Share on
×

Share

IBM เปิดตัว “คู่มือเทคโนโลยีด้านความยั่งยืนสำหรับผู้บริหาร” หนุนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

ไอบีเอ็ม ร่วมกับ Ecosystms เปิดตัว “คู่มือเทคโนโลยีด้านความยั่งยืนสำหรับผู้บริหาร” เพื่อช่วยให้ผู้นำองค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ใช้ประโยชน์จากพลังเทคโนโลยี-ธุรกิจ เร่งเครื่องการทรานส์ฟอร์มอย่างยั่งยืน

ข้อมูลจาก Ecosystm เผยว่าองค์กรเอเชียแปซิฟิคที่สำรวจยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการผสานความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจหลัก มีเพียง 21% ที่มีแนวทางเชิงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยความท้าทายด้านข้อมูลรั้งอันดับต้น ๆ ในแง่ความกังวล เนื่องจากการถอดรหัสมุมมององค์รวมแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและความคืบหน้าในการดำเนินการต่าง ๆ ต้องอาศัยข้อมูล ESG ที่ครบถ้วนรอบด้าน ร่วมกับการใช้ AI สนับสนุน โดยมุมมองแบบองค์รวมเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับองค์กรในการชั่งน้ำหนักเลือกแนวทางสู่การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่คุ้มค่ามากที่สุดในเชิงต้นทุน

ข้อมูลจากคู่มือฯ ชี้ให้เห็นว่าความท้าทายสูงสุดที่องค์กรในเอเชียแปซิฟิคเผชิญ คือการบูรณาการข้อมูลระบบออโตเมชันและ AI เข้ากับข้อมูลขององค์กร (48%) ตามด้วยความจำเป็นในการรวบรวมข้อมูลจากระบบภายในหลายระบบ (45%) และการเลือกข้อมูลที่ถูกต้องตามข้อกำหนดการจัดทำรายงาน (42%)

การศึกษาล่าสุดโดยสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของไอบีเอ็ม (IBM Institute of Business Value) ยังพบว่ามีองค์กรเพียง 4 ใน 10 ที่สามารถดึงข้อมูลด้านความยั่งยืนอัตโนมัติได้จากระบบหลัก ๆ อย่าง ระบบ ERP การจัดการสินทรัพย์ขององค์กร CRM การจัดการพลังงาน และการจัดการทรัพยากรอาคาร โดยข้อมูลที่โปร่งใส พิสูจน์ยืนยันแหล่งที่มาได้ และพร้อมต่อการตรวจสอบตลอดเส้นทางห่วงโซ่คุณค่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเพิ่มความน่าเชื่อถือ สร้างความไว้วางใจ และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขององค์กร

ฮันส์ เด็คเกอร์ส กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “องค์กรในเอเชียแปซิฟิคกำลังเผชิญความยากลำบากในการเปลี่ยนวาระด้านความยั่งยืน ให้เป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันทางธุรกิจ เนื่องจากการรวมข้อมูลและมุมมองเชิงลึกด้านความยั่งยืนเข้ากับกระบวนการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานต่าง ๆ ต้องอาศัยข้อมูลคุณภาพสูงและความสามารถในการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง เหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานของการสร้างความไว้วางใจ ทั้งนี้ Generative AI จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำคัญสำหรับการดำเนินการด้านความยั่งยืนบนพื้นฐานของข้อมูล ขณะที่การใช้ไฮบริดคลาวด์จะช่วยอินทิเกรทข้อมูลและสนับสนุนการทำงานร่วมกันของระบบต่าง ๆ อันเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสเกลการดำเนินการด้านความยั่งยืนในวงกว้าง” 

“เทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างการดำเนินการด้านความยั่งยืนให้เป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม วันนี้ IBM พร้อมนำโซลูชันและบริการเข้าสนับสนุนองค์กรทั่วภูมิภาค ให้สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลและ AI ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกด้านความยั่งยืนที่เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ”

ข้อมูลไฮไลต์อื่น ๆ จากคู่มือฯ ยังระบุว่า

  • แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนความยั่งยืน: ในขณะที่ความเข้าใจทั่วไป มองว่าความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้องค์กรนำแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนมาใช้ แต่การศึกษาเผยให้เห็นว่าการพิจารณาในมุมจริยธรรม ผลประโยชน์ทางการเงิน และแนวทางเชิงรุกในปรับตัวตามแลนด์สเคปทางธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนไป เป็นปัจจัยที่มีส่วนต่อการขับเคลื่อนการดำเนินการตามแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
  • เทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญ แต่ต้องดำเนินการอย่างมีโครงสร้าง: 64% ขององค์กรในเอเชียแปซิฟิคยอมรับถึงความจำเป็นในการมีบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยกำหนดแผนงานด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกับโร้ดแม็ปขององค์กร ในขณะที่ 40% กำลังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานและซัพพลายเชน เฟรมเวิร์คที่พิจารณาถึงการดำเนินการทั้งสามระดับมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การสร้างพื้นฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งสำหรับการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสิ่งแวดล้อม และการทำให้ความยั่งยืนเป็นรูปธรรมผ่านการผสานแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ากับเวิร์คโฟลวต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยี
  • ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนเริ่มต้นด้วยการโมเดิร์นไนซ์เทคโนโลยีให้ทันสมัย: ก้าวสำคัญของการลดคาร์บอนฟุตปรินท์ที่ทีมงานด้านเทคโนโลยีในเอเชียแปซิฟิคมองถึง คือการปรับใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ใหม่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย 53% ขององค์กรกำลังดำเนินการในเรื่องนี้ กลยุทธ์ที่มองในมุมกว้างและครอบคลุมถึงการตรวจสอบสินทรัพย์เชิงรุกและการจัดการตลอดไลฟ์ไซเคิล เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะมีส่วนช่วยมากกว่าเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าบนเส้นทางสู่ความยั่งยืนขององค์กร
  • ความกังวลเกี่ยวกับโซลูชัน AI ที่ต้องการข้อมูลจำนวนมาก: แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตของการนำ AI มาใช้จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย แต่เรื่องนี้ก็ยังสร้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การบรรเทาปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้พลังประมวลผลน้อยลงโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้ GPU สำหรับงาน AI และ pre-trained foundation model ที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ซึ่งต้องการข้อมูลน้อยลงและใช้เวลาในการเทรนระบบเร็วขึ้น นอกจากนี้ การออโตเมทการเขียนโค้ดด้วย AI ยังช่วยลดขั้นตอนการประมวลผลและการใช้หน่วยความจำ นำสู่การลดฟุตปรินท์ด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้โซลูชัน AI
  • การลดช่องว่างระหว่างไอที-ธุรกิจ: ความท้าทายสำคัญที่องค์กรเผชิญคือการขาดการมีส่วนร่วมของผู้บริหารในส่วนงานต่าง ๆ โดยเฉพาะการขาดการเชื่อมต่อระหว่างส่วนงานด้านไอทีและธุรกิจ ปัจจุบัน ซีอีโอในเอเชียแปซิฟิค 70% เป็นผู้มีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน โดยมีองค์กรเพียง 22% ที่มีประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน (CSO) โดยเฉพาะ ทีมผู้บริหารทั้งหมดจำเป็นต้องเป็นเจ้าของวาระด้านความยั่งยืนร่วมกัน โดยมี CIO เป็นผู้สนับสนุนการใช้เทคโนโลยี CFO บูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการวางแผนทางการเงิน และ COO ทำหน้าที่เสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน

แซช มูเคอร์จี รองประธานด้าน Industry Insights ของ Ecosystm กล่าวว่า “องค์กรที่น้อมรับการตัดสินใจด้านความยั่งยืนบนพื้นฐานของเทคโนโลยี จะสามารถเปลี่ยนความยั่งยืนจากศูนย์รวมต้นทุนให้เป็นตัวขับเคลื่อนมูลค่า ที่สนับสนุนความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาว พร้อมกับสร้างเลกาซีด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงบวกไว้ให้ การปฏิบัติตามเฟรมเวิร์คด้านความยั่งยืนสามระดับ บนพื้นฐานของเทคโนโลยี รวมถึงเช็คลิสท์ในคู่มือนี้ จะช่วยผู้บริหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคสามารถสร้างวาระด้านความยั่งยืนที่มีความหมายและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการลงมือทำ การจัดการความเสี่ยง และการสร้างความไว้วางใจในหมู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ไปรษณีย์ไทย ปักธง Information Logistics ใช้ data และ digital ลดต้นทุน ลดคาร์บอน

TCP ชี้ “วิกฤติน้ำ” วาระสำคัญที่ภาคธุรกิจต้องเร่งลงมือทำ

×

Share

ผู้เขียน