Share on
×

Share

โครงการ CASE ผนึกพันธมิตร ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ประชาชน

โครงการพลังงานสะอาด เข้าถึงได้และมั่นคงสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Clean, Affordable, and Secure Energy for Southeast Asia: CASE) โดยการสนับสนุนขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานพันธมิตร 20 หน่วยงาน จัดงาน “Energy เอเนอจิ้น : จินตนาการเพื่อพลังงานที่เป็นมิตรต่อชีวิตและโลก” ระหว่างวันเสาร์ที่ 25 และวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2566 ณ ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปสู่ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายด้านพลังงานของประเทศ

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตของผู้คน มีการคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคตอาจทำให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มสูงขึ้นทะลุ 1.5°C ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วม ภัยแล้ง พายุและภัยธรรมชาติอื่น ๆ บ่อยครั้งขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็ได้ขานรับกับการปรับเปลี่ยนเพื่อบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยเฉพาะในภาคพลังงานซึ่งเป็นภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่น ๆ

ดังนั้น การเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมไปถึงการประหยัดพลังงานจึงเป็นทางลัดที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากที่สุด

กรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย ได้ร่วมแคมเปญวัน Earth Hour ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม ด้วยการเชิญชวนให้ประชาชนปิดไฟที่ไม่จำเป็น เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 20.30 – 21.30 น. ร่วมกับเมืองต่าง ๆ กว่า 7,000 เมืองทั่วโลก

กิจกรรมนี้สะท้อนความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนรวมถึงประชาชน โดยในปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่กิจกรรมดังกล่าว ได้ต่อยอดและขยายไปสู่การขับเคลื่อนความร่วมมือในการผลักดันเรื่องพลังงานที่เป็นมิตรต่อโลก เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”

วัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงพลังของความร่วมมือในการขับเคลื่อนเรื่องพลังงานที่เป็นมิตรต่อโลกแล้ว ยังมุ่งหวังให้สาธารณะและผู้กำหนดนโยบายมองเห็นทิศทางและความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ที่ไทยได้ให้คำมั่นสัญญาไว้

ตัวแทนนักวิจัยโครงการ CASE ดร.สิริภา จุลกาญจน์ เผยผลการศึกษา “เส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในภาคพลังงาน 2050” สำหรับประเทศไทย ในเวทีสนทนา “Energy Conversation : เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของประเทศไทย” เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของการกำหนดนโยบายด้านพลังงานอย่างเข้มข้นมากขึ้นและตอบข้อกังวลต่อต้นทุนในการใช้พลังงานหมุนเวียนว่า

“โครงการ CASE ได้ทำการวิจัยด้านพลังงานและนำเสนอเส้นทางที่ประเทศไทยสามารถก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ภายใน ค.ศ. 2050 โดยประเมินจากสมมติฐานที่ระบบไฟฟ้าดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีต้นทุนต่ำ (least cost optimization) และใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยการจะไปสู่เป้าหมายนี้ได้ต้องอาศัยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ราคาในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนต่ำกว่า และต้องมีการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เช่น แบตเตอรี่ ระบบสมาร์ทกริด (Smart Grid) และการบริหารจัดการแบบกระจายศูนย์ นอกจากนั้น ภาคขนส่งยังต้องปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ ระบบราง และรถส่วนตัว ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้หากภาครัฐให้การสนับสนุนด้านพลังงานและส่งเสริมให้มีการลงทุนในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง”

นอกจากการสนทนาเผยแพร่ผลการศึกษาจากทางวิชาการ ภายในงานยังมีวงเสวนาที่ชูประเด็น “เปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างไรให้เป็นธรรม” ร่วมจัดโดย บริษัท ป่าสาละ จำกัด, สมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100) และ The Cloud

เวทีทอล์ก “The Ener จิ้น’s Talk : เป้าหมาย Net Zero…สู่อนาคตพลังงานสะอาด” เพื่อเปิดมุมมองเรื่องการใช้พลังงานในเมือง และเปิดไอเดียภูมิทัศน์ของเทคโนโลยีพลังงานปัจจุบัน โดย 2 วิทยากร คือ คุณพรพรหม ณ.ส.

วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคุณอธิป ตันติวรวงศ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Innopower และหัวข้อ “เปลี่ยนความเข้าใจผิดเรื่องการประหยัดพลังงาน” โดย รศ.ดร. แนบบุญ หุนเจริญ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และเสวนา “The Ener จิ้น’s Talk : การเปลี่ยนผ่านพลังงานบนความต้องการของประชาชน” ที่จะเปิดประเด็นประโยชน์และอุปสรรคจากการเดินหน้านโยบายด้านพลังงานสะอาด โดยตัวแทนภาคประชาชน นักเคลื่อนไหว และภาคประชาสังคม ก่อนจะปิดท้ายด้วยเวทีเสวนาพรรคการเมือง “ชวนพรรคร่วมคิด: ให้พลังงานเป็นมิตรต่อโลก ไปกับความต้องการของประชาชน” เพื่อเปิดประเด็นและตอบคำถามจากประชาชนเกี่ยวกับนโยบายพลังงานที่ก้าวทันกระแสโลกไปพร้อมกับความมั่นคงและเข้าถึงได้ด้านพลังงานของประเทศไทย

ภายในงานยังมีการโชว์การแสดงหุ่นเงาเล่าเรื่อง เรื่องการเดินทางสู่อนาคตด้านพลังงาน โดยกลุ่ม Mommy Puppet และบูธของเครือข่ายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เช่น Muvmi, Ari around, Flo ไอศกรีมไข่ผำ, สินค้ารักษ์โลก บูธ “แยกขยะ ลดโลกร้อน Zero waste โดยสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร” และบูธนิทรรศการ “ร่วมจินตนาการ…เปลี่ยนผ่านพลังงานในรุ่นเรา” รวมถึงนิทรรศการจากเครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านพลังงาน อาทิ JGSEE และการไฟฟ้านครหลวง และกิจกรรมที่สามารถร่วมสนุกลุ้นรับของที่ระลึกจากโครงการ CASE และเครือข่ายตลอดงาน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สปสช. จับมือกรุงเทพมหานคร ใช้เทคโนโลยีจัดสรรสถานพยาบาลให้ผู้มีสิทธิบัตร

บ้านปู พาเจาะ 3 อินไซต์นักลงทุน พร้อมอัดฉีดธุรกิจ Social Enterprise เติบโต

×

Share

ผู้เขียน