บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย ได้สร้างหมุดหมายสำคัญด้วยการจับมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) นำโซลูชันทางการเงินสีน้ำเงิน (Blue Finance) ผ่านเงินกู้สีน้ำเงิน (Blue Loan) มูลค่า 5,000 ล้านบาท พลิกโฉมอุตสาหกรรมกุ้งของไทยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนระดับโลก ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของประเทศไทยที่ได้รับเงินกู้ประเภทนี้ โดยเงินทุนดังกล่าวจะถูกนำมาใช้สนับสนุนการจัดซื้อกุ้งที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน และผลักดันให้ไทยยูเนี่ยนบรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนกุ้งที่ได้รับการรับรองเป็น 100% ภายในปี 2573
ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากไทยยูเนี่ยนและ ADB ได้หารือกันมาหลายปี เพื่อหาจุดลงตัวในการสนับสนุนโครงการด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะในธุรกิจกุ้ง เนื่องจาก ADB สามารถให้เงินกู้ในลักษณะ Use of Proceeds คือการนำเงินไปใช้เพื่อสนับสนุนโครงการด้านความยั่งยืนโดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทยยูเนี่ยนในการผลักดันให้ธุรกิจกุ้งมีความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
เดินหน้าสู่ความยั่งยืนในธุรกิจกุ้ง
ยงยุทธ เสฎฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินกู้ Blue Loan นี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการซื้อกุ้งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล (Certified Shrimp) เช่น Aquaculture Stewardship Council (ASC) หรือ Best Aquaculture Practices (BAP) รวมถึงกุ้งจากโครงการที่เรียกว่า Fishery Improvement Project (FIP) ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งพัฒนาการประมงกุ้งให้มีความยั่งยืน โดยเกษตรกรที่จะได้รับการรับรองจะต้องดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางความยั่งยืนในทุกกระบวนการ
“เป้าหมายของเราคือ ภายในปี 2573 กุ้งที่เราจัดซื้อทั้งหมดจะต้องเป็นกุ้งที่ผ่านการรับรองความยั่งยืน 100% โดยในปี 2566 เราบรรลุเป้าหมายนี้ไปแล้วถึง 60% และกำลังก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง” ยงยุทธกล่าว
นอกเหนือจากเงินกู้เพื่อสนับสนุนการซื้อกุ้งยั่งยืนแล้ว ADB ยังให้การสนับสนุนจากกองทุนด้านเทคนิค (Technical Assistance Fund) เพื่อพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการทางการเงิน การปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงาน และการส่งเสริมความยั่งยืนในกระบวนการเลี้ยงกุ้ง การสนับสนุนเหล่านี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถยกระดับการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งนำไปสู่การได้รับใบรับรองความยั่งยืน
“ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ยังสร้างโอกาสให้เกษตรกรในห่วงโซ่อุปทานของเราเติบโตอย่างยั่งยืน” ยงยุทธกล่าว
Blue Loan: นวัตกรรมทางการเงินเพื่อความยั่งยืนทางทะเล
Blue Finance เป็นการจัดหาเงินทุน เพื่อทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อทรัพยากรทางทะเล ในรูปแบบเงินกู้ หรือหุ้นกู้ โดยที่อัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้และหุ้นกู้ของ Blue Finance จะถูกเชื่อมโยงกับ KPIs ที่เป็นเป้าหมายด้านความยั่งยืน
ส่วน Blue Loan เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนโครงการที่ปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Blue Finance ซึ่งอยู่ในขอบเขตของการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) Blue Loan มักกำหนดให้นำเงินไปใช้ในโครงการที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน เช่น การลดการปล่อยคาร์บอน การจัดการน้ำเสีย หรือการส่งเสริมการประมงยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนถือเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของประเทศไทยที่ได้รับเงินกู้ Blue Loan จาก ADB โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับการเพาะเลี้ยงกุ้งให้สอดคล้องกับมาตรฐานความยั่งยืนสากล
ความร่วมมือกับ ADB ครั้งนี้ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยลง 0.1-0.15% และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในอนาคต
“Blue Loan ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนทางการเงิน แต่ยังเสริมสร้างชื่อเสียงของเราในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของเราต่อทั้งอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม” ยงยุทธกล่าว
บริษัทฯ ยังได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงความเชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนของ ADB และโอกาสในการต่อยอดโมเดลความร่วมมือนี้ไปยังประเทศอื่นๆ ในอนาคต
“การที่เราเป็นผู้นำในด้านนี้ ไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ช่วยให้เราเจรจาเงื่อนไขทางการเงินได้ดีขึ้น และสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาคู่ค้าและผู้บริโภค”
นอกจากการสร้างความยั่งยืนของธุรกิจกุ้งแล้ว ไทยยูเนี่ยนยังตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนพอร์ตเงินกู้ระยะยาวทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 45,000 ล้านบาท ให้เป็น Sustainable Finance ภายในปี 2573 โดยในปี 2568 บริษัทบรรลุเป้าหมายไปแล้วถึง 78% จากเป้าหมาย 100%
ปัจจุบันเศรษฐกิจที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเลของไทยมีสัดส่วนสูงถึงประมาณ 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นอันดับสองในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และเป็นแหล่งเลี้ยงชีพของประชากรเกือบ 1 ใน 4 ของ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล ด้วยอุตสาหกรรมหลักอย่างท่าเรือ การเดินเรือ และการท่องเที่ยวชายฝั่งที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเลอย่างมาก ดังนั้น การบริหารจัดการเพื่อดูแลท้องทะเลอย่างยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศ และการบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่ประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2580
ตลาดโลกตอบรับกุ้งยั่งยืนด้วยพรีเมียม
ยงยุทธระบุว่า การที่ไทยยูเนี่ยนหันมาเน้นกุ้งที่มีใบรับรองความยั่งยืน ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ เนื่องจากความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในตลาดส่งออก เช่น สหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ค้าปลีกพร้อมที่จะจ่ายค่าพรีเมียมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนส่งออกกุ้งมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วน 40% ของธุรกิจกุ้งของบริษัทฯ
นอกจากนี้ โครงการนำร่อง Low Carbon Shrimp ของไทยยูเนี่ยน ซึ่งลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากร้านค้าปลีกชั้นนำ เช่น ห้างวอลมาร์ต ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ไทยยูเนี่ยนมีนโยบายที่จะส่งต่อพรีเมียมส่วนนี้ให้กับเกษตรกรโดยตรง โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใด ๆ รูปแบบการส่งต่อพรีเมียมอาจอยู่ในรูปของส่วนลดในการซื้ออาหารกุ้ง หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่อเป็นการจูงใจให้เกษตรกรหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตกุ้งที่ยั่งยืนมากขึ้น
“เราต้องการให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากพรีเมียมนี้อย่างเต็มที่ เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาหันมาผลิตกุ้งยั่งยืน” ยงยุทธกล่าว
“หากในอนาคตกุ้งยั่งยืนกลายเป็นมาตรฐานสากล พรีเมียมอาจลดลงหรือหายไป แต่ประโยชน์ที่ได้รับคือการยกระดับอุตสาหกรรมกุ้งทั้งระบบให้มีความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน Blue Economy โดยรวม”
ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน
อานุช เมธา ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้ผลผลิตอาหารทะเลมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก โดยแหล่งผลิตหลักอยู่ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ความร่วมมือกันในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า Blue Finance สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้สามารถปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
อดัม เบรนนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืนและการสื่อสาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ของบริษัทฯ เราที่มุ่งผลิตอาหารทะเลด้วยความรับผิดชอบ และยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® 2030 ของไทยยูเนี่ยน และด้วยวงเงินสนับสนุนทางการเงินจาก ADB ในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล ที่ได้รับการยอมรับว่าดำเนินธุรกิจโปร่งใสตรวจสอบได้ มีนวัตกรรม และให้ความสำคัญต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อนาคตสตาร์ตอัพไทย? รัฐเร่งเครื่อง ปรับกลยุทธ์-อัดฉีดทุน
Thai Kitchen 2025 เข็มทิศอนาคตอาหารไทยสู่สากล
โคคา-โคล่า ผนึก กทม. ชุบชีวิตตลาดพลู สู่แลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดระดับโลก