ณ เวทีเสวนา “Routes to Roots Forum” ที่เพิ่งจัดขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวังและแนวคิดที่จุดประกายทิศทางใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เมื่อผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการ ทั้งนักวิจัย หน่วยงานภาครัฐผู้กำหนดนโยบาย และนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ ได้มารวมตัวกันเพื่อตอบโจทย์ใหญ่: เราจะพาการท่องเที่ยวไทยก้าวข้ามความท้าทายและกลับมาผงาดบนเวทีโลกอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?
คำตอบที่ตกผลึกจากเวทีนี้ชัดเจนว่า อนาคตไม่ได้อยู่ที่การทุ่มทุกอย่างไปที่เมืองหลักอีกต่อไป แต่อยู่ที่การปลุกพลังของ “เมืองรอง” ให้กลายเป็น “จุดหมายหลัก” แห่งใหม่ ด้วยการผสาน ข้อมูลที่แม่นยำ (Data) เข้ากับ การบริหารจัดการและการสื่อสารที่มีหัวใจ
ประเด็นสำคัญที่เปรียบเสมือนการจุดพลุของงานเสวนา คือผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดที่นำเสนอโดย ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้ใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเดินทางและพบว่า เมืองรองต่างๆ ในไทยไม่ได้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่สามารถเชื่อมโยงกันเป็น “คลัสเตอร์” (Cluster) การท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงได้อย่างน่าทึ่ง
งานวิจัยนี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขบนหน้ากระดาษ แต่คือแผนที่ขุมทรัพย์ฉบับใหม่ที่ชี้ให้เห็นเส้นทางทองคำในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ลึกซึ้งและหลากหลาย ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาเดินทางนานขึ้น และที่สำคัญคือการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึง
จาก ‘แผนที่’ สู่ ‘การเดินทาง’: 3 มุมมองหลักขับเคลื่อนอนาคต
เมื่อมีแผนที่อยู่ในมือแล้ว การจะสร้างเส้นทางให้เกิดขึ้นจริงต้องอาศัยการลงมือทำจากทุกภาคส่วน ซึ่งผู้ร่วมเสวนาได้มอบมุมมองที่เฉียบคมและเป็นรูปธรรม
รากฐานต้องแกร่ง การพัฒนาอย่างยั่งยืนในแบบฉบับ อพท. โดย วัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า กล่าวว่า ข้อมูลวิจัยนี้คือ “เครื่องมือติดเทอร์โบ” ที่จะมาส่งเสริมภารกิจของ อพท. ที่ได้ลงแรงสร้างรากฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่เมืองรองมาอย่างต่อเนื่อง
เธอได้ย้ำถึงหลักการสำคัญคือการทำงานจากฐานราก ด้วยการสร้างแผนแม่บทร่วมกับคนในชุมชนเพื่อให้พวกเขามีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง การพัฒนาดังกล่าวดำเนินไปบนมาตรฐานสากล (GSTC) เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตในทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม จะเป็นไปอย่างมีคุณภาพและไม่ซ้ำรอยปัญหาของเมืองหลัก ความสำเร็จของแนวทางนี้ยังพิสูจน์ได้จากผลงานที่จับต้องได้ ผ่านรางวัลระดับโลกมากมายที่ อพท. และชุมชนได้รับ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเช่นนี้คือแนวทางที่ถูกต้อง
เรื่องเล่าต้องมีชีวิต เติม ‘หัวใจ’ ให้ ‘ข้อมูล’ โดย The Cloud – ช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการบริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด ได้มอบมุมมองที่สำคัญว่า หากข้อมูลคือโครงกระดูก สิ่งที่จะทำให้มันมีชีวิตและน่าสนใจคือ Storytelling หรือศิลปะการเล่าเรื่อง เขาชี้ให้เห็นว่าเทรนด์ของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ทั่วโลกนั้นต้องการค้นหา “Hidden Gem” ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวและความเป็นของแท้ที่เมืองรองมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น พลังสำคัญที่จะมาปลุกเรื่องราวเหล่านี้ให้มีชีวิตคือคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่น ซึ่งถือเป็น Game Changer ที่สามารถนำข้อมูลไปต่อยอดสร้างธุรกิจและปลุกกระแส “กลับบ้าน” เพื่อพัฒนาบ้านเกิดได้ทันที
นอกจากนี้ เขายังได้ฝากข้อคิดที่น่าสนใจว่า ถึงเวลาแล้วที่เหล่า Influencer ของไทยจะหันกลับมาสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยออกเดินทางไปค้นพบเสน่ห์ของเมืองรองที่ยังซ่อนอยู่
การลงทุนต้องเปลี่ยนมุม เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยว ด้าน ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช จาก สกสว. และ ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ได้ชวนเปลี่ยนมุมมองการลงทุนด้านการท่องเที่ยวใหม่ทั้งหมด โดยชี้ว่านี่ไม่ใช่แค่การลงทุนเพื่อดึงเงินจาก “คนอื่น” แต่คือการลงทุนเพื่อ “คนของเรา” การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างระบบขนส่งมวลชนจึงเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรองรับสังคมสูงวัยในอนาคต ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะกลายเป็นผู้ร่วมแชร์ต้นทุนที่ทำให้โครงการสาธารณะดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง
ดังนั้น กุญแจสำคัญที่จะผลักดันให้การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพก็คือความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) โดยใช้ข้อมูลวิจัยที่แม่นยำเป็นธงนำทาง
รู้เรา รู้เขา เพื่อก้าวต่อไป
การมองออกไปนอกรั้วบ้านคือสิ่งจำเป็น เวทีเสวนาได้หยิบยกบทเรียนที่น่าสนใจจากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ที่พลิกฟื้นภูมิภาคที่ซบเซาให้กลายเป็นจุดหมายด้านศิลปะระดับโลกด้วยความร่วมมือระยะยาว จีนที่ใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกจนนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้สึกง่ายดาย หรือ ฝรั่งเศสที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว (Carrying Capacity) เพื่อรักษาคุณภาพของประสบการณ์
เวที “Routes to Roots Forum” ได้ทิ้งท้ายบทสรุปที่ทรงพลังว่าประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนโอกาสครั้งสำคัญ เรามีทั้งทุนทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่แข็งแกร่ง และบัดนี้เรามี “พิมพ์เขียว” ที่เกิดจากข้อมูลอยู่ในมือ
การเดินทางครั้งใหม่นี้คือการกลับไปสู่ “ราก” (Roots) ของแต่ละท้องถิ่น และสร้าง “เส้นทาง” (Routes) ที่เชื่อมโยงรากเหล่านั้นเข้าด้วยกันอย่างสร้างสรรค์ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันเป็น “ทีมไทยแลนด์” อย่างจริงจัง อนาคตที่การท่องเที่ยวไทยจะกลับมายิ่งใหญ่และยั่งยืนกว่าเดิมก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เปิดห้องข่าว SCMP: The Story Thailand บุกสำนักงานใหญ่สื่อดังฮ่องกง เจาะลึกกลยุทธ์ในวันที่โลกจับตาจีน
วิเคราะห์ท่องเที่ยวไทยยุคใหม่ด้วย Mobility Data และข้อมูลเรียลไทม์
‘On-Chain Economy-ภาษีคาร์บอน’ เมกะเทรนด์ที่ธุรกิจไทยต้องเผชิญ