จาก SCBX, SCG Chemicals ถึงสำนักงานกฤษฎีกา เผยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์สร้างวัฒนธรรม AI ตั้งแต่ระดับ ‘ผู้บริหาร’ ถึง ‘หน้างาน’ ชี้หัวใจสำคัญไม่ใช่เทคโนโลยี แต่คือ ‘คน’ และ ‘การแก้ปัญหา’
ขณะที่องค์กรทั่วโลกต่างเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) คำถามสำคัญไม่ได้อยู่ที่ ‘ควรใช้ AI หรือไม่’ อีกต่อไป แต่อยู่ที่ ‘จะนำ AI มาปรับใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน’ ท่ามกลางความท้าทายนี้ องค์กรชั้นนำของไทยจากหลากหลายอุตสาหกรรมได้ก้าวออกมาแบ่งปันประสบการณ์จริง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเทคโนโลยี แต่ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
ภายในงานเปิดตัว Work Trend Index 2025 ของไมโครซอฟท์ ไฮไลต์สำคัญคือเวทีเสวนาที่ 3 องค์กรชั้นนำของไทย คือ เอสซีบี เอกซ์ เอสซีจี เคมิคอลส์ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาแบ่งปันประสบการณ์และกลยุทธ์การนำ AI มาปรับใช้จริงในองค์กรที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับมีหัวใจของความสำเร็จที่คล้ายคลึงกัน
SCG Chemicals: ปฏิวัติจากฐานรากด้วยโครงการ‘I-RE’
ในขณะที่หลายองค์กรเริ่มต้นใช้ AI จากทีมเล็ก ๆ เอสซีจี เคมิคอลส์ กลับเลือกเส้นทางที่ท้าทายกว่า ด้วยการสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค ครอบคลุมพนักงานทุกคนในองค์กร
สัญญา จินดาประเสริฐ Enterprise Digital Director จาก เอสซีจี เคมิคอลส์ กล่าวว่า บริษัททำโครงการ “I-RE” (AI LY – Everything is AI) ตั้งเป้าหมายใหญ่ในการทำให้พนักงาน 5,000 คน ทั้งในส่วนสำนักงาน (White Collar) และโรงงาน (Blue Collar) เข้าใจและใช้ AI เป็นภายใน 3 เดือน ทุกคนไม่เพียงแค่ต้องเรียนรู้ แต่ต้องสอบผ่านในหัวข้อประโยชน์และจริยธรรมของ AI ให้ได้ 100% และต้องลงมือปฏิบัติจริงเป็นกลุ่ม
“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การใช้งาน แต่คือการเปลี่ยน Mindset เราเริ่มต้นด้วยการทำให้ทุกคนเห็นว่า AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาหน้างานได้จริง เรามีกรณีศึกษาที่พนักงานในคลังสินค้าอายุเกือบ 60 ปี สามารถใช้ AI สรุปรายงานการส่งกะได้เอง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมหาศาล นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าหากเราสร้างความเข้าใจ AI จะเป็นประโยชน์กับทุกคน”
ในด้านการกำกับดูแล SCG Chemicals ได้สร้างแพลตฟอร์มภายในชื่อ “I-RE” ที่ทำงานเสมือน ChatGPT เวอร์ชันปลอดภัยขององค์กร เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล และยังฝังคู่มือการปฏิบัติงานเข้าไปใน AI เพื่อให้สามารถอ้างอิงแหล่งที่มาได้ สร้างความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบในการใช้งาน
SCBX: วัฒนธรรมนำเทคโนโลยีกับแนวคิด‘คนคือ Agent Boss’
สำหรับองค์กรในกลุ่มธุรกิจการเงินที่ต้องให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและข้อมูลลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เอสซีบี เอกซ์ เลือกที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโดยมีวัฒนธรรมเป็นแกนกลาง
ลลินทิพย์ เยี่ยมพลพัฒน์ Head of Financial Planning and Data Intelligence บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การทรานส์ฟอร์มต้องเริ่มจากวัฒนธรรม ไม่ใช่เทคโนโลยี “เรากำลังสร้าง AI-First DNA ให้กับองค์กร โดยมีแนวคิดสำคัญว่า ‘คนคือ Agent Boss’ หรือผู้ควบคุมและสั่งการ AI”
ลลินทิพย์ อธิบายว่า SCBX ขับเคลื่อนทั้งจากบนลงล่างและล่างขึ้นบน โดยมีทิศทางที่ชัดเจนจากคณะกรรมการและผู้บริหารสูงสุด ขณะเดียวกันก็มีการจัดตั้ง AI Enablement Committee เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์กลางของกลุ่มบริษัท ลดการลงทุนซ้ำซ้อน และมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น “AI Battle” ประจำปี และ “AI Showcase” ที่จัดขึ้นทุกสัปดาห์เพื่อให้แต่ละบริษัทมาแลกเปลี่ยนความสำเร็จ
“เราไม่ได้เริ่มจากการถามว่าเทคโนโลยีทำอะไรได้บ้าง แต่เริ่มจากการทบทวนกระบวนการทางธุรกิจใหม่ทั้งหมด (Reimagine Process) โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง แล้วจึงนำ AI เข้ามาเสริมในจุดที่เหมาะสม การขับเคลื่อนเช่นนี้ต้องมาจากฝั่งธุรกิจ ไม่ใช่ไอที” ลลินทิพย์ กล่าวเสริม พร้อมชี้ว่าการกำกับดูแลเป็นเรื่องสำคัญ โดยมี SCBX Group AI Policy ที่เน้นเรื่อง Data Privacy และการให้ความรู้พนักงานถึงข้อจำกัดของ AI
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา: เมื่อ AI ขับเคลื่อนภาครัฐและข้ามผ่านกำแพงวัย
ท่ามกลางความเชื่อว่าหน่วยงานราชการจะปรับตัวได้ช้า กรณีศึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิสูจน์ให้เห็นในทางตรงกันข้าม โดยแสดงให้เห็นว่า AI สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้แม้ในองค์กรที่มีโครงสร้างแบบดั้งเดิม
ดร.ณรัณ โพธิ์พัฒนาชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ผลกระทบและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย กองพัฒนากฎฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า AI สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้แม้ในองค์กรที่มีโครงสร้างแบบราชการ ซึ่งเริ่มต้นจากการแก้ปัญหา ไม่ใช่การไล่ตามเทคโนโลยี
“เราเริ่มต้นจากการหา ‘ปัญหา’ ที่เราต้องการจะแก้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกฎหมาย หรือการสร้าง Work-Life Balance ให้ข้าราชการ”
โควิด-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้กฤษฎีกาต้อง Go Digital และไม่เพียงแค่นำมาใช้ภายใน แต่ยังเข้าไปมีบทบาทในการแก้ระเบียบเพื่อให้หน่วยงานรัฐอื่น ๆ สามารถทำงานแบบดิจิทัลได้ ดร.ณรัณเล่าว่า
“การนำ AI มาใช้สรุปการประชุมซึ่งมีคณะกรรมการที่อายุมากถึง 102 ปี เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า หากเทคโนโลยีสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้จริง อุปสรรคเรื่องวัยก็จะหมดไป”
ในด้านการกำกับดูแล กฤษฎีกาเน้นการออกแบบระบบที่ต้องมี Human Intervention ในทุกขั้นตอน และส่งเสริมความโปร่งใสโดยสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่เปิดเผย (Disclaimer) ทุกครั้งที่มีการใช้ AI ในการทำงาน เพื่อสร้างความรับผิดชอบและความเป็นเจ้าของในผลงาน
ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีแต่คือ‘คน’ และ‘ความรับผิดชอบ’
แม้จะมาจากองค์กรที่แตกต่างกัน แต่เหล่าผู้นำกลับมีบทสรุปที่ตรงกันว่า ความสำเร็จในการนำ AI มาใช้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเทคโนโลยี แต่ขึ้นอยู่กับ การเริ่มต้นจากปัญหาที่ชัดเจน การสนับสนุนจากผู้นำ,และการสร้างวัฒนธรรมที่พร้อมเรียนรู้ โดยมี “คน” เป็นศูนย์กลาง และมีกรอบการทำงานที่ “มีความรับผิดชอบ” (Responsible AI) ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นแนวทางที่องค์กรอื่น ๆ ในประเทศไทยสามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
AIS ทุ่ม 4 พันล้าน เปิดตัว ‘THAI Hyperscale Cloud’
SCBX เผย 4 เทรนด์ AI ชี้ทางรอดธุรกิจคือ ‘การประยุกต์ใช้ ไม่ใช่สร้างใหม่’