี และในประวัติศาสตร์ไทยมีเพียง 7 ครั้งเท่านั้น พร้อมสรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงถึงโมเมนตัมเศรษฐกิจที่ดี

แต่การสรรเสริญเศรษฐกิจเพื่อสื่อไปถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของรมช.คลัง ดูสวนทางกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชาวบ้านส่วนใหญ่รับรู้บรรดาพ่อค้าแม่ค้ากำลังเผชิญ สถานการณ์เงียบครองตลาด ซึ่งสอดคล้องไปกับภาวะเศรษฐกิจภาพรใหญ่

ก่อนหน้านี้ ดนุชา พิชยนันท์ เลขาฯ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ฯ ออกมาแถลงว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 3.1% โดยมีแรงหนุนจาก การส่งออกที่ขยายตัว 13.8% การลงทุนภาครัฐที่ขยายตัว 26.3% ฯลฯ 

ส่วนช่วงที่เหลือของปีทางสภาพัฒน์ฯ มองว่าเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับแรงฉุดจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในเกณฑ์สูง และผลกระทบจากวิกฤติทรัมป์ที่ยังคาดเดาไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วสหรัฐฯ จะขึ้นภาษีศุลกากรไทยกี่เปอร์เซ็นต์ 

อนึ่งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่าหากสหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรไทยเต็มเพดาน 36% การส่งออกไทยจะสูญเสียสะสมมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ถึง 1.4 ล้านล้านบาทภายใน 10 ปี 

ความเสี่ยงที่กระชับเศรษฐกิจไทยเข้ามาคือปัจจัยหลักที่ทำให้สภาพัฒน์ฯ ประกาศปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ใหม่ (ครั้งที่หนึ่ง) จากเดิมคาดการณ์จีดีพีปีนี้จะโต 2.8%  เหลือเพียง 1.8% โดยเฉลี่ยเท่านั้น การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ของสภาพัฒนฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกับหลาย ๆ สถาบันที่มองว่าเศรษฐกิจปีนี้กำลังหดตัว 

นอกจากความเสี่ยงทางตรงแล้วเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัญหาความเขื่อมั่นจากต่างชาติ กรณีบริษัท มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความเสี่ยงชั้นน ออกมาประกาศปรับมุมมองความน่าเชื่อของประเทศไทยจากเสถียรภาพลงสู่ Negative ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี โดยการเปลี่ยนมุมมองดังกล่าวทางมูดีส์มองว่าความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศอ่อนแอลง

ตัวชี้ความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยอีกด้านคือตลาดหุ้น ความเป็นไปของตลาดหุ้นสะท้อนมุมมองนักลงทุนว่าเห็นเศรษฐกิจ การเมืองเป็นอย่างไรในวันข้างหน้าจากสถานการณ์ปัจจุบัน หลายเดือนมาแล้วที่ตลาดหุ้นเหมือคนป่วย ดัชนีตลาดหุ้นลดลงต่ำกว่าระดับ 1,200 จุด โดยดัชนีตลาดหุ้นวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ไหลลงมา 50.66 จุด ปิดที่ 1,074.39 จุด ทำสถิติตกต่ำสุดในรอบ 5 ปี 

ทั้งนี้การคลังของประเทศถูกจับตาหลายด้าน เช่น ผลพวงทางการคลังจากนโยบายประชานิยมที่รัฐบาลแจกเงินไปแล้ว 2 รอบรวมเกือบ 2 แสนล้านบาท และหนี้สาธารณะกำลังขยับขึ้นสู่ระดับเฉียดมีปัญหา โดย สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) คาดว่าปีงบประมาณนี้ (2568) สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีจะอยู่ที่ 68.5% และจะขยับขึ้นเป็น 67.3% ในปีงบประมาณฯ หน้า (2569) ซึ่งถือว่าเฉียดเพดานการก่อหนี้อย่างมีวินัยการคลังที่กำหนดไว้ต้องไม่เกิน 70% ต่อจีดีพี

ขณะเดียวกันถ้ามองการคลัง ในมุมรายได้ของรัฐ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปิ่นสาย สุรสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ออกมาแถลงคาดว่าในปีงบประมาณรายจ่ายนี้ (2568) กรมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักในการหารายได้เข้ารัฐ (ประมาณ 82% ของรายได้รัฐรวม) มีเป้าหมายจัดเก็บรายได้ 2.372 ล้านล้านบาท แต่คาดวาการจัดเก็บจะไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่ามีโอกาสต่ำกว่าเป้า 3.6 หมื่นล้านบาท แต่กรมฯ จะพยายามจัดเก็บให้ต่ำกว่าเป้าไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท

การที่ยอดหนี้สาธารณะใกล้แตะกรอบวินัยการเงินการคลังและกรมสรรพากรแหล่งรายได้หลักของรัฐบาลมีโอกาสจัดเก็บพลาดเป้า เปรียบเหมือนอาการเบื้องต้นของปัญหาการคลังที่แสดงตัวออกมาให้เห็น  

สำหรับภาคการผลิต สัปดาห์ที่แล้ว สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกลุ่มอุตสากรรมยานยนต์ออกมาแถลงภาพรวมตลาดรถยนต์เดือนเมษายนที่ผ่านมาว่ายังไม่ฟื้นตัว โดยยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนเมษายนอยู่ที่ 104,250 คันลดลง 0.40% ว่าถือว่าต่ำสุดในรอบ 44 ปี สุรพงษ์ยอมรับว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ยังอยู่ในช่วงวิกฤติ

ด้านท่องเที่ยวที่เป็นความหวังว่าจะเป็นกำลังหลักให้เศรษฐกิจไทย สถานการณ์กับผิดคาดช่วง 4 เดือนเศษ (1 ม.ค.-11 พ.ค. 68 ) กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 12.9 ล้านคน ลดลง 1% ส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวลดลงไป 2%    

โดยนักท่องเที่ยวจีน ตลาดสำคัญของท่องเที่ยวไทย ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย 1.64 ล้านคนหายไป 25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกมาประเมินว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยราว 34.5 ล้านคน หดตัว 2.8 % ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ 

การสำรวจสถานการณ์เศรษฐกิจข้างต้น ทั้งปัญหาจากวิกฤติทรัมป์ ความเชื่อมั่น  ภาระหนี้ทั้งของภาครัฐและครัวเรือน อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ครั้งหนึ่งเราประกาศอย่างภาคภูมิว่า ดีทรอยต์แห่งเอเชียอยู่ที่นี่ กำลังเข้าสู่ช่วงอัสดง การท่องเที่ยวที่ไม่ปังอย่างที่คิดแม้รัฐบาลเปิดฟรีวีซ่า 93 ประเทศ ซึ่งสวนทางกับวาทกรรม โมเมนตัมเศรษฐกิจที่ดี อย่างสิ้นเชิง

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

วิกฤติภาษีทรัมป์เริ่มแล้ว…

ราคาทองคำจะถึงบาทละ 60,000 ?

จับตารัฐบาลโต้คลื่นภาษีทรัมป์

×

Share