Share on
×

Share

ถอดรหัสการเติบโตแบบยั่งยืนของ 3 บริษัทใหญ่: PTT, Central และ AIS

โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน ในงาน “Towards The Prosperous ACMECS” ภายใต้หัวข้อ “Sustainable Business: An Enduring Marathon” ผู้นำจาก PTT,Central Group และ AIS ได้มาร่วมแบ่งปันแนวคิดและกลยุทธ์ความยั่งยืนที่นำมาใช้จริงในองค์กรของตน

สรุปแผนความยั่งยืนของแต่ละองค์กร คือ AIS ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างโอกาส และลดความเหลื่อมล้อม PTT มุ่งสู่พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความมั่นคงทางพลังงาน Central Group สร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น และดูแลสิ่งแวดล้อม

เป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของปตท.

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญของบริษัทในการปรับเปลี่ยนธุรกิจพลังงานให้เข้าสู่การใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืน พร้อมชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

  • การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Clean and Green Energy)

การเปลี่ยนแปลงจากการใช้พลังงานแบบดั้งเดิมมาสู่การใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นเป้าหมายสำคัญของปตท. ซึ่งปัจจุบันปตท.ให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ที่ไม่เพียงแต่สะอาด แต่ยังต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น พลังงานหมุนเวียนกับการลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และแบตเตอรี่สำหรับการกักเก็บพลังงาน, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงสถานีบริการน้ำมันแบบเดิมให้รองรับสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีแผนที่จะขยายสถานีชาร์จ EV ทั่วประเทศ 

  • การปรับปรุงธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

แม้ธุรกิจหลักของปตท.จะยังคงอยู่ในกลุ่มปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ซึ่งครอบคลุมกว่า 90% ของรายได้และผลประกอบการทั้งหมด แต่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดไม่ได้หมายความว่าธุรกิจแบบดั้งเดิมจะถูกละเลย จึงมีการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เข้ามาใช้ในการจัดการปิโตรเคมี เช่น การรีไซเคิลและนำผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดการสร้างของเสีย นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจแนวทางใหม่ในการปรับปรุงเทคโนโลยีและนวัตกรรมในธุรกิจเหล่านี้ให้สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืน

  • การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการฟื้นฟูป่าไม้

การปลูกป่าและการฟื้นฟูป่าไม้ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ลดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนโดยรอบที่สามารถพึ่งพาป่าในการดำรงชีวิตได้ด้วย

ซึ่งทางปตท.ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และการปลูกป่าเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกอย่างที่กล่าวมา ซึ่งการบรรลุเป้าหมายนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของโลกและการตอบสนองต่อวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ซึ่งก็ต้องมาพร้อมกับการทำงานด้วยความเร็วและขนาดที่เหมาะสม (Speed and Scale) เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปได้อย่างราบรื่นด้วย

Central Group กับแนวทางการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล ได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของ Central Group ในเรื่องของการมุ่งเน้นที่การสร้างคุณค่าร่วม (Create Shared Value) ซึ่งหมายถึงการดำเนินธุรกิจที่ไม่เพียงแค่สร้างกำไร แต่ยังต้องสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

ความสำคัญของการสร้างนวัตกรรมและความแตกต่าง 

Central Group มุ่งมั่นที่จะขายสินค้าและบริการที่ไม่ซ้ำใคร พร้อมกับดูแลกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผู้ส่งมอบสินค้า (Supplier) ลูกค้า คู่ค้า ไปจนถึงชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ดำเนินการ เพื่อให้ทุกฝ่ายเติบโตไปพร้อมกัน

การดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม

เมื่อ Central Group เข้าไปดำเนินธุรกิจในพื้นที่ใหม่ จะต้องพิจารณาถึง 4 เรื่องหลัก ได้แก่

  • ความเป็นอยู่ของชุมชน
  • การสนับสนุนโรงเรียน ลดความเหลื่อมล้ำ และช่วยเหลือคนพิการ
  • การดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น ลดผลกระทบจากการจราจร
  • การรักษาเอกลักษณ์ของท้องถิ่นให้คงอยู่

การพัฒนาเรื่องการรีไซเคิลและการจัดการขยะ

Central Group ได้ริเริ่มโครงการรีไซเคิล เช่น การนำเศษอาหารจากศูนย์อาหารมาทำเป็นปุ๋ย ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 25 เท่า นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล และให้ความรู้กับลูกค้าและชุมชนเกี่ยวกับการแยกขยะและการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

การปลูกฝังการดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าและชุมชน

นอกจากการดำเนินธุรกิจด้านการค้าแล้ว Central Group ยังจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ลูกค้าและชุมชน เช่น การสอนเด็ก ๆ ปลูกป่า และส่งเสริมการปลูกกาแฟใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และขยายผลในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

AIS กับบทบาทของเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนความยั่งยืนทางธุรกิจ

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AIS ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างอิมแพคต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การขับเคลื่อนดิจิทัลเซอร์วิส การใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อเสริมเศรษฐกิจ และการสร้างคนพร้อมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การขับเคลื่อนดิจิทัลเซอร์วิส (Digital Services)

AIS ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในการนำดิจิทัลเซอร์วิสมาสู่มือของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นในระดับบุคคลหรือองค์กร การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายและลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการช่วยเหลือกลุ่มชุมชนและองค์กรต่าง ๆ เช่น กลุ่ม อสม. ออนไลน์ที่นำเทคโนโลยีไปเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีดิจิทัลก็ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเดินทางบ่อยเหมือนในอดีตได้ด้วย

การใช้ข้อมูลเพื่อเสริมเศรษฐกิจ

AIS มีฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่กว่า 45 ล้านเลขหมาย ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้า ข้อมูลนี้สามารถถูกนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจและส่งเสริมเศรษฐกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมผ่านการให้ความยินยอมจากลูกค้า เช่น การใช้ข้อมูลในการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับลูกค้า ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มรายได้ให้ธุรกิจ แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้อีกทางหนึ่ง

การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการสร้างคน

AIS มุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรและธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักการ “Tone from the Top” หมายถึงความสำคัญที่ผู้นำระดับสูงในองค์กรต้องแสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมผู้บริหารระดับสูงและพนักงานเพื่อให้แน่ใจว่าทุกภาคส่วนในองค์กรเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

AIS ยังมองว่าเทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเน้น 2 ด้านหลักคือ

  1. นวัตกรรมสีเขียว (Green Innovation) คือ การพัฒนาเทคโนโลยีและบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
  2. นวัตกรรมเพื่อสังคมและชุมชน (Social Innovation) คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาสังคม เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของชุมชนต่าง ๆ และการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การเติบโตอย่างยั่งยืนจึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ธุรกิจต้องคำนึงถึง ไม่เพียงแค่การแสวงหากำไรเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้นำองค์กรใหญ่ทั้ง 3 องค์กรก็ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับการดูแลโลกและสังคม รวมถึงสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนที่ตอบโจทย์อนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ผ่าน ๆ มา

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน