Share on
×

Share

เปิดมุมมอง “แนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลก และโอกาสของประเทศไทยสู่การเป็น Digital Hub”

สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) และ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในหัวข้อ ‘แนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลกและโอกาสของประเทศไทย’ โดยชี้ให้เห็นแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลก พร้อมโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น Digital Hub โดยการสนับสนุนด้าน AI, IoT และการพัฒนาบุคลากรที่สำคัญเพื่อการแข่งขันในตลาดดิจิทัลระดับโลก

แนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาของเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Hardware & Smart Devices) รวมถึงบริการด้านดิจิทัล (Digital Services) ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลก เทคโนโลยีเหล่านี้ เช่น AI, IoT และระบบ Automation กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจและการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ การที่โลกกำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จำเป็นที่ประเทศต่าง ๆ ต้องเร่งพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดดิจิทัลระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศักยภาพไทยในการก้าวขึ้นเป็น Digital Hub

กษมา กองสมัคร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า การเป็น Digital Hub ของประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ depa แม้ว่าประเทศไทยอาจจะไม่สามารถเป็น Hub อันดับต้นของโลกได้ แต่สามารถเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของเอเชีย โดยมีการมุ่งเน้นการส่งเสริมผู้ประกอบการในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เกษตรอุตสาหกรรม บริการ อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ รวมถึงอุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล เพื่อสร้างวัฏจักรแห่งความสำเร็จ หากเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็ง จะส่งผลให้มีโอกาสขยายฐานสู่ตลาดต่างประเทศต่อไป

แนวทางในการก้าวสู่การเป็น Digital Hub ของประเทศไทย

ผศ.ดร.ศุภชัย วรพจน์พิศุทธิ์ อุปนายกสมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดแคลนกำลังคนในด้านการออกแบบ การผลิต และการส่งออก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเร่งสนับสนุนการสร้างนักพัฒนาเข้าสู่ตลาดโลกอย่างเร่งด่วน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขปัจจุบันที่มีนักพัฒนาเข้าสู่ตลาดโลกเพียง 3,000 คนต่อปี ซึ่งยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความต้องการในอุตสาหกรรมความท้าทายสำคัญของประเทศไทยคือความสามารถในการดึงบุคลากรจากสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว หากสามารถเพิ่มจำนวนบุคลากรเหล่านี้ได้ ประเทศไทยจะมีศักยภาพในการก้าวสู่การเป็น Digital Hub อย่างเต็มรูปแบบ

มุมมองต่อการเป็น Digital Hub ของประเทศไทย

สถาพน พัฒนะคูหา ผู้แทนจากสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) แสดงความเห็นว่า คำว่า Digital Hub เป็นคำที่ค่อนข้างกว้าง หากจำแนกให้ชัดเจนขึ้น จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีความหวังในหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น การเป็นศูนย์กลางการทำงานของบุคลากรในสายงานดิจิทัล โดยเฉพาะต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำงานในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นงานจ้างชั่วคราวหรืองานประจำ รวมถึงกลุ่มที่ทำงานด้านเทคโนโลยีในอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น ภูเก็ตและเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ชัดเจนว่าประเทศไทยทำได้ดีในส่วนนี้อย่างไรก็ตาม ในด้านการเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์และส่งออก ยังเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนา แม้ว่ารีพอร์ตจากธนชาตจะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีการผลิตซอฟต์แวร์จำนวนมาก แต่ในส่วนของการส่งออกยังถือว่าน้อยอยู่ ดังนั้น การจะเป็น Digital Hub ได้อย่างเต็มรูปแบบ ประเทศไทยต้องพัฒนา Eco System อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนากำลังคนที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากประชากรมีจำนวนจำกัด การกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ในการผลิตบุคลากรที่เหมาะสมจะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันในระดับสากลและก้าวสู่การเป็น Digital Hub ได้ในอนาคต

ประเทศไทยกับการก้าวสู่การเป็น Digital Hub ความฝันและความหวัง

ปฐม อินทโรดม กรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีความฝันที่จะเป็น Hub ในหลายด้านมาอย่างยาวนาน “ย้อนไปเมื่อ 10-20 ปีก่อน ผมเคยฝันอยากเป็นครัวของโลก และในปัจจุบัน อาหารไทยก็ได้รับการยอมรับทั่วโลกแล้ว ถือว่าเป็นความสำเร็จหนึ่งที่เกิดขึ้นจริง” เช่นเดียวกับความฝันในการเป็น Hub ด้านการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลในประเทศไทยได้รับความนิยมจากผู้ป่วยชาวต่างชาติมากขึ้น การพัฒนาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา

ด้านดิจิทัล ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยต่างเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ขยับขึ้น 5 อันดับจากอันดับที่ 40 มาอยู่ที่อันดับที่ 35 สำหรับความพร้อมด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยอยู่ในอันดับ Top 15 ของโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัล

ปฐมยังกล่าวเพิ่มเติมว่า DEPA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล) ได้ขับเคลื่อนการพัฒนานี้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร Community, Startups และ Smart City ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการก้าวสู่การเป็น Digital Hub ของโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับการแข่งขันในภูมิภาค โดยเฉพาะจากมาเลเซียที่มีอันดับความสามารถสูงกว่า และสิงคโปร์ที่ครองอันดับหนึ่ง หากประเทศไทยสามารถสร้างพื้นฐานด้านบุคลากรและความรู้ที่แข็งแกร่งได้ โอกาสในการเป็น Digital Hub ในระยะยาวก็มีความเป็นไปได้สูง

ความหวังและความท้าทายของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยในการก้าวสู่การเป็น Digital Hub ระดับโลก

ธนพล ต่อสิทธิเดชกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย กล่าวถึง โอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็น Digital Hub ระดับโลก โดยมองว่า หากประเทศไทยปรับโฟกัสไปที่จุดแข็งเฉพาะด้านและพัฒนานวัตกรรมของประเทศไทยเอง จะช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขัน ผู้ประกอบการในสมาคมดิจิทัลมีความตั้งใจที่จะให้บริการในประเทศและขยายไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องร่วมกันหาแนวทาง

ต่อมาด้านความท้าทายในการปรับตัวของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยท่ามกลางการแข่งขันในอุตสาหกรรมดิจิทัลโลก ความท้าทายสำคัญที่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งประเทศไทยจะต้องหาวิธีในการปรับตัวและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น AI ที่ถูกปรับให้เหมาะกับบริบทในท้องถิ่น (Localized AI) ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนา AI เพื่อแข่งขันในทุกด้านกับตลาดโลกได้ แต่หากประเทศไทยสามารถพัฒนา AI ที่เหมาะสมกับท้องถิ่นได้ ผู้ประกอบการไทยก็จะสามารถมีที่ยืนในตลาดภายในประเทศและสามารถให้บริการ B2B ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน ยังมีบางมิติที่ประเทศไทยต้องขยายการเข้าถึงความต้องการจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสที่สามารถเสริมการเติบโตในอุตสาหกรรมได้ เพราะฉะนั้นการปรับตัวของอุตสาหกรรมไทยจึงจำเป็นต้องมุ่งไปที่การพัฒนาเทคโนโลยี AI, IoT และการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์และระบบ Automation ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพในการให้บริการและการขยายธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยที่สามารถฝ่าฟันผ่านวิกฤตต่าง ๆ มาได้ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความแข็งแกร่ง ซึ่งภาครัฐโดยเฉพาะสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและส่งเสริมความแข็งแกร่งนี้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้อย่างไรต้องรอติดตาม

โอกาสของประเทศไทยยุคดิจิทัล

AI กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจอย่างมาก การค้นหาข้อมูลที่เคยใช้กูเกิลในอดีต ปัจจุบันอาจจบลงที่การใช้ AI แทน ดังนั้น ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อเข้าสู่โลกที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ประเทศไทยมีโอกาสที่สำคัญในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อแก้ไขปัญหาด้านกำลังคน โดยเฉพาะในภาคดิจิทัลที่ยังมีบุคลากรที่จบการศึกษาไม่เพียงพอ ในอดีตการพัฒนาโมเดลต่าง ๆ นั้นยากลำบากและต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางมาก แต่ในปัจจุบันการพัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยสามารถช่วยลดความซับซ้อน ทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาใช้ในกระบวนการทำงานของพนักงานหรือองค์กรต่าง ๆ รวมถึงการปรับเปลี่ยนระบบภายในองค์กรให้ข้อมูลอยู่บนคลาวด์และใช้ลายเซ็นดิจิทัล ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ประเทศไทยสามารถพัฒนาได้

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในด้านดิจิทัลอย่างมาก การพัฒนาและฝึกอบรมหลักสูตรที่มีความเข้มข้นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรในระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยควรเริ่มต้นตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัย เพื่อปลูกฝังความรู้และความสนใจในเทคโนโลยี การสร้างหลักสูตรที่สามารถดึงดูดเยาวชนให้มีความสนใจในด้านดิจิทัลมากขึ้น ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต หากประเทศไทยสามารถพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในระดับเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในระยะยาว ในขณะเดียวกัน การพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง AI, IoT และระบบ Automation ก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัล การพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทาย และใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอนาคตได้อย่างเต็มศักยภาพ

หากประเทศไทยสามารถประเมินและปรับตัวตามแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลกได้อย่างถูกต้อง โอกาสในการเติบโตและการก้าวสู่การเป็น Digital Hub จะเป็นไปได้อย่างมั่นคง การเตรียมความพร้อมในด้านเทคโนโลยีและบุคลากรจะเป็นกุญแจสำคัญที่นำพาประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

NECTEC-ACE2024 โชว์ศักยภาพอุตฯ เซนเซอร์ไทย ผลักดันเทคโนโลยีและงานวิจัย สู่การใช้ประโยชน์จริง

เยือน “บึงกาฬ” เมืองพญานาค เจาะ “โซ่พิสัยโมเดล” ใช้ดีไซน์-ศิลปะแก้ความยากจน

กฤษณ์ จันทโนทก ฉายภาพ บทบาทในการสร้างสังคมและเศรษฐกิจแบบยั่งยืนของ SCB

×

Share

ผู้เขียน