รัฐบาลประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ทั้งเกม แอนิเมชัน คาแร็กเตอร์ และอีบุ๊ก ผสานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ ปั้นเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ ตั้งเป้าสร้างรายได้มหาศาล ยกระดับบุคลากร และปักธงไทยเป็นศูนย์กลางในเวทีโลก เผยแผนจัดงานเกมระดับโลก ยกร่างกฎหมายส่งเสริม และอัดฉีดโครงการพัฒนาคนครั้งใหญ่
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ MDES กล่าวว่า ประเทศไทยมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน การสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทยคือหนึ่งในพลังใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคปัจจุบันในสามมิติสำคัญ คือ มิติแรกเป็น High Value เป็นการลงทุนน้อยแต่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงได้ในระดับพันล้านบาท มิติที่สองคือ Low Carbon เนื่องจากไม่ต้องใช้โรงงานและไม่สร้างมลภาวะ และมิติที่สามคือ Youth Driven ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังของคนรุ่นใหม่
“สิ่งเหล่านี้คือโอกาสใหม่ที่จะทำให้ไทยเปลี่ยนจากการเป็นเพียงผู้บริโภคเนื้อหาจากต่างประเทศ มาเป็นผู้ผลิตเนื้อหาที่มีศักยภาพและสามารถก้าวเข้าไปสู่เวทีโลกได้ ไม่เพียงแต่สร้างความบันเทิง แต่ยังสร้างรายได้มหาศาล สร้างตัวตนและภาพลักษณ์ที่ดีงามให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่”
ประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาลเน้นการใช้เศรษฐกิจดิจิทัลในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและสังคมในด้านต่าง ๆ หลังจากนั้น MDES ได้ขับเคลื่อนนโยบายที่เรียกว่า “เดอะโกรทเอนจินออฟไทยแลนด์” (The Growth Engine of Thailand) โดยมีสามเครื่องยนต์หลัก คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน การสร้างความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและการป้องกันอาชญากรรมทางด้านออนไลน์ และการสร้างบุคลากรด้านดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังมีจำนวนไม่มากและเป็นเรื่องจำเป็น
อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยจึงเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของเศรษฐกิจดิจิทัล และสอดรับอย่างยิ่งกับนโยบาย Soft Power ที่รัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นนโยบายหลัก พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ นโยบายนี้มุ่งเน้นการสร้างพลังทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะที่จำเป็น เพื่อให้จุดเล็ก ๆ เหล่านี้รวมเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ภายใต้แพลตฟอร์มที่เป็นระบบ และสามารถสร้างอนาคตของคนรุ่นใหม่ๆ ได้
เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้อย่างเป็นรูปธรรม ประเสริฐ ได้ประกาศสามเรื่องสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ประการแรก ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Gamescom Asia เป็นครั้งแรกในไทย ควบคู่ไปกับ Thailand Game Show ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 16 ถึงวันที่ 19 ตุลาคม ปีนี้ ซึ่งจะเป็นการย้ายฐานการจัดจากสิงคโปร์มาประเทศไทย สร้างโอกาสให้ผู้พัฒนา ผู้เรียน และผู้ประกอบการของไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกมเข้าสู่ซัพพลายเชนระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว และสร้างภาพลักษณ์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางเกมของภูมิภาคทั้งในมิติ B2B และ B2C
ประการที่สอง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อยู่ระหว่างการผลักดันร่าง พ.ร.บ. การส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม ซึ่งเดิม พ.ร.บ. ว่าด้วยภาพยนตร์และเกมอยู่ด้วยกัน แต่ภายหลังได้มีการแยกกันเป็นสองฉบับ ขณะนี้การยกร่าง พ.ร.บ. อุตสาหกรรมเกมได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และอยู่ในระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ประเสริฐจะพยายามผลักดันให้มีการนำเข้าในสมัยประชุมที่ใกล้จะถึงนี้ เพื่อกำหนดมาตรฐานและเป็นกฎหมายที่จะส่งเสริมให้มีความเกี่ยวเนื่องควบคู่กับการสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ เป็นการส่งเสริมการลงทุนจากทั้งต่างประเทศและการสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศในการแข่งขัน
และประการสุดท้าย การที่อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์จะเติบโตได้อย่างงอกงามนั้นย่อมมาจากกำลังของบุคลากรที่แข็งแกร่ง ประเสริฐได้ขอบคุณ สุรพงษ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอีกครั้ง ที่ได้ให้ความไว้วางใจ MDES และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ในการที่จะขับเคลื่อนภารกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ให้กับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS)” ซึ่งเป็นเรื่องที่จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนไทยทุกคน ปัจจุบันหลักสูตรด้านเกมได้เริ่มขึ้นแล้วผ่านความร่วมมือจากทั้งภาคเอกชนและภาคการศึกษา และหวังว่าจะสามารถต่อยอดความร่วมมือนี้ไปเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ MDES โดย DEPA ยังมีศูนย์พัฒนากำลังคนด้านนี้อยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งขณะนี้ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ และจะเป็นการสร้างศักยภาพให้กับภาคธุรกิจด้านนี้อย่างเกี่ยวเนื่องเช่นเดียวกัน
“หมอเลี้ยบ” ชูยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ สร้างคน พลิกโฉมประเทศในโลก “BANI”
นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่า เศรษฐกิจดิจิทัลคือพลังเสริมให้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยเดินหน้าสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะในยุค “BANI World” ซึ่งเป็นคำย่อจาก Brittle ที่หมายถึงความเปราะบาง Anxious ความวิตกกังวล Nonlinear ความไม่เป็นเส้นตรง และ Incomprehensive ความไม่สามารถเข้าใจได้โดยง่าย เป็นโลกที่คนเราไม่คุ้นเคยและไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นโลกที่การตัดสินใจของผู้นำประเทศมหาอำนาจอาจฉับพลันและคาดเดาได้ยากอย่างยิ่ง ดังนั้น ประเทศไทยต้องลืมสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นความสามารถในการแข่งขันในอดีต เช่น การเป็นศูนย์กลางดีทรอยต์แห่งเอเชีย และหันกลับมาสู่จุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง คือเรื่องอาหารและบริการที่ใช้ทักษะอันสร้างสรรค์ ซึ่งเรื่องทักษะที่สร้างสรรค์นี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
สุรพงษ์ กล่าวถึงมูลค่าอุตสาหกรรมเกมซึ่งข้อมูลจาก DEPA ระบุว่ามีมูลค่าสูงถึงราว 34,000 ล้านบาท ว่าเป็นขนาดที่มองข้ามไม่ได้ และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศผู้นำด้านซอฟต์พาวเวอร์อย่างเกาหลีใต้ จะพบว่าอุตสาหกรรมเกมของเกาหลีใต้มีขนาดใหญ่กว่าอุตสาหกรรมดนตรีและภาพยนตร์รวมกันเสียอีก สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าอุตสาหกรรมเกมเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจะท้าทายและมองข้ามไม่ได้ ดังนั้น คำถามสำคัญคือทำอย่างไรที่เราซึ่งวันนี้เป็นเพียง ‘ผู้ซื้อ’ จะสามารถมาเป็น ‘ผู้สร้างสรรค์’ เกมได้
หลักการสำคัญของซอฟต์พาวเวอร์คือการทำให้ทุกคนได้รับโอกาสมากที่สุด จึงเกิดโครงการ OFOS ที่มุ่ง Upskill และ Reskill ครั้งใหญ่ของประเทศไทย ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายมากว่าจะทำให้ อย่างน้อยหนึ่งครอบครัว มีอย่างน้อยหนึ่งคนในครอบครัวนั้นได้มีโอกาสที่จะมีทักษะแขนงใดแขนงหนึ่งก็ได้ ประเทศไทยมี 20 ล้านครัวเรือน จากทั้งหมดราว 21-22 ล้านครัวเรือน จึงตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยานมากคืออยากจะให้คน 20 ล้านคนจาก 20 ล้านครัวเรือน ได้มีโอกาสฝึกอะไรซักอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เขาสามารถที่จะมีสกิล มีรายได้ที่จะเลี้ยงดูครอบครัว โดยตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 200,000 บาทต่อคนต่อปี หรือเดือนละประมาณ 16,000 บาทต่อคน ซึ่งจะช่วยให้คนไทยพ้นจากความยากจนได้
การพัฒนา Soft Power ไม่หยุดอยู่แค่การฝึกอบรมคนในส่วนต้นน้ำ แต่ต้องครอบคลุมทั้งระบบนิเวศ สุรพงษ์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเกม โดยพ.ร.บ. ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมนี้ เช่นเดียวกับพ.ร.บ. ภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าสู่สภาฯ และที่สำคัญคือต้อง Go Global หรือส่วนปลายน้ำ คือทำให้ไม่ใช่แค่ทำ ฝึกอบรม มีการสร้างเกม แต่ทำอย่างไรให้ขายเกมได้
สุรพงษ์ ได้ยกตัวอย่างที่ได้คุยกับ สิทธิชัย เทพไพฑูรย์ กรรมการสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย ถึงเกมในประเทศไทยที่สามารถเป็นต้นแบบได้ เช่น “Home Sweet Home” และอีกเกมที่สำคัญคือ “Kingdom Reborn” ที่เป็นการออกแบบอุตสาหกรรมเกมโดยการศึกษารีเสิร์ชความต้องการของตลาด ดังนั้น การ Go Global จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มิฉะนั้นจะมีแค่อบรมคนและพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศแต่ขายไม่ได้ การขายจึงเป็นเรื่องสำคัญแต่จะขายอย่างไรนั้นเป็นเรื่องท้าทาย ไม่ใช่แค่ MDES แต่รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ด้วย ในเรื่อง Last Mile ของทุกอุตสาหกรรม
“ทำอย่างไรที่เราสามารถทำให้เราครองใจคนที่เขาจะเป็นผู้บริโภคได้ จะรู้ได้อย่างไรว่าพฤติกรรมคนต้องการอะไร จะรู้ได้อย่างไรว่าเกมนี้เมื่อขายแล้วคนจะอยากซื้อ อยากเล่น อยากใช้ ขอขอบกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ให้การสนับสนุนอย่างดีเสมอมา รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น depa, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยศรีปทุม สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) และอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกม เชื่อมั่นว่าความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะทำให้ประเทศไทยสามารถยืนหยัดในโลกที่ซับซ้อนนี้ได้อย่างภาคภูมิ และทำให้คนไทยพ้นจากความยากจน”
depa กางแผนปฏิบัติการ ปั้นคน-สร้างธุรกิจ-ดันไทยฮับดิจิทัลคอนเทนต์
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa กล่าวว่า depa ให้ความสนใจอุตสาหกรรมเกมเป็นพิเศษ ซึ่งมีมูลค่าในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ที่รวมเกม แอนิเมชัน และคาแร็กเตอร์ ประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยเกมมีสัดส่วนมูลค่าถึง 30,000 กว่าล้านบาท อย่างไรก็ตาม มูลค่าส่วนใหญ่นี้เป็นการนำเข้าและบริโภคภายในประเทศ ส่วนการผลิตเพื่อการส่งออกยังมีมูลค่าค่อนข้างน้อยเพียงประมาณ 800 ล้านบาทเท่านั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเกมไทยมีการเติบโต โดยเฉพาะด้านการส่งออก
หนึ่งในข้อจำกัดสำคัญของอุตสาหกรรมคือบุคลากร ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 8,000-9,000 คน ทั้งในสายเทคนิคและไม่ใช่เทคนิค อุตสาหกรรมยังมีความต้องการบุคลากรอีกมากในหลากหลายสาขา เช่น นักพัฒนาเกม (Game Developer) นักเขียนบท (Story Writer) ผู้ที่ดูแลเรื่องสตรีมมิง (Streaming) ผู้จัดการแข่งขัน (Organizer) และผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในภาพรวม สำหรับผู้ประกอบการในปัจจุบัน จากการสำรวจพบว่ามีบริษัทเกมของคนไทยประมาณ 90 บริษัท บริษัทแอนิเมชันกว่า 120 บริษัท บริษัทที่ทำคาแร็กเตอร์ประมาณ 30 บริษัท และบริษัทที่ทำ E-book กึ่งแอนิเมชันอีกประมาณ 22 บริษัท
DEPA ได้ผสานการทำงานของสองโครงการหลักคือ Digital Content Go Global และโครงการ OFOS เข้าด้วยกัน โดยได้ริเริ่ม”Game Academy ซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมทักษะเกมออนไลน์ มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 50,000 คน และมีการนำผู้เรียนมาฟอร์มทีมประมาณ 20 ทีม เพื่อพัฒนาทักษะให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จากเดิมที่หลักสูตรของ DEPA ร่วมกับภาคเอกชนมีระยะเวลา 280 ชั่วโมง เมื่อโครงการ OFOS เข้ามา ได้มีการเพิ่มเนื้อหาในฝั่ง Game Economy เข้าไปอีก 100 ชั่วโมง รวมเป็น 380 ชั่วโมง เพื่อยกระดับทักษะบุคลากรตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ระดับกลาง ไปจนถึงเกือบระดับสูงในอนาคต
เส้นทางการพัฒนาบุคลากรและส่งเสริมการสร้างธุรกิจของ depa นั้นถูกวางไว้อย่างเป็นระบบ เริ่มจากการพัฒนาและยกระดับทักษะบุคลากร จากนั้นจะมีการฟอร์มทีมตั้งแต่ระดับโรงเรียน ซึ่งได้ร่วมมือกับโรงเรียนประมาณ 25 แห่ง เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้โรงเรียนสามารถสานต่อโครงการได้ และช่วยให้เด็กที่ได้รับการพัฒนาสามารถสร้างอาชีพได้ตั้งแต่ระดับโรงเรียน
ต่อเนื่องไปยังการนำผลงานมาประกวดในโครงการ Idea State หากนักเรียนนักศึกษามีความสามารถและผ่านการคัดเลือก จะได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก depa เพื่อจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เรียกว่า Idea State Money เป็นจำนวนประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นเงินให้เปล่า 300,000 บาท และอีก 700,000 บาทเป็นเงินร่วมลงทุนในลักษณะ Angel Fund โดย depa จะใช้เงินเพียงร้อยละ 25 ของ 700,000 บาทนั้น ในการ Recovery เป็น Equity เพื่อสร้างความมั่นใจว่า Startup สามารถเติบโตต่อไปได้ และในขั้นการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ depa จะร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP ในการนำผู้ประกอบการเหล่านี้ไปทำ Business Matching ในกิจกรรม Roadshow ต่างประเทศที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ด้านโครงสร้างพื้นฐานและอีโคซิสเต็ม ณัฐพล ระบุว่า depa มีพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ในพื้นที่ EEC อาคารพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 2568 นี้ อาคารดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์รวมของกลุ่มอุตสาหกรรม Digital Content โดยสามารถเชิญชวนผู้เผยแพร่ ผู้ให้สิทธิ์ หรือแม้แต่ผู้จัดการแข่งขันเข้ามาใช้พื้นที่
นอกจากนี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Thailand Game Show ร่วมกับ Gamescom Asia ซึ่งอาจใช้ชื่อเรียกรวมกันว่า Gamescom Asia Thailand Game Show หรือ Thailand Game Show Gamescom Asia จะเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญ โดยรัฐบาลได้ร่วมลงทุนและอนุมัติงบประมาณสนับสนุนในการจ่ายเงินให้เรียบร้อยแล้ว งานนี้จะจัดต่อเนื่อง 3 ปี และจะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้ชักชวน Gamescom Asia เข้ามา หากจัดงานที่ศูนย์ Digital Content ใน EEC ก็จะกลายเป็นพื้นที่ใหม่ในการสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมเกม แอนิเมชัน คาแร็กเตอร์ หรืออุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ในอนาคต
ขณะเดียวกัน หากสามารถจัดตั้ง Sandbox สำหรับธุรกิจ OTT ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐมนตรี และเชื่อมโยงกับพระราชบัญญัติเกมที่กำลังจะมีการขึ้นทะเบียน กำกับดูแล และส่งเสริมอย่างเป็นระบบได้ ก็จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ในระดับภูมิภาค
ณัฐพล ยังกล่าวถึงการผลักดันพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมเกมซึ่งจะมีทั้งหมด 3 หมวดด้วยกัน หมวดแรกจะเกี่ยวข้องกับการทำอย่างไรให้เกมที่เป็นเกมออนไลน์ เกมแพลตฟอร์ม สามารถอยู่ในประเทศไทยและทำธุรกิจในเมืองไทยโดยไม่ขัดต่อวัฒนธรรม ที่ทาง OFOS มีเจตนารมณ์หรือมีการผลักดันให้วัฒนธรรมไทยสามารถไปต่อได้ ส่วนหมวดส่งเสริมก็จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการดำเนินการ และหมวดสุดท้ายจะเน้นการผสานวัฒนธรรมไทยเข้าไป
depa ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมและได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการ Soft Power และรองนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมเกมควรเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ของอุตสาหกรรมดิจิทัลที่จะเกิดใหม่ในอนาคต โดยจะต้องเร่งปูมฟักกำลังคนสำคัญ และในระหว่างการพัฒนากำลังคนนั้น ควรนำวัฒนธรรม หรือแม้แต่จริตของประเทศไทยเติมเข้าไปในอุตสาหกรรมนี้ บวกกับเทคโนโลยีให้สายตาชาวโลกมองเห็น และคาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตจากมูลค่าปัจจุบัน ที่ดิจิทัลคอนเทนต์มีมูลค่า 40,000 กว่าล้านบาท หรือเกมมีส่วนสนับสนุนอยู่ 30,000 กว่าล้านบาท ขึ้นไปเป็น 1 แสนล้านบาทได้ไม่ยาก ทั้งที่เป็นคนไทยดำเนินการ เพราะอุตสาหกรรมนี้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ด้วยการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนสำคัญของรัฐ ตั้งแต่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ไปจนถึงสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ผ่านแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการสร้างคนผ่านโครงการ OFOS และ Game Academy การสร้างอุตสาหกรรมด้วย พ.ร.บ. ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม และศูนย์รวมในพื้นที่ EEC ตลอดจนการสร้างชื่อเสียงในเวทีโลกผ่านการเป็นเจ้าภาพ Gamescom Asia ประเทศไทยกำลังก้าวเดินครั้งสำคัญบนเส้นทางสู่การเป็นมหาอำนาจด้านดิจิทัลคอนเทนต์และซอฟต์พาวเวอร์ นี่คือการลงทุนเพื่ออนาคตของชาติที่จะปลดล็อกศักยภาพของคนรุ่นใหม่และเขียนหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยให้โลกจดจำ
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
SET – CMDF – Thai Startup: สร้างระบบนิเวศ ปั้นสตาร์ตอัพไทย
เมื่อ AI เข้าใกล้หัวใจมนุษย์มากเกินไป