Share on
×

Share

เจาะลึกอาชีพ ‘นักภาษาโบราณ’ ผู้ไขรหัสอดีตอันล้ำค่าของชาติ

ในยุคที่เทคโนโลยี AI และนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญ หลายคนอาจคิดว่าศาสตร์แห่งอดีตกาลจะเลือนหายไป ทว่าในประเทศไทย ยังมีกลุ่มคนจำนวนน้อยเพียง 17 ท่าน ที่เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์มรดกทางปัญญา พวกเขาคือ “นักภาษาโบราณ” อาชีพเฉพาะทางที่อุทิศตนให้กับการอ่าน ถอดความ และอนุรักษ์เอกสารเก่าแก่ที่บันทึกเรื่องราวและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย

ทำไมถึงมีนักภาษาโบราณน้อยนัก?

ศิวพร เฉลิมศรี นักภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร อธิบายว่า คำตอบง่าย ๆ คือ “เป็นอาชีพที่ต้องเรียนเฉพาะทาง” และมีเพียงไม่กี่สถาบันในประเทศไทยที่เปิดสอน โดยหลัก ๆ แล้ว ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้ล้วนสังกัดอยู่ภายใต้กรมศิลปากร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติ

แล้ว “ภาษาโบราณ” ที่นักภาษาโบราณศึกษาคืออะไร? ศิวพรกล่าวว่า ไม่ใช่แค่ภาษาไทยในอดีตเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงอักษรโบราณหลากหลายชนิดที่เคยใช้ในดินแดนไทยและภูมิภาคใกล้เคียง เช่น อักษรขอม อักษรธรรมล้านนา อักษรธรรมอีสาน อักษรไทยน้อย ไปจนถึงอักษรไทยโบราณอย่าง ไทยอยุธยา เอกสารเหล่านี้เป็นเสมือน “พงศาวดารฉบับจริง” ที่บันทึกเรื่องราว เหตุการณ์ และวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตไว้อย่างละเอียด

ความท้าทายของการเป็นนักภาษาโบราณคือ ลายมือและรูปแบบอักษรที่เปลี่ยนแปลงไปทุก ๆ 100 ปี รวมถึงการใช้ภาษาที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัยและท้องถิ่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือภาษาบาลีที่ใช้อักษรไทยเขียนในหนังสือสวดมนต์ แต่บางครั้งนักภาษาโบราณก็ต้องถอดความอักษรขอมที่ใช้เขียนแทนคำบาลี หรือแม้แต่อักษรขอมไทยที่ผสมผสานกันไป เอกสารโบราณที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในประเทศไทยย้อนไปได้ถึง พุทธศตวรรษที่ 11-12 ซึ่งเป็นช่วงที่อักษร ปัลลวะ จากอินเดียใต้เริ่มแพร่หลายและเป็นรากฐานสำคัญของอักษรไทยในปัจจุบัน

ขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ซ่อนอยู่ในเอกสารโบราณ

หน้าที่ของนักภาษาโบราณไม่ได้จำกัดอยู่แค่การอ่านและถอดความในสำนักงานเท่านั้น ศิวพรเล่าว่า ยังต้องเดินทางไปตามวัดวาอาราม หรือแม้กระทั่งพื้นที่ทุรกันดาร เพื่อสำรวจ ลงทะเบียนเอกสารโบราณที่พบ จัดหมวดหมู่ ทำทะเบียนอย่างละเอียด ห่อเก็บรักษาอย่างถูกวิธี หรือหากแหล่งที่พบไม่สามารถดูแลได้ ก็จะนำกลับมายัง หอสมุดแห่งชาติ เพื่อเก็บรักษาและให้บริการแก่สาธารณชน

เอกสารโบราณเหล่านี้มีรูปแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น จารึก (การบันทึกบนวัสดุหลายอย่างเช่น หิน โลหะ หนังสัตว์ กระดูกสัตว์ เป็นต้น) สมุดไทย (สมุดพับที่ทำจากกระดาษข่อยหรือกระดาษสา) และใบลาน (การจารึกบนใบไม้) เนื้อหาภายในก็ยิ่งน่าสนใจและหลากหลายอย่างคาดไม่ถึง ทั้งกฎหมายโบราณอย่าง “กฎหมายตราสามดวง” วรรณคดีที่สะท้อนสุนทรียภาพแห่งยุคสมัย ตำราแพทย์แผนไทยที่เปี่ยมด้วยภูมิปัญญาในการรักษา ตำราโหราศาสตร์ที่เผยให้เห็นความเชื่อในอดีต ไปจนถึงตำราไสยศาสตร์และคาถาอาคมที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องลี้ลับ

คุณค่าของเอกสารโบราณเหล่านี้ปรากฏชัดเจนเมื่อมีการนำภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่มาประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน ศิวพร ได้ยกตัวอย่างเช่น ตำราเวชศาสตร์ที่ระบุว่าอาการตาต้ออาจเชื่อมโยงกับความผิดปกติของเท้า หรือการรักษาต้อเนื้อด้วยหนามบงเส้นหลังที่ยังคงใช้ได้ผลจริงในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่นำตำราหุงกระจกโบราณมาศึกษาจนสามารถสร้างสรรค์กระจกเกรียบแบบโบราณขึ้นใหม่ได้สำเร็จ ซึ่งล้วนเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า “ความรู้จากอดีตไม่มีวันล้าสมัย” หากเรารู้จักนำมาต่อยอด

นักภาษาโบราณในยุคดิจิทัล: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกล การนำปัญญาประดิษฐ์มาถอดความภาษาโบราณยังคงเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนอย่างยิ่ง ศิวพรให้เหตุผลสำคัญว่า “ลายมือแต่ละฉบับไม่เหมือนกันเลย” เอกสารโบราณส่วนใหญ่เป็นลายมือเขียน ซึ่งแต่ละสำเนา แต่ละยุคสมัย แต่ละภูมิภาค ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้การเก็บตัวอย่างและสร้างฐานข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้แม่นยำเป็นความท้าทายมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีก็เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุรักษ์ได้ดีขึ้น เช่น การสแกนเอกสารต้นฉบับเพื่อจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสเอกสารต้นฉบับโดยตรง ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของเอกสารอันล้ำค่าเหล่านี้ และแม้ว่าการนำเนื้อหาทั้งหมดขึ้นสู่ระบบออนไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา แต่กรมศิลปากรก็พยายามอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลอย่างเต็มที่

ผู้ที่เข้ามาใช้บริการเอกสารโบราณที่หอสมุดแห่งชาติมีหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปที่สนใจประวัติศาสตร์ นักศึกษา นักวิชาการที่ใช้เอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการทำวิจัย หรือแม้กระทั่งพระภิกษุที่ศึกษาคัมภีร์ใบลาน ไปจนถึงผู้ที่สนใจในเรื่องลี้ลับและคาถาอาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่หลากหลายในมรดกทางปัญญาของชาติ

อาชีพนักภาษาโบราณจึงเป็นมากกว่าการอ่านตัวอักษรเก่าแก่ ศิวพรสรุปว่า มันคือการ “ไขรหัสอดีต” เพื่อทำความเข้าใจภูมิปัญญา วิถีชีวิต และเรื่องราวของผู้คนในกาลก่อน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้ และเป็นบทบาทสำคัญในการส่งต่อมรดกอันล้ำค่านี้สู่คนรุ่นต่อไป

บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

“เศรษฐศิริ เศรษฐภากรณ์” กับภารกิจขับเคลื่อน กรุงศรี นิมเบิล สู่ความเป็นเลิศ

Omise: วิสัยทัศน์ จุน ฮาเซกาวา มุ่งนำ Payment AI

‘สุพิชชา อึงอารี’ ผู้นำหญิงผู้ขับเคลื่อน Senior Com สู่ยุคใหม่

×

Share

ผู้เขียน