Share on
×

Share

ยุคใหม่ของตลาดคริปโทฯ สถาบันการเงินผงาดขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก ท่ามกลางความผันผวน

ราคา Bitcoin แตะระดับต่ำกว่า 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ (26 ส.ค. 68) เป็นครั้งแรกในรอบ 47 วัน เป็นการขยายช่วงการปรับฐานที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเชื่อมโยงกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาค ทางด้าน Ethereum และ Altcoin ตัวอื่นๆ ก็มีทิศทางเดียวกัน ทำให้มูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกลดลงต่ำกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์เล็กน้อย แต่เบื้องหลังฉากนี้ มีพลังใหม่ที่กำลังเข้าควบคุม คือการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินกำลังเป็นผู้กำหนดจังหวะในตลาดคริปโทฯ

สิ่งที่แตกต่างในปีนี้ ได้เห็นความผันผวนของราคาบนตลาดคริปโทฯ เป็นที่น่าจับตามองอย่างมากว่า ตอนนี้ใครกำลังเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด ซึ่งเปลี่ยนไปไม่ได้เลยคือ “สถาบันการเงิน” กำลังเป็นตัวแสดงหลักในโลกคริปโทฯ มากขึ้นกว่าเดิม

Crypto ETF และ ตลาดอนุพันธ์ กำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด สู่กลยุทธ์ของสถาบัน

นับตั้งแต่มีการเปิดตัวกองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ เมื่อ 10 มกราคา 2567 ตลาดก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยการเริ่มเปลี่ยนแปลงจากการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยสู่นักลงทุนสถาบัน โดยกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock และ FBTC ของ Fidelity ได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนในวงกว้างเข้าถึงการลงทุนได้อย่างถูกกฎหมาย ปัจจุบันกองทุนเหล่านี้ถือครอง Bitcoin อยู่ประมาณ 1.29 ล้าน BTC หรือคิดเป็นประมาณ 6% ของอุปทานหมุนเวียน และข้อมูลกระแสเงินทุน ETF ได้กลายเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นที่สำคัญ

นอกจากนี้การซื้อขายอนุพันธ์ในตลาด Chicago Mercantile Exchange (CME) สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของสถาบันการเงิน โดยปริมาณการถือครองสัญญา Bitcoin Options พุ่งสูงขึ้นเกือบ 4,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ขณะที่ปริมาณ Ether Options เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกเหนือจากการเติบโตนี้ Tether (USDT) ยังคงขับเคลื่อนสภาพคล่องของตลาดด้วยมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 167,000 ล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็น 60% ของตลาด Stablecoin (DeFiLlama) และยังคงเป็นสินทรัพย์หลักในการชำระราคาบนกระดานซื้อขายและแพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆ

ข้อมูลกระแสเงินทุนล่าสุดตอกย้ำถึงอิทธิพลของสถาบันการเงิน โดยรายงานของ CoinShares เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2568 รายงานว่ามีเงินไหลออก 1,430 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 โดยจำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์ไหลออกจากผลิตภัณฑ์ Bitcoin ขณะที่ Ethereum มีสถานการณ์ที่ดีกว่าโดยมีเงินไหลออกเพียง 440 ล้านดอลลาร์ เป็นผลสืบเนื่องมาจากช่วงสัปดาห์ที่แข็งแกร่งในวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งมีเงินไหลเข้า 3,750 ล้านดอลลาร์ โดย 2,870 ล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่ Ethereum นับเป็นหนึ่งในสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นประวัติการณ์

การเคลื่อนย้ายเงินทุนของสถาบันยังสะท้อนให้เห็นในปริมาณการซื้อขายบนกระดานเทรดอีกด้วย ตามข้อมูลของ CCData ในเดือนกรกฎาคม 2568 การซื้อขายอนุพันธ์พุ่งสูงขึ้นเป็น 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอดสูงสุดประจำปี แม้ว่าส่วนแบ่งจะลดลงเหลือ 71.3% เนื่องจากปริมาณการซื้อขายแบบ Spot เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมเงินสดที่ขับเคลื่อนด้วย ETF ที่เพิ่มขึ้น

Ethereum ขึ้นแทนสินทรัพย์สถาบัน

ความสนใจของสถาบันใน Ethereum เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย Ethereum ETF มีผลงานที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Bitcoin สามารถดึงดูดสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ได้มากกว่า 12,100 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่งของเงินทุนจำนวนมากมากจาก กองทุน iShares Ethereum Trust (ETHA) ของ BlackRock เพียงกองทุนเดียวก็มีเงินไหลเข้าเกือบ 300 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเน้นย้ำถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันในการเข้าถึง ETH การเปลี่ยนแปลงเงินทุนนี้กำลังกำหนดสถานะทางการตลาดของ Ethereum ใหม่ ทำให้มันก้าวข้ามการเก็งกำไรของผู้ลงทุนรายย่อย และกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีรากฐานสำคัญ นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ยังมีส่วนร่วมในแนวโน้มนี้ด้วยการถือครองส่วนแบ่งที่สำคัญของจำนวน Ethereum ทั้งหมด และนำไปรวมไว้ในคลังของบริษัทและระบบการบริหารการเงิน

ส่วนหนึ่งของความน่าดึงดูดใจของ Ethereum ในหมู่นักลงทุนสถาบัน คือความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากการ Staking ทำให้ ETH เป็นทั้งทรัพย์สินของบริษัทและเครื่องมือที่สร้างผลกำไร นอกจากนี้ กลไกการลดจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงการจัดประเภทให้เป็นสินทรัพย์สาธารณูปโภค (utility token) โดยหน่วยงานอย่าง SEC กำลังช่วยเสริมบทบาทของ Ethereum ให้เป็นกระดูกสันหลังของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์

สรุป

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้เปลี่ยนไปแล้ว กองทุน ETF กำลังทำหน้าที่เป็นที่เก็บเหรียญคริปโทฯ ต่างๆ, Stablecoin กำลังขับเคลื่อนการชำระเงิน และตลาดอนุพันธ์กำลังกำหนดความผันผวนในระยะสั้น ผู้เล่นสถาบันกำลังเป็นผู้กำหนดทิศทาง ทำให้กระแสเงินทุนและการขยับของสถาบันกลายเป็นสัญญาณที่สำคัญที่สุดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในโลกคริปโทเคอร์เรนซี

คำเตือน

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

‘ปฏิกิริยาต่อ Crypto Week’ การผ่านกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งสำคัญของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

ประเทศปลอดภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สินดิจิทัล (Capital Gains) ทั่วโลกข้อมูลและแนวโน้มสำหรับปี 2025

สำรวจ 4 ปัจจัยสำคัญทำให้ Bitcoin กลับมาทำระดับเหนือ 100,000 ดอลลาร์และทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2025

×

Share

ผู้เขียน