Share on
×

Share

สวทช. ประกาศวิสัยทัศน์วาระ 2 ชู ‘วิจัยใช้ได้จริง’ แก้ปัญหาชาติด้วยเทคโนโลยี

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดแถลงข่าวประกาศทิศทางการดำเนินงานในวาระที่ 2 ของคณะผู้บริหารชุดปัจจุบัน หลังคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) มีมติอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งต่ออีก 3 ปี โดยชูธงการปฏิรูปกระบวนทัศน์การวิจัย จาก “วิจัยเพื่อความเป็นเลิศ” สู่ “วิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์จริง” มุ่งแก้ปัญหาสำคัญของประเทศผ่าน “12 สมรภูมิ” ที่เป็นโจทย์ใหญ่ พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การดำเนินงานตลอด 3 ปีในวาระแรกและวิสัยทัศน์สำหรับวาระที่ 2 มีหัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนทิศทางการวิจัยของประเทศ

“เรากำลังเปลี่ยนทิศทางจากการวิจัยที่เน้นความเป็นเลิศ ตีพิมพ์ผลงาน หรือจดสิทธิบัตร มาเป็นการวิจัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศอย่างแท้จริง” ศ.ดร.ชูกิจ กล่าว

ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากกว่ามาก เพราะต้องบูรณาการหลายศาสตร์ ต้องสร้างเครือข่าย และต้องเข้าใจปัญหาของภาครัฐ อุตสาหกรรม และประชาสังคมอย่างลึกซึ้ง เราจะไม่เลือกโจทย์จากสิ่งที่นักวิจัยถนัด แต่จะเลือกจากโจทย์ที่เป็นความท้าทายและสร้างผลกระทบให้ประเทศได้สูงสุด”

จากงานวิจัยบนหิ้งสู่ “12 สมรภูมิ” แห่งการเปลี่ยนแปลง

ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช.
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช.

เพื่อให้การทำงานวิจัยไม่กระจัดกระจายและมีทิศทางที่ชัดเจน สวทช. ได้ปักธง “12 สมรภูมิรบ” (12 Battles) ซึ่งเป็นการระดมสรรพกำลังของนักวิจัยเพื่อมุ่งแก้โจทย์ใหญ่ของประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสู่การใช้งานจริงในวงกว้าง ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักที่สุดคือ Traffy Fondue ซึ่ง ศ.ดร.ชูกิจ ชี้ว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เทคโนโลยีที่ดีจะเกิดประโยชน์สูงสุดเมื่อมีผู้นำไปประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง จนเปลี่ยนจากแอปพลิเคชันคุณภาพสูงให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปการทำงานและบริหารจัดการเมืองอย่างมีส่วนร่วม

สมรภูมินี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว แต่ครอบคลุมโจทย์สำคัญของประเทศในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การยกระดับเกษตรกรรมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ การพัฒนาอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต การขับเคลื่อน Industry 4.0 ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงโครงการที่อยู่ในขั้นเตรียมความพร้อม (Pre-battle) อย่าง เกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) และ ธนาคารอาหาร (Food Banking)

หนึ่งในสมรภูมิใหญ่ที่สวทช. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งเพื่ออนาคตคือ การสร้างความมั่นคงทางยา โดยตั้งเป้าพัฒนาและผลิตวัตถุดิบตัวยาสำคัญ (Active Pharmaceutical Ingredients: API) ขึ้นเองในประเทศ

สวทช. ผนึกพันธมิตร เปิดตัว Medical AI Data Platform ดึง AI ช่วยคัดกรอง-วินิจฉัยโรค

“ทุกวันนี้ไทยมีโรงงานผลิตยามากมาย แต่เรานำเข้าตัวยาสำคัญเกือบทั้งหมด การสร้างสมรภูมินี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นความมั่นคงของชาติ” ศ.ดร.ชูกิจ เน้นย้ำ

“เป้าหมายของเราคือการผลักดันงบประมาณการวิจัยของประเทศให้ถึง 2% ของ GDP แต่หนทางที่จะไปถึงจุดนั้น ไม่ใช่การร้องขอจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่คือการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรเห็นประโยชน์และพร้อมที่จะลงทุนด้วย นี่คือกลไกที่จะทำให้วงการวิจัยของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเสริม

วิสัยทัศน์วาระที่ 2: ขับเคลื่อนทุกภาคส่วนด้วยวทน.

สำหรับทิศทางในวาระที่ 2 สวทช. จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนประเทศภายใต้กรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมีหัวใจสำคัญคือหลักการ “สร้าง-ปรับ-รักษา-ละทิ้ง”

  • สร้าง: สร้างชาติให้เข้มแข็งด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ปรับ: ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของนักวิจัย จากการเลือกโจทย์ที่ตนเองถนัด มาเป็นการมุ่งแก้ปัญหาที่สำคัญและท้าทายของประเทศ
  • รักษา: รักษาบุคลากรคุณภาพและโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง ให้เป็นที่พึ่งของสังคมต่อไป
  • ละทิ้ง: ละทิ้งความเชื่อเดิมที่ว่าความสำเร็จของงานวิจัยวัดได้จากผลงานตีพิมพ์หรือสิทธิบัตรเพียงอย่างเดียว และมุ่งสู่การวัดผลจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง

วิสัยทัศน์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อวิกฤติและความท้าทายสำคัญของประเทศโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา รายได้เกษตรกรที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเทคโนโลยีจะเป็นคำตอบสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาวะที่ดีและช่วยลดภาระของคนวัยทำงาน

ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สวทช. จะทลายกำแพงการทำงานและทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนเทคโนโลยีให้กับกระทรวงต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ อาทิ

กระทรวงศึกษาธิการ พัฒนา AI เพื่อการเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalized Learning) หรือ “ครู AI” ที่สามารถวิเคราะห์และเติมเต็มความรู้ให้เด็กแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

สวทช. – สพฐ. – สสวท. สถ. ลุยสร้างครูยุคดิจิทัล ปูทางใช้ AI ในห้องเรียน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใช้เทคโนโลยี Agri-Map และข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อวางแผนการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพน้ำและพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมส่งมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มผลผลิตได้ 30-70%

กระทรวงสาธารณสุข ผลักดัน Digital Health และ Telehealth เพื่อการดูแลสุขภาพเชิงรุกและลดความแออัดในโรงพยาบาล พร้อมทั้งใช้ AI ช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

กระทรวงอุตสาหกรรม ยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมสู่โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ด้วยระบบอัตโนมัติและเซ็นเซอร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

“หัวใจของการเปลี่ยนแปลงคือการปฏิรูปวิธีการเลือกโจทย์วิจัย และปฏิรูปมุมมองต่อความสำเร็จ โดยเป้าหมายสูงสุดไม่ใช่งานตีพิมพ์ แต่คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงกับประชาชน สวทช. จะทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยง ‘ผู้มีปัญหา’ ให้มาพบกับ ‘ผู้มีปัญญา’ เพื่อให้ วทน. เป็นเครื่องมือสร้างชาติที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง” ศ.ดร.ชูกิจ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะประธาน กวทช. ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อทิศทางของ สวทช. โดยระบุว่า กวทช. ได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน และเห็นด้วยกับแนวทางการปรับบทบาทของ สวทช. ในการนำขีดความสามารถด้าน วทน. มาแก้ปัญหาและสร้างโอกาสให้ประเทศ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวง อว. เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

TikTok สานต่อ ‘คนไทยรู้ทันปี 2’ ผนึก 12 พันธมิตรยกระดับสู้ภัยไซเบอร์

‘AI for Thai V2’ พลิกโฉมจากบริการฟรีสู่ ‘ตลาดกลาง AI’ แห่งแรกของไทย

×

Share

ผู้เขียน