ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์รอบด้าน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ ไปจนถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม คำว่า “ความยั่งยืน” ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกคนต้องหันมาใส่ใจอย่างจริงจัง และหนึ่งในแนวคิดที่เปรียบเสมือน “ทางออก” และ “โอกาส” ของปัญหานี้ก็คือ เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy
ในเวทีสัมมนา “The Story Thailand Forum 2025: Sustainability on the Age of AI” ยุทธนา เจียมตระการ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม หอการค้าไทย ได้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่น่ากังวลของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก จากข้อมูลชี้ว่ากิจกรรมที่สร้างแรงกดดันต่อความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดคือ การดึงทรัพยากรธรรมชาติออกมาใช้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 63% โดยแบ่งย่อยเป็นการทำฟาร์ม (27%) การประมง (20%) การป่าไม้ (10%) และการทำเหมือง (6%) ตามมาด้วยการแปรรูปทรัพยากรและภาคการผลิตที่ 20% กิจกรรมเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโลกอย่างมหาศาล ทั้งปัญหาการสูญเสียพื้นที่ป่าจากเทคนิคการถางและเผา และปัญหาขยะมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน โลกธุรกิจก็เผชิญความท้าทายอย่างหนัก มีข้อมูลว่ากว่า 90% ของธุรกิจ SME ทั่วโลกไม่สามารถอยู่รอดได้ในช่วง 5 ปีแรก ขณะที่ภาคธุรกิจโดยรวมปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 70% ของปริมาณทั้งหมดทั่วโลก และที่น่าตกใจคือ บริษัทที่ขาดการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เสี่ยงที่จะสูญเสียการลงทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ถึง 60% ผลลัพธ์จากทั้งหมดนี้ได้ก่อให้เกิด 3 วิกฤตการณ์หลักที่เชื่อมโยงกันอย่างแบ่งแยกไม่ได้ คือ

ภาวะฉุกเฉินทางสภาพอากาศ (Climate Emergency) การสูญเสียทางธรรมชาติ (Nature Loss) และความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มสูงขึ้น (Mounting Inequality) ซึ่งผลกระทบนั้นรุนแรงและวัดผลได้ชัดเจน เช่น หากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส แนวปะการังจะหายไป 70-90% และหากร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียส แนวปะการังจะหายไปถึง 99% ส่วนบนบก หากอุณหภูมิสูงขึ้น 3 องศาเซลเซียส จะมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมถึง 41% ที่ต้องสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยไปครึ่งหนึ่ง
ทางออกจากวังวนเดิมคือการก้าวข้ามรูปแบบเศรษฐกิจที่เราคุ้นเคยที่เรียกว่า “เศรษฐกิจเส้นตรง” (Linear Economy) ซึ่งมีหลักการคือ “ใช้-ผลิต-แล้วทิ้ง” (Take-Make-Dispose) ไปสู่แนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular Economy) ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือการออกแบบระบบธุรกิจให้สามารถหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สิ่งสำคัญที่ยุทธนาได้เน้นย้ำคือ Circular Economy ไม่ใช่เพียงกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) แต่คือ “โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่” ที่มุ่งสร้างความสามารถในการแข่งขันและผลกำไร ควบคู่ไปกับการใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ การจะสร้างระบบนี้ให้เกิดขึ้นจริงได้นั้น ต้องอาศัย 3 เสาหลักที่ทำงานร่วมกัน คือ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เทคโนโลยี (Technology) และทัศนคติ (Mindset)

ยุทธนา ได้ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของโมเดลธุรกิจหมุนเวียน 5 รูปแบบหลัก ได้แก่ การใช้วัสดุหมุนเวียน (Circular Supplies) การยืดอายุผลิตภัณฑ์ (Product Life-Extension) การขายสินค้าในรูปแบบบริการ (Product as a Service) การนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ (Resource Recovery) และ แพลตฟอร์มเพื่อการใช้งานร่วมกัน (Sharing Platform)
ตัวอย่างเช่น AGORA DESIGN MAT ซึ่งนำพลาสติกรีไซเคิลมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ ๆ แม้จะเผชิญความท้าทายด้านต้นทุนที่สูงกว่าและการสร้างการรับรู้ในตลาด หรือการใช้เทคโนโลยี
Digital Twin ในยุค AI ซึ่งใช้ IoT เซ็นเซอร์ในการรวบรวมข้อมูล แล้วใช้ AI วิเคราะห์และคาดการณ์เพื่อการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากแบรนด์ต่างๆ เช่น HomePro กับแคมเปญแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ Patagonia กับสโลแกน “Don’t Buy This Jacket” IKEA ที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการส่งของ และ Philips ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แสงสว่าง
ปัจจุบันทิศทางนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีบริษัทสมาชิกหอการค้าไทยถึง 71% ที่ได้ตั้งเป้าหมายด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนแล้ว ซึ่งเป้าหมายอันดับหนึ่งคือการใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุทางเลือก (54%) ขณะที่ตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 583.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตไปถึง 2,882.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2031 บทสรุปที่สำคัญที่สุดจึงอยู่ที่คำกล่าวของยุทธนาที่ว่า
ยุทธนา กล่างทิ้งท้ายว่า “เราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ดังนั้นเราต้องกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา (We are part of the problem, so we must become part of the solution) การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา ภายใต้หลักการ “ทำมากขึ้น โดยใช้ทรัพยากรน้อยลง” (We do more with less) ซึ่งไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นทางรอดที่จำเป็นสำหรับอนาคตของพวกเราทุกคน”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร ถอดรหัสอนาคต AI ที่ไม่ได้มาเพื่อแทนที่ แต่มาเพื่อส่งเสริม ‘ความเป็นมนุษย์’
‘สีเขียวต้องสร้างรายได้’: WHA Group พลิกวิกฤติสิ่งแวดล้อม สู่โอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน
เอปสันเปิดพรินเตอร์-โปรเจกเตอร์ 22 รุ่น หวังการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อ