Share on
×

Share

Girl in STEM: ปลดล็อกศักยภาพปั้นนักนวัตกรรมหญิงไทยสู่วงการวิทย์

ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยเด็กผู้ชาย อาจมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เก็บงำคำถามไว้ในใจเพราะกลัวว่าจะดูไม่ฉลาด หรือในชั่วโมงคอมพิวเตอร์ อาจมีเด็กสาวที่หลงใหลการเขียนโค้ดแต่ไม่กล้ายกมือตอบเพราะเพื่อนล้อว่าเป็นเรื่องของผู้ชาย

นี่คือ ‘เสียงที่ไม่ได้ยิน’ ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นในโลกของ STEM (Science, Technology, Engineering, and Mathematics) ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพแห่งอนาคต แต่กลับมีช่องว่างทางเพศที่น่ากังวล

เพื่อทลายกำแพงเหล่านี้และจุดประกายความฝันให้กับเยาวชนหญิง Sea (ประเทศไทย) จึงได้ร่วมกับพันธมิตรหลักอย่าง InsKru, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ a-chieve สานต่อโครงการ “Women Made: Girl in STEM” เป็นปีที่ 2 สร้างพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจให้เด็กผู้หญิงและคุณครูได้ค้นพบว่า…วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นของทุกคน

เบื้องหลังกำแพงที่มองไม่เห็น

แม้ STEM จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนวัตกรรม แต่รายงาน Global Gender Gap Report 2025 โดย World Economic Forum ได้ฉายภาพความจริงที่น่าตกใจว่า ทั่วโลกมีผู้หญิงในสายอาชีพ STEM เพียง 28.2% และมีโอกาสก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงได้เพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้น

สำหรับประเทศไทย สถานการณ์ก็ไม่ต่างกัน กรอบคิดของสังคมที่มองว่าผู้ชายเหมาะสมกับอาชีพสาย STEM มากกว่า ได้หยั่งรากลึกในระบบการศึกษามายาวนาน การที่สื่อส่วนใหญ่นำเสนอภาพนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรเป็นผู้ชาย ทำให้เด็กผู้หญิงซึมซับโดยไม่รู้ตัวว่า “ที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของเรา” แม้งานวิจัยจะชี้ว่าเด็กหญิงในวัยประถมมีความสนใจด้าน STEM ไม่ต่างจากเด็กชาย แต่ความสนใจนั้นกลับค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อพวกเธอเติบโตขึ้น ท่ามกลางอคติทางเพศและการขาดต้นแบบที่จับต้องได้ กำแพงเหล่านี้ได้ปิดกั้นศักยภาพของเด็กผู้หญิงจำนวนมากไม่ให้พวกเธอกล้าที่จะก้าวเดินบนเส้นทางนี้อย่างเต็มภาคภูมิ

STEM กับภาพใหญ่ของประเทศ: ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือความจำเป็น

ในขณะที่ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่ยุคเศรษฐกิจ Thailand 4.0 ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง และโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green) การสร้างบุคลากรสาย STEM ที่มีความหลากหลายจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ การที่เราสูญเสียศักยภาพของประชากรหญิงในสายงานนี้ไป เปรียบเสมือนการลงแข่งในสนามนวัตกรรมโลกโดยใช้ผู้เล่นเพียงครึ่งเดียว

พุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า “STEM เป็นกลุ่มอาชีพที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เราจึงสานต่อโครงการนี้เป็นปีที่สอง เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใด สามารถก้าวบนเส้นทางนี้อย่างมั่นใจ และที่สำคัญ เราต้องการส่งเสริมบทบาทครูในฐานะผู้สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้องค์ความรู้ STEM เป็นเรื่องสนุก เข้าใจง่าย และใกล้ตัวสำหรับเด็กทุกคน”

หนึ่งวันแห่งการ ปลดล็อกที่เปลี่ยนความคิดไปตลอดกาล

Girl-in-STEM-NSTDA

ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร นักเรียนหญิงระดับมัธยมศึกษา 138 คน และคุณครู 45 คน ได้มารวมตัวกันในกิจกรรม Day camp ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ “ปลดล็อกศักยภาพ” ตลอดทั้งวัน บรรยากาศเต็มไปด้วยพลังและความกระตือรือร้น ผ่าน 5 กิจกรรมไฮไลต์ที่สร้างประสบการณ์เปลี่ยนมุมมอง

วันเริ่มต้นด้วยวงเสวนา “Let Girl in STEM” ที่ภาพของความสำเร็จไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตำรา แต่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในรูปแบบของรุ่นพี่ผู้หญิงตัวจริงเสียงจริงจากหลากหลายวงการ พวกเธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถเปล่งประกายในโลก STEM ได้อย่างสง่างาม

จากนั้น ความคิดสร้างสรรค์ก็เบ่งบานในเวิร์กช็อป “นักสร้างนวัตกรรมอาหาร” โดย สวทช. ที่น้อง ๆ ไม่เพียงได้เรียนรู้ทฤษฎี แต่ได้ลงมือระดมสมองสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อย่าง “ไอศกรีมโปรตีนสูงจากจิ้งหรีด” แสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์คือการแก้ปัญหาที่สนุกและใกล้ตัว

และช่วงเวลาที่ทรงพลังที่สุดอาจเป็นกิจกรรม Human Library ที่น้อง ๆ ได้ “ยืม” คน มานั่งคุยอย่างใกล้ชิด อาจเป็นวินาทีที่ AI Engineer หญิงเล่าว่าโค้ดบรรทัดแรกที่เธอเขียนนั้นผิดพลาดนับครั้งไม่ถ้วน แต่ความสนุกคือการได้แก้ปัญหานั้น หรือตอนที่ Game Developer เล่าว่าแรงบันดาลใจในการสร้างเกมมาจากตุ๊กตากระดาษที่เคยเล่นในวัยเด็ก ช่วงเวลาเหล่านี้คือจิ๊กซอว์ที่ค่อย ๆ ประกอบสร้างความมั่นใจให้น้อง ๆ ว่า “ตัวตนของเราก็เป็นส่วนหนึ่งของโลก STEM ได้”

วันแห่งแรงบันดาลใจปิดท้ายด้วยกิจกรรม “จดหมายบ่ายวันศุกร์” ที่ทุกคนได้เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ และตั้งเป้าหมายที่จะส่งต่อพลังบวกนี้กลับไป

เสียงสะท้อนแห่งความเปลี่ยนแปลง

ความสำเร็จของโครงการไม่ได้วัดจากจำนวนผู้เข้าร่วม แต่คือประกายตาที่เปลี่ยนไปของน้อง ๆ และคุณครู

ธนภรณ์ ดาศรี นักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี เล่าว่า “การได้คุยกับรุ่นพี่ทำให้เรารู้จักอาชีพที่สนใจมากขึ้น และวางแผนอนาคตได้ ที่สำคัญมันช่วยปลดล็อกความกลัวในการก้าวสู่ชีวิตผู้ใหญ่ และสร้างความมั่นใจในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ”

เช่นเดียวกับ ชวิศา เอี่ยมวนานนทชัย นักเรียนชั้น ม.4 จากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี ที่กล่าวว่า “กิจกรรมนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญ เมื่อได้เห็นรุ่นพี่ผู้หญิงประสบความสำเร็จ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงก็เป็นกำลังสำคัญในเส้นทางนี้ได้เช่นกัน”

พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ยังถูกส่งต่ออย่างยั่งยืนผ่านคุณครูผู้เป็นประตูแห่งโอกาส ณัฐกานต์ รัตนสังข์ คุณครูจากโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี และ เมธา โพธิ์พะเนาว์ คุณครูจากโรงเรียนสุรวิวัฒน์ มทส. สะท้อนมุมมองตรงกันว่า กิจกรรมนี้ไม่เพียงเปิดโลกทัศน์นักเรียน แต่ยังมอบทักษะและแรงบันดาลใจให้ครูนำไปต่อยอดการสอนในห้องเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากหนึ่งวันสู่เส้นทางตลอดชีวิต: ก้าวต่อไปของ Girl in STEM

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว โครงการนี้จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ก้าวต่อไปคือการสร้างระบบนิเวศที่เกื้อหนุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายออนไลน์สำหรับผู้เข้าร่วม โครงการพี่เลี้ยง (Mentorship Program) ที่เชื่อมโยงรุ่นพี่กับรุ่นน้อง เพื่อให้แน่ใจว่าประกายไฟที่ถูกจุดขึ้นในวันนี้ จะไม่มอดดับไปตามกาลเวลา

ความสำเร็จของ ‘Women Made: Girl in STEM’ คือบทพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้ แต่การจะสร้างสังคมนวัตกรรมที่ยั่งยืนนั้นต้องการพลังจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชนที่สามารถเปิดรับนักศึกษาหญิงฝึกงาน, มหาวิทยาลัยที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้นักศึกษาได้แสดงความสามารถ หรือแม้แต่คนในครอบครัวที่เพียงแค่กล่าวคำว่า ‘ลูกทำได้’ ก็อาจเป็นเชื้อไฟที่จุดประกายให้นักนวัตกรรมหญิงคนต่อไปของโลกได้เช่นกัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

AD ADDICT เปิดตัว ‘ซูเปอร์ม้วฟ’ มาสคอต CEO คนใหม่ เดินหน้าภารกิจสร้างความสนุกให้คนเอเจนซ

True x Butterbear ส่งคอลเล็กชันพิเศษให้ลูกค้าทรูและดีแทคเป็นเจ้าของง่าย ๆ ได้แล้ววันนี้

×

Share

ผู้เขียน