Share on
×

Share

‘วิทัย รัตนากร’ ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ กับโจทย์ท้าทายฟื้นเศรษฐกิจไทย

วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คว้าเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ตามคาด โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่าวิทัยเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติคนแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษที่ถูกมองว่ามีแรงหนุนจากฝ่ายการเมือง หรืออีกนัยหนึ่งคือพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลขณะนี้ ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญของภาคการเงิน

เป็นที่รับรู้กันว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเข้าไปมีบทบาทร่วมกำหนดทิศทางการเงินของแบงก์ชาติมาตั้งแต่รัฐบาลสมชาย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลเศรษฐา มาถึงรัฐบาลแพทองธารปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเด็น “ดอกเบี้ย”

ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ (2554-2557) กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมวคลัง ขณะนั้น แสดงความมุ่งมั่นที่จะปลด ดร.ประสาร ไตรรัตนวรกุล ผู้ว่าการแบงก์ชาติขณะนั้นอย่างเด่นชัด หลังไม่ขานรับเสียงเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ย แต่สถานการณ์ไม่ทันยกระดับถึงขั้นแตกหัก สภาวะเศรษฐกิจผ่อนคลายลงก่อนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะถูกยึดอำนาจในปี 2557

เมื่อพรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจอีกครั้งในปี 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เวลานั้น มักกล่าวเรียกร้องให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ ครั้งหนึ่งเขากล่าวในทำนองว่า การที่แบงก์ชาติไม่ยอมลดดอกเบี้ยจะเป็นเพราะทิฐิหรือไม่

เช่นเดียวกับ แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยขณะนั้น ได้ออกมาอ่านโพยระหว่างประชุมพรรคประมาณว่า กฎหมายที่ให้แบงก์ชาติเป็นอิสระจากรัฐบาลเป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จนสื่อทั้งในและต่างประเทศนำมุมมองต่อแบงก์ชาติดังกล่าวไปเสนอข่าวกันอย่างเอิกเกริก

เมื่อแพรทองธารขึ้นเป็นนายกฯ ต่อจากเศรษฐา ทักษิณ ชินวัตร ผู้พ่อได้ออกมาช่วยบุตรสาวอีกแรง ด้วยการกล่าวเสียดสีแบงก์ชาติเป็นระยะ ๆ เช่น แบงก์ชาติไม่ยอมคุยกับใคร สงสัยอยู่อีกประเทศหนึ่ง ฯลฯ

ในช่วงสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการแบงก์ชาติครั้งที่ 1 เมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ประชุมเคาะให้ กิตติรัตน์ ซึ่งใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและมีความคิดปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติสมัยดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.คลัง สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยคิดอะไรอยู่

ต่อมาเมื่อกฤษฎีกาตีความว่า กิตติรัตน์เป็นนักการเมืองไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานกรรมการแบงก์ชาติได้ การสรรหารอบต่อมาคณะกรรมการฯ เคาะเลือก สมชัย สัจจพงษ์ เป็นประธานกรรมการแบงก์ชาติ ทั้งนี้ สมชัยลาออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังหลังถูกโยกไปนั่งเก้าอี้เลขาฯ สภาพัฒน์ ช่วงรัฐบาลประยุทธ์

และในท้ายที่สุดชื่อของวิทัยได้เบียด ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการแบงก์ชาติ นักเศรษฐศาสตร์มากประสบการณ์ เข้าป้ายเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติไปในที่สุด

หากวิเคราะห์มูลเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องการผู้ว่าการแบงก์ชาติที่สามารถสื่อสารได้ นอกจากประเด็นดอกเบี้ยแล้ว การที่เศรษฐพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ออกมาท้วงติงอย่างแข็งขันต่อนโยบายเรือธงของรัฐบาล ทั้งการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 560,000 ล้านบาท โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เพื่อเปิดพื้นที่ให้มีคาสิโน ฯลฯ คือแรงจูงใจอีกประการที่รัฐบาลเพื่อไทยต้องการผู้ว่าการแบงก์ชาติที่สื่อสารได้

วิทัยไม่ใช่ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนแรกที่มาจากสายแบงก์ ในอดีต ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล, ดร.ประสาร ไตรรัตนวรกุล ฯลฯ ล้วนมาจากเส้นทางสายนี้เช่นกัน ประสบการณ์ในแวดวงการเงินของวิทัยมากพอจะนำหนึ่งในเสาหลักเศรษฐกิจของชาติโต้คลื่นเศรษฐกิจไปได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น วิทัยกำลังเผชิญกับความเชื่อถือต่อจุดยืนความเป็นอิสระของแบงก์ชาติอันเป็นหลักการสากล โดยเฉพาะจากบุคคลในแวดวงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของวิทัย

ก่อนหน้ามีการเคาะเลือกผู้ว่าการแบงก์ชาติ สมหมาย ภาษี อดีต รมช.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กความตอนหนึ่งว่า ”ประเทศไทยตอนนี้มีดีอยู่เพียงอย่างเดียว คือ “ธนาคารแห่งประเทศไทย” ที่คนทั่วไปเรียกว่า “แบงก์ชาติ” แต่จากข่าวที่ผมได้ยินได้ฟังมาจากผู้ใหญ่และผู้รู้หลายท่านว่า ขณะนี้นักการเมืองระดับสูงทั้งเก่าและปัจจุบันพยายามหนักหนาที่จะตั้งผู้ว่าการที่รัฐบาลบงการได้ จะทำงานได้เก่งแค่ไหนก็ช่างมาเป็นผู้ว่าการคนใหม่ ที่กำลังเลือกและจะจบในวันสองวันนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ของดีเพียงหนึ่งเดียวที่มีอยู่ในประเทศเราขณะนี้ก็จะถูกลากจูงไปสู่อาจมจนได้“

และหนึ่งวันก่อน ครม. เห็นชอบวิทัยเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ 17 คน นำโดย อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับการตั้งผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่พร้อมกับความกังวล 5 ข้อ โดยข้อแรกระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า

“…เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยควรจะต้องเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว แม้จะเข้าใจได้ว่าโดยธรรมชาติแล้ว รัฐบาลต้องการการเจริญเติบโตของประเทศในระยะสั้น ซึ่งประสบการณ์ของผู้ทำงานธนาคารของรัฐอาจจะเคยชินในการสนองตอบต่อนโยบายของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี เนื่องจากประเทศชาติต้องการการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเป็นบุคคลที่สามารถประคับประคอง และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการมุ่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นของรัฐบาล“

ข้อสังเกตของสมหมายและกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ข้างต้นชัดเจนว่าสื่อสารตรงถึง “วิทัย”

ในสถานการณ์ที่ถูกตั้งข้อสังเกตเช่นนี้ โจทย์ยากที่สุดของวิทัย ว่าที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติ หาใช่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากคือการสร้างความเชื่อถือต่อสังคมเศรษฐกิจ ว่าเขาจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างผู้ว่าการแบงก์ชาติที่ทำงานกับกระทรวงการคลังราบรื่นตามที่พิชัย รองนายกฯ และ รมว.คลังระบุไว้ กับผู้ว่าการแบงก์ชาติที่กล้าท้วงติงนโยบายรัฐบาลที่จะนำพาเศรษฐกิจไปผิดทาง อันเป็นคุณสมบัติที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติต้องมี ได้หรือไม่?

ท้ายนี้ผู้เขียนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตจากสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา สงครามที่ไม่ควรเกิดขึ้น และหวังว่าควันไฟจากสงครามจะสงบโดยเร็ว #กัมพูชายิงก่อน

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ไทยต่อรองภาษีทรัมป์จะจบแบบ Win-Win?

โมเมนตัมเศรษฐกิจที่ดี แค่วาทกรรม

×

Share