Share on
×

Share

ล็อกซเล่ย์-เชาว์ฯ ปูพรมโซลาร์เซลล์ 36 MW ทั่วประเทศ

ล็อกซเล่ย์ จับมือ เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ เปิดเกมรุกครั้งสำคัญด้านพลังงานสะอาด ประกาศแผนติดตั้งโซลาร์เซลล์ขนาดมหึมา 36 เมกะวัตต์ ให้กับเครือข่ายคู่ค้าทั่วประเทศ ดันโมเดล PPA ชูจุดเด่น “ไม่ต้องลงทุนแม้แต่บาทเดียว” ช่วยพันธมิตรธุรกิจลดต้นทุนค่าไฟทันที เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พร้อมขับเคลื่อนซัพพลายเชนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในแวดวงธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ด้วยการลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท เชาว์ ไบรท์ เวนเจอร์ส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อดำเนินโครงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้กับคู่ค้าของล็อกซเล่ย์ทั่วประเทศ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้ากว่า 36 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี

ความน่าสนใจของดีลครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ขนาดของโครงการเท่านั้น แต่อยู่ที่โมเดลธุรกิจที่นำมาใช้ คือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบ PPA (Power Purchase Agreement) ซึ่งเป็นการทลายกำแพงการลงทุนเริ่มต้นให้กับคู่ค้าของล็อกซเล่ย์ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่อาจมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ

ภายใต้โมเดลนี้ CHOW จะเป็นผู้ลงทุนออกแบบและติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ทั้งหมด โดยที่คู่ค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น จากนั้นคู่ค้าจะชำระเพียงค่าไฟฟ้าที่ผลิตได้จากระบบโซลาร์เซลล์ในอัตราที่ “ถูกกว่า” ค่าไฟฟ้าปกติที่ซื้อจากการไฟฟ้า ซึ่งหมายความว่าคู่ค้าสามารถประหยัดต้นทุนด้านพลังงานได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่ระบบเริ่มทำงาน

สุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ล็อกซเล่ย์ กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่แค่การติดตั้งโซลาร์เซลล์ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ ‘ความยั่งยืน’ เกิดขึ้นได้จริงตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานของเรา เราไม่ได้แค่ลดคาร์บอนในองค์กรตัวเอง แต่กำลังส่งเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพให้คู่ค้าของเราเติบโตไปพร้อมกัน พวกเขาจะสามารถลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม”

อนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ CHOW กล่าวเสริมถึงความพร้อมว่า “CHOW มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์มาแล้วกว่า 10,000 โครงการทั่วประเทศ เรามีความเชี่ยวชาญครบวงจรตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ติดตั้ง ไปจนถึงการบำรุงรักษา เรามั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของคู่ค้าแต่ละรายในเครือข่ายของล็อกซเล่ย์ได้”

โครงการouhเป็นมากกว่าความร่วมมือทางธุรกิจ แต่เป็นโมเดลที่สร้างประโยชน์รอบด้านอย่างแท้จริง โดยคู่ค้าของล็อกซเล่ย์จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการใช้พลังงานสะอาดและลดต้นทุนค่าไฟได้โดยไม่ต้องลงทุนเอง ขณะที่ล็อกซเล่ย์สามารถสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) และบรรลุเป้าหมาย ESG ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในส่วนของ CHOW ก็สามารถขยายฐานลูกค้าและพอร์ตการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนได้ และท้ายที่สุด โครงการนี้ยังส่งผลดีในระดับมหภาค ช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนของประเทศไทย และขับเคลื่อนประเทศให้เข้าใกล้เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2608 ได้เร็วขึ้น

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

SCB TechX ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่ ‘Strategic FinTech Enabler’

เสียงเตือนภัยบนจานอาหาร: พลิกวิกฤติร้านอาหาร สู่ภารกิจสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย

×

Share

ผู้เขียน