Share on
×

Share

สมรภูมิช็อปปิ้งออนไลน์: เมื่อ ‘กลโกง’ ครองแชมป์ภัยไซเบอร์สูงสุด

ในยุคที่การซื้อขายออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ดาบสองคมของความสะดวกสบายได้เปิดช่องให้มิจฉาชีพสร้างกลโกงที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น สร้างความเสียหายมหาศาลและกลายเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งบนโลกไซเบอร์ เวทีเสวนา “ดักเกมโกงก่อนขึ้นฟีด ร่วมออกแบบวัฒนธรรมใหม่ของโลกการซื้อขายออนไลน์” ในงานฟอรัม “คนไทยรู้ทัน ปี 2” ได้รวบรวมตัวแทนจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค และผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ได้สะท้อนภาพปัญหาและแนวทางการป้องกันที่ผู้บริโภคทุกคนต้องรู้ในทุกมิติ

มุมมองผู้บังคับใช้กฎหมาย: ถอดรหัสกลโกงและแนะคาถาป้องกันตัว

สมรภูมิช็อปปิ้งออนไลน์: เมื่อ 'กลโกง' ครองแชมป์ภัยไซเบอร์สูงสุด

พลตำรวจตรีวิวัฒน์ คําชํานาญ รองผู้บัญชาการ บช.สอท. (CCIB) ฉายภาพว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าออนไลน์ครองสัดส่วนสูงสุดมาโดยตลอด คิดเป็น 45% ของคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมด โดยมิจฉาชีพมีความชาญฉลาดในการใช้ข้อมูล พวกเขาศึกษาแม้กระทั่ง Google Trends เพื่อดูว่าคนไทยกำลังสนใจอะไร แล้วจึงสร้างเพจปลอมหรือข่าวปลอมขึ้นมาให้สอดคล้องกับเทศกาลและกระแสนิยม ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนตามฤดูกาล, โปรโมชันที่พักช่วงวันหยุดยาว, หรือการหลอกลวงโดยใช้โปรไฟล์ปลอมเป็นหนุ่มสาวหน้าตาดี (Romance Scam) และนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม ภัยที่สร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดคือ “การหลอกลงทุน” ซึ่งมิจฉาชีพจะสร้างความน่าเชื่อถือในช่วงแรกด้วยผลตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่เหยื่อจะหลงเชื่อและเติมเงินลงทุนก้อนใหญ่เข้าไป จนสูญเสียเงินทั้งหมดในที่สุด

คำแนะนำที่สำคัญที่สุดสำหรับประชาชนคือ “ความเร็ว” เอกพงษ์หริ่มเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ AOC ย้ำว่า หากรู้ตัวว่าถูกหลอก ต้องรีบโทรสายด่วน AOC 1441 และกด 1 ทันที เพื่ออายัดบัญชี ซึ่งเปรียบเสมือนการปฐมพยาบาลที่ต้องรีบห้ามเลือดก่อน ยิ่งแจ้งเร็ว โอกาสในการระงับธุรกรรมและติดตามเงินคืนก็ยิ่งมีมากขึ้น นอกจากนี้ ระบบใหม่ที่กำลังพัฒนายังจะช่วยให้สามารถอายัดทุกบัญชีที่ผูกกับบัตรประชาชนของบัญชีม้านั้นได้ในคราวเดียว เพื่อตัดวงจรการเงินของมิจฉาชีพ

อย. และสคบ. ย้ำสิทธิผู้บริโภคและข้อพึงระวัง

อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ ศรป. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เน้นย้ำประเด็นสำคัญว่า “ยา” เกือบทุกชนิด ห้ามจำหน่ายทางออนไลน์ ยกเว้นเพียงยาสามัญประจำบ้านไม่กี่รายการ เช่น พาราเซตามอล การซื้อยาออนไลน์จึงเสี่ยงสูงที่จะได้รับยาปลอมหรือยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ผู้บริโภคควรตรวจสอบเลข อย. หรือเลขจดแจ้งให้แน่ใจก่อนเสมอ เพราะมิจฉาชีพมักแอบอ้างเลขปลอม หรือส่งสินค้าที่ไม่มีฉลากถูกต้อง

ด้าน ประภัทร พงศ์ชาญชิต นิติกรชำนาญการ สคบ. ระบุว่า ผู้ประกอบการออนไลน์ต้องจดทะเบียนให้ถูกต้อง และมีหน้าที่ต้องแจ้งสิทธิพื้นฐานให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจน นั่นคือ สิทธิในการคืนสินค้าและขอเงินคืนเต็มจำนวน ซึ่งผู้ประกอบการต้องคืนเงินภายใน 15 วันนับจากได้รับสินค้าคืน โดยสิทธิของผู้บริโภคไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเปลี่ยนคืนสินค้าภายใน 7 วัน แต่ยังครอบคลุมถึงกรณีสินค้าชำรุดบกพร่องจากการผลิต เช่น กรณีโทรศัพท์มือถือที่เกิดเส้นเขียวบนหน้าจอหลังการอัปเดตซอฟต์แวร์ ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิตที่ต้องดูแลแม้จะพ้นระยะเวลารับประกันของร้านค้าไปแล้ว

เสียงจากภาคประชาสังคม: เมื่อสติและการส่งต่อข้อมูลคือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด

สถาพร อารักษ์วทนะ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารฯ สภาองค์กรของผู้บริโภค (TCC) สะท้อนปัญหาว่า หน่วยงานภาครัฐทำงานอย่างหนัก แต่ก็ตามไม่ทันความเร็วของมิจฉาชีพที่สามารถเปิดเว็บไซต์ใหม่ได้ใน 3 นาที ขณะที่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อปิดเว็บไซต์นั้นใช้เวลานาน ดังนั้น การป้องกันตัวเองจึงสำคัญที่สุด ผู้บริโภคต้องตื่นตัว “ยิ่งกว่าแค่เอ๊ะ” แต่เมื่อพบเจอสิ่งผิดปกติ ต้องช่วยกันส่งต่อข้อมูลและเตือนภัยในวงกว้างผ่านโซเชียลมีเดียของตนเอง

สอดคล้องกับมุมมองจาก โครงการโคแฟค (Cofact) ที่มอบคาถาสั้น ๆ แต่ทรงพลังว่า “อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งแชร์ อย่าเพิ่งโอน” และแนะนำให้ประชาชนใช้สติในการรับข้อมูล หากไม่แน่ใจ สามารถส่งข้อมูลหรือลิงก์ที่น่าสงสัยมาให้ทาง Cofact ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ การร่วมมือกันส่งต่อข้อมูลและตรวจสอบก่อนเชื่อ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในสังคม

TikTok Shop เปิดการทำงานหลังบ้านสร้างความเชื่อมั่น

ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เรณุกา แฟงทอง ผู้จัดการฝ่ายนโยบายฯ TikTok ยืนยันว่าได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดยมีมาตรการหลังบ้านที่เข้มงวดและทำงานเชิงรุก มีการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีและทีมงานเพื่อบังคับใช้ “หลักเกณฑ์สำหรับชุมชน” อย่างจริงจัง โดยสถิติชี้ว่า 99.5% ของวิดีโอที่ละเมิดนโยบายจะถูกลบออกไป ก่อนที่ จะมีคนเห็นเสียอีก

สำหรับ TikTok Shop มีกระบวนการยืนยันตัวตน (Verify) ผู้ขายที่ต้องการเปิดร้านค้า พร้อมตรวจสอบใบอนุญาตที่จำเป็น และใช้ทั้งเทคโนโลยีกับเจ้าหน้าที่ในการสอดส่องสินค้าที่วางขายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น การยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA) และการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้งานที่อายุต่ำกว่า 16 ปีให้เป็นส่วนตัวโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเข้าถึงจากผู้ไม่หวังดี พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อสามารถกดรายงาน (Report) สินค้าที่น่าสงสัย และมีนโยบายคืนเงิน/คืนสินค้าภายใน 7 วันตามกฎหมาย

การต่อสู้กับภัยออนไลน์ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐที่บังคับใช้กฎหมาย, ภาคเอกชนที่สร้างระบบที่ปลอดภัย และภาคประชาชนที่ต้องมี “สติ” รู้เท่าทัน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฝ้าระวัง เพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่ทุกคนสามารถซื้อขายได้อย่างอุ่นใจและปลอดภัยอย่างแท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

TikTok สานต่อ ‘คนไทยรู้ทันปี 2’ ผนึก 12 พันธมิตรยกระดับสู้ภัยไซเบอร์

‘เมืองเดือด’ ทางรอดกรุงเทพฯด้วยนวัตกรรมและ Smart City

×

Share

ผู้เขียน