Share on
×

Share

SIAM1928 เปิดตัวน้ำหอมคอลเลคชันใหม่ ‘จตุมหาราชิกา’ ปรุงกลิ่นไทยขจรไกลทั่วโลก

จาก ‘น้ำอบปรุงเจ้าคุณ’ ผู้ผลิตและค้าส่งน้ำหอมไทยโบราณ ในร้านทิพยโอสถสถาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2471 (1928) ซึ่งทางทายาทได้เก็บรักษาสูตรและผลิตจำหน่ายอย่างต่อเนื่องมายาวนาน จวบจนปัจจุบันน้ำอบปรุงเจ้าคุณ ยังมีวางจำหน่ายในร้านสังฆภัณฑ์กว่า 100 ร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และประเพณีไทย เช่น สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ขอพร

ต่อมาช่วงปี 2018 – 2019 ณัท เวชชศาสตร์ ทายาทผู้สืบทอดสูตรน้ำอบปรุงเจ้าคุณรุ่นที่ 4 และมีแรงบันดาลใจจากการผลิตน้ำปรุง ต้องการเผยแพร่น้ำปรุงไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จึงเริ่มพัฒนาสูตร รวมถึงบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย และใช้เป็นน้ำหอมได้ ในฐานะสุคนธกร หรือนักปรุงน้ำหอม (Perfumer) จึงปรุงน้ำหอมด้วยตัวเองเพื่อให้เป็นน้ำหอมที่มีความน่าสนใจทั้งเรื่องกลิ่น และภาพลักษณ์ กระทั่งกลายเป็นน้ำหอมกลิ่นเฉพาะของไทยที่บรรจุในขวดเซรามิกแบรนด์แรกของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ SIAM1928 ที่ณัทก่อตั้งขึ้นโดยอิงปี ค.ศ.1928 ที่น้ำอบปรุงเจ้าคุณถือกำเนิด รวมกับชื่อ “สยาม” ของประเทศไทยสมัยก่อน

ทั้งนี้ แบรนด์ SIAM1928 ในฐานะผู้สร้างสรรค์บทกวีด้วยกลิ่น เป็นอวจนะภาษาที่ถ่ายทอดออกมาสู่ผู้รับให้นำไปจินตนาการต่อยอดไม่รู้จบ ดำเนินการโดยบริษัท ทิพยโอสถสถาน จำกัด ที่ตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2562 เพื่อขยายตลาดน้ำอบปรุงเจ้าคุณ และน้ำหอมแบรนด์ SIAM1928 ไปทั่วโลก

Catumaharajika Luxury Niche บุกตลาดโลก

ล่าสุด ได้เปิดตัวน้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ ชุดจตุมหาราชิกา (Catumaharajika Collection) Limited Edition ที่ใช้เวลาสร้างสรรค์เกือบ 1 ปี และเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ได้ Collab กับ Iconic perfumer นักปรุงน้ำหอมแถวหน้าของไทย 4 แบรนด์ดังในกลุ่ม Luxury Niche ผู้ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาร่วมถ่ายทอดกลิ่นในแบบของตัวเอง

“เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้ลงมือปรุงกลิ่นด้วยตัวเอง แต่ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบแนวคิด และมอบหมายให้นักปรุงน้ำหอมชาวไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาร่วมถ่ายทอดกลิ่นในแบบของตนเอง ความพิเศษของคอลเลคชันนี้อยู่ที่การจับคู่เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่ทิศจากสวรรค์ชั้นแรก หรือจาตุมหาราชิกาเข้ากับนักปรุงแต่ละคน โดยใช้คาแรกเตอร์ของเทพเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปของกลิ่นที่ลึกซึ้งและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว”

คอลเลกชันนี้จะวางจำหน่ายในรูปแบบ Limited Edition เพราะวัตถุดิบที่เลือกใช้เป็นวัตถุดิบหายาก มีจำนวนจำกัด และมีราคาสูง แต่ละกลิ่นมีเพียง 150 ขวด รวม 600 ขวด คาดว่าจะจำหน่ายได้ประมาณ 200-300 ขวดภายในครึ่งหลังของปี 2568 ราคาขวดละ 12,500 บาท หรือ 395 ดอลลาร์สหรัฐ

จุดเด่นของคอลเลคชันนี้อยู่ที่แนวทางการสร้างสรรค์ที่เปิดพื้นที่ให้กลิ่นแต่ละกลิ่น “เป็นตัวของตัวเอง” อย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบแนวคิดทางวัฒนธรรมไทย นักปรุงแต่ละคนไม่ได้รับเพียงโจทย์เชิงสัญลักษณ์ แต่ได้รับอิสระในการตีความผ่านประสบการณ์ส่วนตัว มุมมองทางศิลปะ และภาษากลิ่นที่ตัวเองถนัด ก่อเกิดผลงานมีชีวิต มิติ และอารมณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจน

ผนึก 4 แบรนด์ดังเปิดประตูสวรรค์ชั้นแรก

Catumaharajika Collection
ณัท เวชชศาสตร์ ทายาทผู้สืบทอดสูตรน้ำอบปรุงเจ้าคุณรุ่นที่ 4  กับ 4 นักปรุงน้ำหอมไทยระดับโลก

คอลเลกชันนี้เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่สรวงสวรรค์ เป็นการเริ่มต้นแนวคิดจากโลกสู่สวรรค์ เพราะจตุมหาราชิกา หมายถึง สวรรค์ชั้นที่ 1 ตามตำนาน เป็นสวรรค์ชั้นพิเศษที่มีเทพผู้ปกครอง 4 องค์ พิทักษ์สี่ทิศ และสอดคล้องกับการร่วมมือครั้งแรกของ SIAM 1928 กับ 4 นักปรุงน้ำหอมแถวหน้า นำเสนอวัฒนธรรมไทยในมุมมองใหม่ผ่าน 4 กลิ่น

ประกอบด้วย กลิ่นจตุมหาราชิกาทิศใต้ “ท้าววิรูฬหก” โดย อนันต์สิทธิ์ วงศ์กรวณิชย์ จากแบรนด์ Odyssey บอกว่า ท้าววิรุฬหกเป็นเทพผู้ปกครองครุฑ ผู้สร้างนรกแห่งแรก และเป็นพญายมราชองค์แรกของไทย มีทั้งความขึงขังจริงจัง แต่ก็มีความสงบสุขในตัว เป็นการผสานความร้อนและความเย็นแบบหยินหยางอย่างลงตัว จึงตีความกลิ่นให้มีองค์ประกอบของความน่าเกรงขามและความน่าจดจำ โดยใช้กลิ่นโลหะของคอปเปอร์ (ทองแดง) ที่ให้ความรู้สึกเย็นซาบซ่าน ผสมผสานกับกลิ่น Animalic (Castoreum) ที่มีปลายแหลมคม และปิดท้ายด้วยกลิ่นไม้กฤษณา (Oud) ที่สื่อถึงพลังอำนาจที่พวยพุ่ง ต้องการให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกตกใจ เปรียบเสมือนเป็น “นรกที่มีชีวิตชีวา”

กลิ่นจตุมหาราชิกาทิศตะวันออก “ท้าวธตรฐ” โดย ศรุจ ตั้งธราธร ผู้ก่อตั้ง Skonx Perfumery เล่าว่า ท้าวธตรฐเป็นเทพแห่งศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม และความอุดมสมบูรณ์ ทิศตะวันออกเป็นทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ พืชพรรณธัญญาหาร ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ผลิ ที่มีแรงบันดาลใจจากทิศตะวันออกที่อุดมสมบูรณ์

กลิ่นหลักคือ ดอก Immortelle (ดอกไม้เหลือง) หมายถึงความเป็นอมตะ เหมาะกับความเป็นเทพ เสริมด้วยเครื่องเทศและผลไม้จากทางตะวันออกและเอเชีย เช่น ขิง เมล็ดกระวาน ส้มโอ และดอกซ่อนกลิ่น (Tuberose) เพื่อสื่อถึงความเป็นนักดนตรีของคนธรรพ์ ความเป็น “ร็อกสตาร์” จึงเลือกใช้ Amber Note ที่มีประสิทธิภาพโดดเด่น กลิ่นโดยรวมจึงเป็น Floral Amber ที่ลึกซึ้งและหลากหลายมิติ ใช้วัตถุดิบแบบเอเชียที่เข้ากับ Heritage ของแบรนด์ SIAM1928

กลิ่นจตุมหาราชิกาทิศตะวันตก “ท้าววิรูปักษ์” โดย ธาดา อาชาวงศ์ จากแบรนด์ Tada Parfumeur ถ่ายทอดว่า ท้าววิรูปักษ์เป็นเทพผู้ปกครองพญานาค มีอาวุธประจำกายคือธนู สามารถมองเห็นความดีความชั่ว จึงตีความถึงความเด็ดขาด ความคมเป็นเทพผู้มีอำนาจและเป็นผู้พิทักษ์ อาศัยอยู่ในป่าดงดิบ กลิ่นจึงสื่อถึงป่าดิบทั้งป่าที่ดิบ ชื้น สงบนิ่ง ผสมผสานความแหลมคมและความสุขุม กลิ่นหลักเป็นโทน Chypre

และกลิ่นจตุมหาราชิกา ทิศเหนือ “ท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ” โดย ปฤณ ลมรส เจ้าของ 3 แบรนด์ดัง Stranger Parfumerie, PRINN, Parfum Prissana เล่าว่า ท้าวเวสสุวรรณเป็นเทพผู้ปกครองเผ่าอสูรและยักษ์ เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ บารมี ความยิ่งใหญ่ และผู้รักษาทรัพย์สมบัติ ซึ่ง “สุวรรณ” แปลว่า ทอง จึงเชื่อมโยงกับเครื่องบูชาทองและดอกไม้สีทอง เช่น ดอกดาวเรือง ดอกหอมหมื่นลี้ ดอกจำปา และดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับความ Luxury และความศักดิ์สิทธิ์ เช่น มะลิ ผสมกับไม้ราคาแพง อย่างไม้จันทน์หอม (Sandalwood) จากออสเตรเลีย และไม้กฤษณา การปรุงเน้นความ Animalic และลึกลับ

กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เน้นผู้มองหาประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าสินค้า และผู้ที่ให้คุณค่ากับวัฒนธรรมเฉพาะตัว และเรื่องราวที่ลึกซึ้ง โดยเน้นตลาดโลกเป็นหลัก เพราะมีความพร้อมมากกว่า ทั้งในแง่ของความเข้าใจ ความเปิดกว้าง และกำลังซื้อ เป็นกลุ่มคนทำงานที่มีเงินระดับหนึ่ง รวมทั้งผู้ชื่นชอบน้ำหอม ยินดีสะสมผลงานแม้จะไม่ได้มีฐานะมากมายนัก

ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยผ่านกลิ่น

ณัท เล่าแรงบันดาลใจในที่มาของชื่อคอลเล็กชันว่า ต้องการหยิบยกเรื่องราวในวรรณคดีและวัฒนธรรมไทยที่คนยังไม่ค่อยได้พูดถึง หรือรู้จักน้อยมานำเสนอ เพราะเห็นว่า ยังมีเทพองค์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมาก ไม่ได้มีเพียงทศกัณฐ์ หนุมาน และเคยออกน้ำหอม ‘กากี’ ‘เวนไตย’ นำร่องมาแล้ว ก่อนจะเข้าสู่สรวงสวรรค์ชั้นแรกในครั้งนี้

ทั้งยังมีแผนจะหยิบเรื่องราวสวรรค์ชั้นถัด ๆ ไปมาพูดถึงต่อไป เป็นอวจนะจากการรังสรรค์บทกวีด้วยกลิ่น จากความเชื่อว่ากลิ่นสามารถ สร้างจินตนาการให้แก่ผู้คนได้อย่างไม่รู้จบ เท่ากับเป็นการอนุรักษ์และถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยในมุมมองที่แปลกใหม่และน่าสนใจผ่านศาสตร์แห่งกลิ่น ซึ่งเดิมเคยออกคอลเล็กชั่นใหม่ปีละหลายครั้ง แต่กำลังปรับช่วงเวลาออกไป เพื่อให้น้ำหอมแต่ละกลิ่นอยู่ในตลาดนานขึ้น สร้างความรับรู้ได้มากขึ้น

หนุนเป้าหมายเติบโต 70%

การเปิดตัวคอลเลคชันนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขับเคลื่อนธุรกิจของ SIAM1928 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 50-70% เมื่อเทียบกับปี 2567 จากการเริ่มต้นธุรกิจในปี 2562 ด้วยยอดขาย 1 ล้านบาท

ณัท มั่นใจว่า การเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักจากการขยายตลาดต่างประเทศ การเปิดตัวกลิ่นใหม่ และการได้รับรางวัลระดับนานาชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และความเชื่อมั่นในระดับสากล ซึ่งรายได้ 85% มาจากการขายในต่างประเทศ และ 15% จากการขายภายในประเทศ

แรงหนุนจากรางวัลคือ ล่าสุดน้ำหอม ‘Mekha Aranya’ (เมฆาอารัญ) ที่เชื่อมโยงศาสตร์และผสมผสานความหลากหลายของวัฒนธรรมไทยผ่านกลิ่นน้ำหอม คว้ารางวัลระดับโลก The Winner ในสาขา Artisan จากเวที Art and Olfaction Awards 2025 ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผลงานจากประเทศไทยคว้ารางวัลในหมวดหลักของเวทีระดับนานาชาติ และปีนี้ SIAM1928 เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับรางวัลร่วมกับแบรนด์จากไต้หวัน ภายใต้ระบบ Blind Judging ที่กรรมการไม่ทราบชื่อผู้เข้าประกวด เพื่อความเป็นกลางและบริสุทธิ์ในการตัดสิน

“การได้รับรางวัลในครั้งนี้นอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจให้กับคนไทยแล้ว ยังเป็นเครื่องการันตีว่า น้ำหอมสัญชาติไทย ได้รับการยอมรับในระดับเวทีโลก และสร้างความมั่นใจให้กับเราในการพัฒนาน้ำหอมในกลุ่มที่เป็น Artisan และ Niche ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดโลก”

ณัท ยังมองแนวโน้มตลาดเอเชีย และยุโรปตะวันออกมีโอกาสอีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาน้ำหอมที่มีวัฒนธรรมลึกซึ้งและไม่ซ้ำใคร ในแบบของ Artisan และ Niche ซึ่งตลาดต่างประเทศมีความพร้อมมากกว่าสำหรับน้ำหอมกลุ่มนี้ ทั้งในแง่ของความเข้าใจ ความเปิดกว้าง และกำลังซื้อ

“ผู้บริโภคในยุโรป สหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น มีประสบการณ์กับ Niche Fragrance มานาน จึงสามารถเข้าถึงและให้คุณค่าในรายละเอียดของกลิ่น รวมถึงที่มาทางวัฒนธรรมได้ชัดเจน ตลาดที่ทำยอดขายสูงสุดคือ สหรัฐฯ รองลงมาคือ จีน ยอดขายต่างประเทศเติบโตเฉลี่ย 20-25% ต่อปีจากการยอมรับในกลุ่ม craft fragrance”

ขณะที่ตลาดไทยยังถือว่าเป็นตลาดที่เพิ่งเริ่มต้นสำหรับน้ำหอมแนวนี้ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังคุ้นชินกับแบรนด์แมส กลิ่นที่ใช้บ่อยในเชิงแฟชั่น หรือกลิ่นที่เน้นความหวานและความคุ้นเคย ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจ เพื่อที่จะขยายตลาดในประเทศไทยต่อไป โดยยอดขายในประเทศมีทั้งคนไทย และต่างชาติ มีแนวโน้นคนไทยเปิดใจให้แก่น้ำหอม Craft แบรนด์ไทยมากขึ้น

ปัจจุบัน SIAM1928 มีตัวแทนจำหน่ายทั้งรูปแบบออนไลน์และหน้าร้านรวม 22 แห่ง ใน 9 ประเทศทั่วโลก ประกอบด้วย ไทย จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส UAE ลิเบีย ฮังการี และแบรนด์กำลังอยู่ในขั้นตอนส่งออกไปรัสเซีย คาดว่าจะเริ่มวางขายช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า craft fragrance ซึ่งรัสเซียเป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่

น้ำหอม Artisan และ Niche โต 8.5%

จากรายงานล่าสุดของ Market Report World ระบุว่า ตลาดน้ำหอมประเภท Artisan และ Niche มีมูลค่าราว 2.74 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 และคาดว่าจะขยายตัวถึง 5.73 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2577 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.5% ต่อปี สูงกว่าตลาดน้ำหอมโดยรวมที่เติบโตเฉลี่ยราว 5–6% โดยตลาดนี้มีอัตราการเติบโตสูงในกลุ่มประเทศเอเชีย ยุโรป ยุโรปตะวันออก และสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ในกลุ่มของ Luxury Niche ซึ่งรวมถึงแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ชัดเจน งาน craft สูง และใช้วัตถุดิบพรีเมียม คาดว่ามีมูลค่าถึง 4.28 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 และคาดว่าจะเติบโตสู่ 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2576 ที่อัตราการเติบโต 13.2% ต่อปี

ปัจจุบันผู้นำตลาดในกลุ่ม Luxury Niche ที่เป็นแบรนด์หลักโดยครองส่วนแบ่งสำคัญ ประกอบด้วย Le Labo, Diptyque, Byredo, Creed และ Maison Francis Kurkdjian ซึ่ง Le Labo มีสัดส่วนราว 12.8% และ Diptyque ประมาณ 11.3%

อย่างไรก็ตาม ตลาด Niche ยังคงเปิดกว้างสำหรับแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจน มีวัฒนธรรมเฉพาะตัว และสามารถเล่าเรื่องได้ลึกซึ้ง ซึ่งณัทมองว่า แบรนด์จากเอเชียและประเทศไทยมีศักยภาพมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าสินค้า

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

กลยุทธ์มัดใจลูกค้า Gen Z: ถอดบทเรียนจาก WGSN กูรูเทรนด์โลก

สศส. – เพชรบุรี ต่อยอดวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น ประกวดรสเพ็ดรีประจำบ้าน หวังสืบทอดสู่คนรุ่นใหม่

×

Share