Share on
×

Share

เอสซีจีเพิ่มความฟิตธุรกิจ – คุมเข้มบริหารต้นทุน ผลกระทบธุรกิจปิโตรเคมิคอลล์ยังอยู่ช่วงขาลง

เอสซีจี เร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจในประเทศโตช้าและกระจุกตัว ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เพิ่มการใช้พลังงานทางเลือก-เชื้อเพลิงทดแทน บริหารต้นทุน โฟกัสธุรกิจศักยภาพสูง ดึง AI ดันประสิทธิภาพการผลิต ส่งโซลูชันโดนใจตอบโจทย์ลูกค้าทั่วอาเซียน

ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี เล่าถึงสถานการณ์ธุรกิจปิโตรเคมีคอลล์โลกว่า ยังอยู่ในช่วงขาลง และเอสซีจีก็ได้รับผลกระทบจากวัฏจักรดังกล่าว ทั้งในครึ่งปีหลังยังต้องระวังสถานการณ์ความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลาดแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้าจากจีน เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้าจากกำลังซื้อที่อ่อนแอในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อยที่กำลังซื้อน้อยแต่ยังคงความต้องการสร้างหรือปรับปรุงที่พักอาศัย

ครึ่งหลังของปี 2567 ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความท้าทายต่อเนื่อง แต่เอสซีจีพร้อมรับมือด้วยความคล่องตัวและมั่นคง มีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร 78,907 ล้านบาท รวมทั้งนวัตกรรมโซลูชันตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครบวงจร

ทั้งนี้ เอสซีจีได้เร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1. บริหารต้นทุนพลังงาน อาทิ ธุรกิจซีเมนต์ในไทยเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทนได้ 47% 2. โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น มุ่งธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจร หรือการทำโซลาร์รูฟท็อป สำหรับตลาดที่อยู่อาศัย โรงงานและนิคมอุตสาหกรรม

3. ปรับปรุงการจัดเก็บ ขนส่ง กระจายสินค้า เช่น ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลวางแผนการจัดส่ง ตรวจรับสินค้า ช่วยลดเวลาทำงาน ลดความเสียหาย ลดโอกาสผิดพลาดในการรับ-ส่ง 4. ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ใช้โซลูชัน AI จาก REPCO NEX ในการดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ มีเสถียรภาพ (Reliability) 100%

5. ส่งมอบโซลูชันที่ฟังก์ชันและราคาตรงกับความต้องการของลูกค้า ถือเป็นกุญจสร้างศักยภาพในการแข่งขัน อาทิ CPAC รถโม่เล็ก ขนาดกะทัดรัด บรรทุกคอนกรีตได้มากสุด 2 คิวต่อเที่ยว ช่วยบริหารปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ได้ง่าย ลดการเหลือทิ้งสำหรับงานก่อสร้างในเมืองที่มีซอยเล็ก หรืองานซ่อมแซมหมู่บ้านจัดสรรซึ่งไม่ได้ออกแบบถนนในหมู่บ้านไว้รองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่

“ธุรกิจไหน perform จะอัดการลงทุนเพิ่ม แต่อันไหนไม่ perform จะหยุดคือไม่ทำอีกเลย เช่น ธุรกิจขนส่งแมวดำ และการก่อสร้างที่คนอื่นทำได้ ส่วนธุรกิจที่ชะลอชั่วคราว แต่มีแนวโน้มจะกลับมา จะยังคงไว้ และมุ่งธุรกิจที่กำลังเติบโต เช่น Industrial Green Solution ไม่ห้ามการลงทุน แต่ต้องลงทุนที่ลงไปแล้วไม่เสียใจ ครึ่งปีแรกลงไปแล้ว 17,600 ล้านบาท”

หนุนช่วยเอสเอ็มอี

เอสซีจียังตระหนักถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่กระทบความเป็นอยู่ของผู้คนในวงกว้าง จึงร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี เตรียมจัดโครงการ Go Together ให้ความรู้ สร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs โดยเริ่มจากโรงงานสระบุรี พร้อมขยายผลไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่เอสซีจีมีโรงงานตั้งอยู่ เช่น กาญจนบุรี ลำปาง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยการปรับปรุงและนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ลดต้นทุน นำของเหลือใช้มาสร้างประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นวัตถุดิบ เชื้อเพลิง รวมทั้งใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“เอสเอ็มอีสำคัญมาก ยอดขาย กำไร ไม่สูงมาก พอโดนของถูกดัมป์ตลาด นานไปก็เซ ปรับตัวไม่ทัน ถ้าเวลาสั้นมาก เช่น สถานการณ์เหล็ก การก่อสร้างจีนหดตัว ก็ส่งออก ส่งไปไกลไม่ได้ ก็มาประเทศใกล้ๆ ถ้าไม่ให้เวลาเอสเอ็มอี เราจะไม่เหลืออุตสาหกรรม แม้ปัจจุบันท่องเที่ยวจะดี แต่อุตสาหกรรมก็จำเป็น ไม่ได้ให้ช่วยไปตลอด แต่ต้องให้เวลาปรับตัว รัฐบาลควรมีมาตรการดูแล ช่วยเอสเอ็มอีสู่ New S-Curve และมีเอกชนช่วย ถ้าจะให้เอสซีจีช่วยอะไรก็ยินดี”

เอสซีจี ต้องการช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั้งพวกที่อยู่ในเครือข่ายธุรกิจ และภายนอก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แข่งขันในตลาดได้ เนื่องจากเอสซีจีทดลองมามากแล้ว มีกลยุทธ์ที่พร้อมถ่ายทอดให้

นอกจากนี้ มูลนิธิเอสซีจีได้ส่งเสริมแนวคิด LEARN to EARN เรียนรู้เพื่ออยู่รอด เน้นการเรียนรู้เพื่อมีงานทำ โดยมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนทั้งในระบบและนอกระบบ ประมาณ 3,000 ทุนต่อปี ในสาขาที่ตอบโจทย์ตลาด เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ เป็นต้น โดยกว่า 90% จบแล้วมีงานทำ

รายได้การขายเพิ่ม

ส่วนผลประกอบการเอสซีจี ไตรมาส 2/2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ กำลังซื้อในตลาดอาเซียนดีขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซีย รวมทั้งมีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ส่งผลให้มีรายได้ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวด 3,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2566 กำไรลดลง 54.13% จากที่เคยทำได้ 8,082.24 ล้านบาท ซึ่งเหตุการณ์ไฟไหม้บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ในเอสซีจี เคมิคอลส์ ส่งผลต่อกำไรที่ลดลงด้วย

ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2567 มีรายได้ 252,461 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนยอดขายจากเอสซีจี เคมิคอลส์   39% เอสซีจีพี 27% เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน 16% เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิงและเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล 13% และเอสซีจี เดคคอร์ 5%

สินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมทำยอดสูง

ที่ผ่านมา ครึ่งแรกของปี 2567 การพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development – NPD) มียอดขาย 38,690 ล้านบาท นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services – HVA) มียอดขาย 77,037 ล้านบาท   และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice มียอดขาย 136,124 ล้านบาท ส่วนการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมส่งออกจากไทย ครึ่งปีแรกมียอดขาย 111,367 ล้านบาท

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจของเวียดนามและอินโดนีเซียที่กลับมาฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง กำลังซื้อกลับมาจากแรงหนุนของรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสร้างเมืองหลวงใหม่ ‘นูซันตารา’ รวมทั้งรัฐบาลเวียดนามผลักดันการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment – FDI) แต่การฟื้นตัวของไทยยังชะลอตัว ความต้องการสินค้าลดลงตามฤดูกาล และการจัดสรรงบประมาณของรัฐที่ล่าช้า

เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันเร่งผลักดันปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชัน 2 ซึ่งสามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 15-20% เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์เดิม ซึ่งขยายสู่ตลาดต่างประเทศ มียอดส่งออกสหรัฐอเมริกาได้แล้วมากกว่า 1 ล้านตัน ล่าสุด ยังเปิดตัวปูนคาร์บอนต่ำรายแรกในเวียดนาม ‘SCG Low Carbon Super Cement’

ส่วนในไทยตลาดโตต่อเนื่อง สัดส่วนการใช้ทดแทนปูนแบบเดิมกว่า 86% พร้อมหนุนงานโครงการก่อสร้างภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น

ทั้งยังออกปูนซีเมนต์หลากหลายรุ่น คุณภาพและราคาเหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมมากขึ้น เช่น แบรนด์ ‘5 STAR’ ในกัมพูชา ‘BEZT’ ในอินโดนีเซีย ‘ADAMAX’ ในเวียดนาม และ ‘แรด’ ในไทย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Mission for Sustainability: ภารกิจธุรกิจเพื่อโลกยั่งยืน

พลังคนสร้างโลกยั่งยืน : ก้าวข้ามแรงบันดาลใจ สู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง

×

Share