Share on
×

Share

เส้นทางของฟอร์ด ประเทศไทย เรื่องราวแห่งนวัตกรรมและความเข้าใจผู้บริโภค

ย้อนกลับไป 29 ปีที่แล้วในตลาดรถยนต์ไทย ฟอร์ดไม่ได้เข้ามาเพียงแค่ “ขายรถ” แต่เข้ามาพร้อมกับความตั้งใจที่จะมอบ “ประสบการณ์” ที่จะพาผู้คนออกไปใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรที่ต้องการรถสมรรถนะแกร่งเพื่อลุยงาน ไปจนถึงครอบครัวที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ หรือผู้ที่หลงใหลในความท้าทายแบบออฟโรด ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ เมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงหัวใจสำคัญของแบรนด์ที่ทำให้ฟอร์ดยืนหยัดในตลาดมาอย่างยาวนานและครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 3 ในตลาดรถกระบะและรถอเนกประสงค์ PPV

“ฟอร์ดมองว่าเราไม่ได้แค่ขายรถ แต่ต้องการมอบประสบการณ์ผ่านรถยนต์ ที่พร้อมพาลูกค้าออกไปใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือมีไลฟ์สไตล์แบบไหน รถฟอร์ดพร้อมเคียงข้างทุกเส้นทางชีวิต ด้วยสมรรถนะสุดแกร่งและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่พึ่งพาได้ ทำให้เจ้าของภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้ขับขี่” เมธัสกล่าว  

ปัจจุบัน ฟอร์ดมียอดขายสะสมกว่า 803,352 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568)

เมื่อนวัตกรรมไม่ได้อยู่แค่ในรถ แต่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ฟอร์ดเชื่อว่าการจะอยู่ในใจลูกค้าได้ต้องไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งตลอด 29 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้บุกเบิกรถกระบะแบบ Open Cab รายแรกในไทย การนำถุงลมนิรภัย คานนิรภัยข้าง เบรก ABS และเครื่องยนต์ดีเซล 12 วาล์วมาใช้ และเป็นผู้เล่นเพียงรายเดียวที่สร้างเซกเมนต์ใหม่ด้วย ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์  กระบะสมรรถนะสูงที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่าใคร

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังกล้าที่จะฉีกกรอบด้วยการเปิดตัว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม รถยนต์อเนกประสงค์ราคาเกิน 2 ล้านบาท ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดจองหมดโควตา 350 คันภายใน 4 ชั่วโมง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าพร้อมที่จะจ่ายเพื่อแลกกับความหรูหราและสมรรถนะที่เหนือชั้น

และในปี 2569 ฟอร์ดมีแผนเปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ในปี 2569 ที่จะปฏิวัติวงการกระบะ ด้วยความสามารถที่เหนือกว่าหลายด้าน

การตลาดที่เล่าเรื่องด้วยข้อมูลและเข้าใจคนอย่างแท้จริง

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ฟอร์ดไม่ได้ใช้การตลาดแบบเดิม ๆ แต่ใช้ ข้อมูล (Data-Driven) ในการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม เช่น การใช้แคมเปญอย่าง ‘โปรยิ้มกว้าง’ ที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มเกษตรกรโดยเฉพาะ

ฟอร์ดยังมีจุดแข็งด้านการผลิตด้วยโรงงานผลิตในประเทศไทยถึง 2 แห่งที่จังหวัดระยอง ได้แก่ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (เอเอที) ที่ฟอร์ดได้ร่วมทุนกับมาสด้า ที่ส่งออกรถไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และมีศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ที่มีพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร สามารถสำรองอะไหล่ได้สูงถึง 4.3 ล้านชิ้น ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกทอดทิ้งในเรื่องการบริการ

ด้านการสร้างการรับรู้แบรนด์ ฟอร์ดทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายประเภท อีกทั้งยังมุ่งสานสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า และเฟ้นหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อร่วมสร้างการรับรู้และความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

ฟอร์ดได้ร่วมมือกับดีลเลอร์ทั่วประเทศในการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดออนไลน์ ผ่านการฝึกอบรมการทำคลิปวิดีโอแบบ TikTok และการทำ Live E-commerce เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย

“แม้ในช่วงแรกจะยังไม่สามารถแปลงเป็นยอดขายโดยตรงได้มากนัก แต่ก็ถือเป็นการฝึกให้ดีลเลอร์ก้าวออกจาก Comfort Zone และเรียนรู้การสื่อสารในรูปแบบใหม่ ซึ่งเห็นผลลัพธ์ชัดเจนจากจำนวนยอดวิวของคลิปวิดีโอจากดีลเลอร์ที่ร่วมแคมเปญที่เพิ่มขึ้นจาก 400,000 – 500,000 วิวต่อเดือนเป็น 14 ล้านวิว” เมธัสกล่าว

เมื่อรถยนต์ไม่ใช่แค่เหล็ก แต่คือประสบการณ์ที่ลูกค้าต้องสัมผัส

ฟอร์ดเชื่อว่าการสร้างความรักในแบรนด์ที่ดีที่สุด คือการให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองรถด้วยตัวเอง ซึ่งกิจกรรมอย่าง Raptor Track Experience และการเข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกอย่าง Asia Cross Country Rally ด้วยรถยนต์รุ่นเดียวกับที่ลูกค้าใช้งานจริง ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแกร่งและสมรรถนะของรถยนต์ฟอร์ดอย่างแท้จริง

ความท้าทายในยุคที่ผู้บริโภคกลายเป็น ‘นักล่าดีล’

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์เผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมธัสบอกว่า ฟอร์ดมีการติดตามเทรนด์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับผลิตภัณฑ์และการสื่อสาร โดยพบว่าลูกค้ามีความลังเลมากขึ้นในการซื้อหรือเปลี่ยนรถเพราะโปรโมชันและการลดราคาลงของแบรนด์ นอกจากนี้ลูกค้ายังมี Brand Loyalty ลดลง พร้อมก้าวข้ามความกลัวด้วยการลองรถยนต์ประเภทใหม่ ๆ  รวมถึงรถไฟฟ้าซึ่งมีอัตราการยอมรับเร็วขึ้น ลูกค้ายังกลายเป็น “Deal Hunter” ที่คุยกับพนักงานขายทางออนไลน์มากขึ้น หาโปรโมชันที่ดีที่สุดจากหลาย ๆ โชว์รูม ก่อนไปปิดดีลที่โชว์รูมเป้าหมาย

“เรียกว่าลูกค้ามองหาความคุ้มค่าเหนือราคา งานวิจัย Google ชิ้นหนึ่งพบว่า 80% ของลูกค้าค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียดผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจไปซื้อที่โชว์รูม ทำให้แบรนด์และดีลเลอร์ต้องปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนี้ โดยเฉพาะการทำการตลาดออนไลน์ของดีลเลอร์สำคัญมาก” เมธัสกล่าว

สำหรับยอดขายรถยนต์ในไทยในปี 2567 อยู่ที่ 573,000 คัน และปี 2568 คาดว่าจะใกล้เคียงกัน

ตลาดไทยยังไม่ตอบรับรถกระบะไฟฟ้า

สำหรับแนวโน้มตลาดรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทย เมธัสกล่าวว่า ฟอร์ดมองว่าตลาด EV ยังมีความผันผวนด้านราคา แม้ฟอร์ดจะผลิตและจำหน่ายในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แต่ยังมองว่าไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะนำมาทำตลาดในไทย เนื่องจากลูกค้ายังคงมีความกังวลหลัก ๆ เช่น ความสะดวกในการชาร์จ ที่อาจไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เช่น การลุยป่าหรือพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีสถานีชาร์จ EV เหมาะกับคนเมืองมากกว่ารถกระบะที่เน้นสมรรถนะและการใช้งานหนัก

นอกจากนี้ ยังกังวลเรื่องต้นทุนในการเป็นเจ้าของ (Cost of Ownership) รวมถึงราคาน้ำมันเทียบไฟฟ้า ความทนทานในการใช้งาน การซ่อมบำรุง ราคาแบตเตอรี่ และมูลค่าการขายต่อ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดรถกระบะไฟฟ้ายังไม่เติบโตเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

Fun Fact ที่น่าสนใจจากฟอร์ด

นอกจากข้อมูลเชิงกลยุทธ์แล้ว เมธัสยังแชร์ Fun Fact ที่น่าสนใจเกี่ยวกับฐานลูกค้าของฟอร์ด เช่น

  • สีดำคือสีที่ขายดีที่สุดของฟอร์ดในภาพรวม แต่สำหรับรุ่น เรนเจอร์ แร็พเตอร์  นั้น สีส้ม Code Orange กลับเป็นสีที่มียอดขายดีที่สุด
  • แม้รถยนต์ฟอร์ดจะเน้นความแข็งแกร่ง แต่สัดส่วนลูกค้ากลับใกล้เคียงกัน โดยลูกค้าชายอยู่ที่ 60% และลูกค้าหญิงอยู่ที่ 40%
  • โปรไฟล์ลูกค้าฟอร์ดส่วนใหญ่คืออายุ 30-50 ปี  อาชีพหลักคือเจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัท และเกษตรกร
  • กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น
  • ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มียอดขายเป็น อันดับ 1 ในเซกเมนต์ PPV ที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากชาวต่างชาติชื่นชอบรถที่มีสมรรถนะสูง
  • ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับความนิยมอย่างสูงในจังหวัดจันทบุรี ในกลุ่มเจ้าของสวนทุเรียน ซึ่งมองว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งาน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘น่าอยู่’ (NaYoo) แพลตฟอร์มไทยที่เข้าใจหัวอกคนอยากมีบ้าน

รับมือ AI Overview: กลยุทธ์ SEO เมื่อทราฟฟิกไม่เข้าเว็บไซต์

×

Share

ผู้เขียน