Share on
×

Share

สตาร์ตอัพเตรียมปรับตัว TVCA เผยความต้องการผู้ลงทุนที่เปลี่ยนไป

ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่หมุนเร็ว การระดมทุนสำหรับสตาร์ตอัพไทยไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเหมือนวันวานอีกต่อไป เมื่อความคาดหวังของนักลงทุนปรับเปลี่ยน และภูมิทัศน์ของแหล่งเงินทุนมีพลวัตสูงขึ้น อะไรคือสิ่งที่สตาร์ตอัพต้องเผชิญ และทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน? 

ในงาน Thai Startup Day 2025 ซึ่งจัดโดย สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) ปาลิดา อธิศพงศ์ กรรมการ Thai Venture Capital Association (TVCA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรีฟินโนเวต จำกัด ได้ร่วมแบ่งปันมุมมองในหัวข้อ “A Long Journey with TVCA” เผยถึงแนวโน้มสำคัญที่สตาร์ตอัพต้องรู้ และทิศทางที่นักลงทุนกำลังมองหา เพื่อให้ระบบนิเวศสตาร์ตอัพไทยก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง 

TVCA (Thai Venture Capital Association) หรือ สมาคมไทยผู้ประกอบการธุรกิจเงินร่วมลงทุน เป็นองค์กรที่รวบรวมกลุ่มนักลงทุน (VC) ตั้งแต่ช่วง Early Stage จนถึง Late Stage โดยมีเป้าหมายเพื่อมอบความรู้ความเข้าใจแก่ VC เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตนเองและการปฏิบัติตัวต่อสตาร์ตอัพอย่างเหมาะสม สมาคมยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่าง VC กับสตาร์ตอัพ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนใหม่ ๆ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ภูมิทัศน์การลงทุนในสตาร์ตอัพไทย

Palida-Artispong-Krungsri-Finnovate-22

ปาลิดาให้รายละเอียดเกี่ยวกับภาพรวมการลงทุนในธุรกิจเงินร่วมลงทุน (VC Landscape) ของประเทศไทยว่า แหล่งทุนส่วนหนึ่งมาจากภาครัฐผ่านหน่วยงานต่าง ๆ เช่น NIA และ TED Fund อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าเงินทุนสนับสนุนในบางโครงการซึ่งอาจมีมูลค่าราว 5 ล้านบาทนั้น ยังไม่เพียงต่อความต้องการของสตาร์ตอัพทั้งหมดในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเครือข่ายนักลงทุนอิสระ (Angel Network) และนักลงทุนอิสระ (Angel Investor) ที่เข้ามาลงทุน แต่ยากที่จะประเมินจำนวนได้อย่างชัดเจน 

สำหรับโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพ (Accelerator) นั้น ปาลิดาสังเกตว่าเคยมีบทบาทอย่างมาก แต่ปัจจุบันกิจกรรมค่อนข้างซบเซา โดยเฉพาะโครงการระดับประเทศ (National Accelerator) ที่เป็นเวทีให้สตาร์ตอัพนำเสนอแผนธุรกิจ (Pitch) มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก แม้จะมีโครงการเฉพาะทางอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วกิจกรรมในส่วนนี้ลดลง ส่วนกลุ่มนักลงทุน VC อิสระที่เป็นกองทุนโดยแท้จริง เช่น 500 Startups หรือกองทุนจากต่างชาติอย่าง OpenSpace Ventures ก็ยังมีจำนวนน้อยมากในตลาดไทย

ด้วยเหตุนี้ ภูมิทัศน์การลงทุนในไทยจึงถูกขับเคลื่อนเป็นหลักโดยกลุ่มทุนจากบริษัทขนาดใหญ่ หรือ Corporate Venture Capital (CVC) ซึ่งเป็นหน่วยลงทุนของบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เธอกล่าวว่า ภาพรวมการลงทุน VC ในประเทศไทยนั้นมี CVC เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ตัวอย่างเช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ เช่น ปตท. บางจาก และบ้านปู เป็นต้น รวมถึงกลุ่มบริษัทโทรคมนาคม และบรรษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่างก็มีหน่วยงาน CVC ของตนเอง สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้จำนวน VC อิสระในประเทศจะมีไม่มากนัก แต่ CVC กลับเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทอย่างสูงในระบบนิเวศการลงทุนของสตาร์ตอัพไทย

CVC มองหา Series A ขึ้นไป และ Synergy ที่ชัดเจน

การที่ผู้เล่นหลักในตลาดคือนักลงทุนกลุ่ม CVC ส่งผลให้ความคาดหวังที่มีต่อสตาร์ตอัพมีลักษณะเฉพาะ โดยส่วนใหญ่ CVC มักมองหาสตาร์ตอัพในระดับ Series A ขึ้นไป เนื่องจากต้องการพันธมิตรทางธุรกิจที่มีขนาดและความพร้อมเพียงพอสำหรับการทำงานร่วมกับองค์กรขนาดใหญ่ได้ 

ปาลิดา กล่าวว่า สตาร์ตอัพในระดับ Series A ที่ CVC มองหาจะต้องเป็นผู้ที่มีผลิตภัณฑ์เป็นของตนเองและได้เปิดตัวสู่ตลาดแล้ว การมีเพียงแนวคิดยังไม่เพียงพอ โดยผลิตภัณฑ์นั้นต้องมีลูกค้าใช้งานจริง มีผู้ชำระเงิน และสร้างรายได้แล้ว แม้ว่าผลกำไรอาจจะยังไม่จำเป็นในระยะแรก แต่จำเป็นต้องมีรายได้ที่พิสูจน์ได้ว่ารูปแบบธุรกิจสามารถเติบโตต่อไปได้จริง เนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่มักไม่ต้องการเป็นผู้ทดลองรายแรก แต่ต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการที่พร้อมใช้งานได้ทันที

นอกเหนือจากความพร้อมของผลิตภัณฑ์และตลาดแล้ว ปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับ CVC คือการมองหาความสอดคล้องทางธุรกิจหรือ Synergy กับบริษัทแม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วองค์กรขนาดใหญ่มักมองหาโอกาสในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ให้แก่องค์กร การสร้างแหล่งรายได้ใหม่ การขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่องค์กรไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพัฒนาเอง ดังนั้น การลงทุนของ CVC จึงมีลักษณะเป็นข้อตกลงทางธุรกิจ ที่สตาร์ตอัพจำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ชัดเจนต่อการดำเนินงานขององค์กรผู้ลงทุน

การที่นักลงทุนกลุ่ม CVC มุ่งเน้นลงทุนในสตาร์ตอัพที่ค่อนข้างเติบโตแล้วนั้น เป็นสาเหตุให้เกิดช่องว่างด้านเงินทุนสำหรับสตาร์ตอัพในระยะเริ่มต้น กลุ่ม Corporate Venture Capital อาจมองว่ามีสตาร์ตอัพที่น่าสนใจในตลาดน้อย ขณะที่สตาร์ตอัพในระยะเริ่มต้นก็อาจขาดแรงจูงใจในการพัฒนาธุรกิจเนื่องจากเห็นว่ามีแหล่งเงินทุนจำกัด ซึ่งก่อให้เกิดช่องว่างการลงทุนที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ปาลิดามองว่าสภาวะเช่นนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับ CVC ที่จะพิจารณาขยายการลงทุนไปยังกลุ่มสตาร์ตอัพในระยะเริ่มต้นมากขึ้น

TVCA กำลังพยายามลดช่องว่างดังกล่าด้วยการทำงานร่วมกับภาครัฐและสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ Matching Fund นอกจากนี้ กลุ่ม CVC จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการพิจารณาการลงทุนในสตาร์ตอัพตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะเมื่อสตาร์ตอัพได้รับเงินทุนสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อกำหนดความคาดหวังและสิ่งที่ CVC ต้องการจากสตาร์ตอัพในลำดับถัดไป อันจะช่วยให้สตาร์ตอัพมีความพร้อมสำหรับการระดมทุนในอนาคต

คุณสมบัติสตาร์ตอัพที่นักลงทุนมองหา

นอกเหนือจาก Traction หรือผลลัพธ์ทางธุรกิจและรายได้ซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐาน ปาลิดาเน้นย้ำถึงคุณสมบัติสำคัญสองประการที่นักลงทุนมองหาในตัวผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพ ประการแรกคือ Growth Mindset หรือกรอบความคิดที่มุ่งเน้นการเติบโต ในยุคที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจจนอาจกล่าวได้ว่าการไม่มี AI นั้นถือเป็นเรื่องผิดปกติ ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพจึงต้องมี Growth Mindset อย่างเข้มข้น โดยต้องเป็นผู้ที่เรียนรู้ได้เร็ว เปิดรับการเรียนรู้ใหม่ ๆ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนทิศทางหากเห็นว่าแนวทางเดิมไม่ถูกต้องหรือไม่ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ การยึดติดกับกรอบความคิดแบบเดิม (Fixed Mindset) หรือเชื่อว่าตนเองรอบรู้ทุกด้านแล้วเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

ประการที่สองคือ International Mindset หรือกรอบความคิดระดับสากล ปาลิดาชี้ว่าการมองเพียงตลาดในประเทศไทยนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้ประกอบการต้องมีวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกตั้งแต่วันแรก แม้ไม่จำเป็นต้องนำเสนอแผนการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศในทันที แต่ผู้ก่อตั้งควรศึกษาข้อมูลตลาดต่างประเทศ ขนาดของตลาด และภาพรวมอุตสาหกรรมของตนในระดับสากลอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงโอกาสและความท้าทาย ซึ่งจะสะท้อนถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจในอนาคต

CVC กับการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติและ แก้ปัญหาสังคม

ปาลิดา อธิศพงศ์ กรรมการ Thai Venture Capital Association (TVCA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรีฟินโนเวต จำกัด
ปาลิดา อธิศพงศ์ กรรมการ Thai Venture Capital Association (TVCA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรีฟินโนเวต จำกัด

ปาลิดายังมองว่า CVC และ TVCA สามารถมีบทบาทในการผลักดันวาระแห่งชาติผ่านการลงทุนในสตาร์ตอัพหรือเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนและสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ เช่น การเป็นสะพานเชื่อนวัตกรรมให้กับหน่วยงานรัฐและเอกชน การผลักดันให้เกิด National Startup ที่ช่วยแก้ปัญหาในภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจไทย หรือการลงทุนใน National Deep Tech สำหรับการแก้ปัญหาระดับประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือนที่สูงถึงร้อยละ 90

ปาลิดา กล่าวว่า TVCA ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ โดยอาจเริ่มต้นจากการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) และสนับสนุนสตาร์ตอัพที่ดำเนินงานด้านนี้ นอกจากนี้ ในฐานะผู้บริหารกรุงศรีฟินโนเวต เธอยังกล่าวถึงความสำคัญของ Digital Lending และ Alternative Credit Scoring รวมถึงรูปแบบการให้สินเชื่อใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น

ปาลิดา ได้เสนอแนะแนวทางที่นักลงทุน VC สามารถปรับปรุงเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ตอัพได้ดียิ่งขึ้น โดยชี้ว่าประการแรกที่สำคัญอย่างยิ่งคือการมีผู้เล่นในตลาดที่พร้อมจะลงทุนกับธุรกิจในระยะเริ่มต้นมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้แนวคิดใหม่ ๆ ได้เติบโต ประการต่อมาคือความรวดเร็วในการตัดสินใจลงทุนและกระบวนการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะกิจการ เนื่องจากนักลงทุนบางรายอาจใช้เวลานานในการพิจารณาและทดลองจนทำให้สตาร์ตอัพสูญเสียกำลังใจหรือพลาดโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งแม้กระบวนการตรวจสอบจะต้องมีคุณภาพ แต่ก็จำเป็นต้องเข้าใจพลวัตของสตาร์ตอัพและดำเนินการด้วยความรวดเร็วควบคู่กันไป ท้ายที่สุด ปาลิดาเน้นย้ำถึงเงื่อนไขการลงทุนว่าควรมีความเป็นไปได้และสมเหตุสมผล ไม่สร้างภาระหรือเข้มงวดจนเกินไปสำหรับสตาร์ตอัพ แต่ยังคงความรัดกุมและสะท้อนความเป็นจริงทางธุรกิจ

ภูมิทัศน์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ สะท้อนความจำเป็นที่ทั้งนักลงทุนและสตาร์ตอัพต้องปรับตัวเข้าหากัน นักลงทุนกลุ่ม VC และ CVC ควรพิจารณาเปิดรับการลงทุนในระยะเริ่มต้นมากขึ้น พร้อมปรับกระบวนการให้รวดเร็วและเงื่อนไขให้เหมาะสม ขณะที่สตาร์ตอัพเองก็ต้องพัฒนาศักยภาพรอบด้าน ทั้งความพร้อมของผลิตภัณฑ์ การมี Growth Mindset และวิสัยทัศน์ระดับสากล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะ CVC ที่มองหา Synergy และความร่วมมือทางธุรกิจที่ชัดเจน ท้ายที่สุด ความเข้าใจและความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญให้ระบบนิเวศสตาร์ตอัพไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ถอดรหัส 3 สตาร์ตอัพรุ่นใหม่: Graffity, One Charge, Carbonwize

ถอดรหัสความสำเร็จ นวัตกรรมอาหาร: Dairy Home และ 4Care

×

Share

ผู้เขียน