Share on
×

Share

TCP Group พลิกเกม F&B: 3 กลยุทธ์สู่ความยั่งยืนและการจัดการน้ำ

ท่ามกลางพลวัตของตลาดอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความท้าทายรอบด้าน กลุ่มธุรกิจ TCP ภายใต้การนำของ สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและพลิกเกมธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน แนวทางนี้ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน กลยุทธ์ที่รอบด้าน และความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการทรัพยากร โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำ

สราวุฒิ ชี้ว่าหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันคือความสามารถในการปรับตัวต่อสิ่งใหม่และสิ่งที่ไม่คุ้นเคย หากองค์กรเปิดใจเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็สามารถเปลี่ยนความท้าทายเหล่านั้นให้กลายเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ได้ ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการปรับตัวนี้ มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ฉลาดเลือกมากขึ้น พวกเขามองหาคุณค่าที่มากกว่าราคาผลิตภัณฑ์ และให้ความสำคัญอย่างสูงกับความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์

เพื่อตอบสนองต่อภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปนี้ TCP ได้ปลูกฝังสิ่งที่สราวุฒิเรียกว่า “ความซีเรียส” ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งไม่ได้หมายถึงความเคร่งเครียด แต่คือความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ความจริงจังในการเผชิญหน้ากับปัญหา และความพร้อมที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลว ความผิดพลาดไม่ได้ถูกมองเป็นจุดจบ แต่เป็นบทเรียนสำคัญที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนการปรับปรุง ปรัชญา “แพ้แล้วต้องปรับปรุง” จึงเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญ ทำให้ TCP ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา โดยวัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับความท้าทายและมองอุปสรรคเป็นโอกาสนี้เองที่สร้างความยืดหยุ่น (resilience) ให้ TCP พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่ง

เบื้องหลังอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม กับร่องรอยเทคโนโลยีอวกาศที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

ด้วยกรอบความคิดและวัฒนธรรมองค์กรเช่นนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP จึงได้วางรากฐานการปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจผ่านสามกลยุทธ์หลัก ซึ่งสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน

กลยุทธ์ประการแรกคือ “ดูที่ฐาน ดูให้เป็น” ซึ่งเน้นการมองการณ์ไกลและสร้างความมั่นคงจากปัจจัยพื้นฐาน สราวุฒิยกตัวอย่างวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง TCP เมื่อ 30 ปีก่อน ที่เล็งเห็นถึงความเป็นไปได้ของปัญหาการขาดแคลนน้ำในอนาคต แม้ในขณะนั้นประเทศไทยจะยังอุดมสมบูรณ์ วิสัยทัศน์นี้นำมาสู่การลงทุนสร้างแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ทำให้ปัจจุบัน TCP มีน้ำสำรองใช้ในการผลิตได้ถึง 10 เดือนต่อปี และยังสามารถแบ่งปันให้ชุมชนโดยรอบได้ การมองเห็นแนวโน้มระยะยาวและเตรียมพร้อมจากฐานที่มั่นคงเช่นนี้คือหัวใจสำคัญ

สำหรับกลยุทธ์ประการที่สอง เป็นการมองให้เห็นถึงแนวทางการสร้างบรรทัดฐานใหม่ผ่านการยกระดับประสิทธิภาพและการลดของเสีย (Reduce Waste) แม้จำนวนประชากรไทยอาจมีแนวโน้มลดลง แต่ธุรกิจยังคงต้องเติบโต TCP จึงตั้งเป้าที่จะเติบโตโดยใช้บุคลากรเท่าเดิม ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพและลดของเสียอย่างจริงจัง สอดคล้องกับแนวทาง BCG (Bio-Circular-Green Economy) โดยได้นำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญมาปรับปรุงกระบวนการผลิต จนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพจากประมาณ 88-89% ขึ้นมาเป็น 93% ซึ่งหมายถึงการลดต้นทุน ลดของเสีย และเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตอย่างยั่งยืน

กลยุทธ์ประการสุดท้ายคือ “ดูให้เป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์” เพราะผลิตภัณฑ์คือหัวใจของธุรกิจ F&B ซึ่ง TCP ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การปรับปรุงบรรจุภัณฑ์แก้วให้มีน้ำหนักเบาลง 12% แต่ยังคงความสวยงามและหรูหรา ซึ่งช่วยลดผลกระทบด้านการขนส่ง และการพัฒนานวัตกรรมในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอย่างสปอนเซอร์ ให้สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ เช่น กลุ่มผู้หญิง รวมถึงการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เช่น ตลาดประเทศจีน

ความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนนี้ปรากฏชัดเจนเป็นพิเศษในแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของ TCP ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจและเป็นที่มาของโครงการ Water Stewardship หรือ “TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย”

สราวุฒิย้ำว่า ในฐานะธุรกิจที่ใช้น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต TCP ตระหนักถึงความรับผิดชอบในการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและคืนกลับสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมให้ได้มากกว่าที่นำมาใช้ โครงการ “TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย” ซึ่งดำเนินงานมากว่า 6 ปี มีเป้าหมายชัดเจนในการคืนน้ำให้กับธรรมชาติและชุมชนในปริมาณที่มากกว่าปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิต (Net Water Positive) โดยตั้งเป้าให้บรรลุมากกว่า 3 เท่าของปริมาณน้ำที่ใช้ภายในปี 2023 และได้ลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกว่า 6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ TCP ยังมุ่งมั่นยกระดับการจัดการน้ำให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น Alliance for Water Stewardship (AWS) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

กลุ่มธุรกิจ TCP ภายใต้การนำของสราวุฒิ ได้แสดงให้เห็นว่าการพลิกเกมในธุรกิจ F&B ให้เติบโตอย่างยั่งยืนนั้นเป็นไปได้จริง ผ่านการวางกลยุทธ์ที่มองการณ์ไกล การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง และที่สำคัญคือการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีความรับผิดชอบ วิสัยทัศน์และการลงมือทำจริงของ TCP ไม่เพียงสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร แต่ยังเป็นแบบอย่างให้กับภาคธุรกิจในการร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน ดังที่สราวุฒิกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่ทำตอนนี้ จะเริ่มทำตอนไหน” การคิดและลงมือทำอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะนำพาธุรกิจไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ปั้น ‘ดิจิทัลคอนเทนต์-ซอฟต์พาวเวอร์’ ดันไทยสู่ฮับสร้างสรรค์โลก

ส.ขอนแก่น ไตรมาสแรก รายได้ 881.4 ล้านบาท เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศ อเมริกา ยุโรป สหราชอาณาจักร

รายงาน TDRI ชี้ AI กุญแจสู่เศรษฐกิจไทยยุคใหม่ แต่ความท้าทายยังรออยู่

×

Share

ผู้เขียน