Share on
×

Share

Ricult ปิดระดมทุน Series Pre-B เตรียมขยายบริการครอบคลุม Supply Chain ห่วงโซ่การเกษตร

รีคัลท์ (Ricult) สตาร์ตอัพเพื่อสังคมด้าน Agritech ของประเทศไทย ประสบความสำเร็จปิดรอบการระดมทุนรอบ Pre-B นำโดยกองทุน Innospace จากประเทศไทย ธนาคาร UOB จากประเทศสิงคโปร์ บริษัท Sojitz จากประเทศญี่ปุ่น และ elea Foundation จากสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นกองทุนระดับโลก ที่ลงทุนในธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมและสร้างรายได้ไปพร้อม ๆ กัน โดยรีคัลท์ได้ประสบความสำเร็จในการระดมทุนรวมทั้งหมดไปแล้วกว่า $10 ล้านเหรียญสหรัฐ

รีคัลท์ ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาเทคโนโลยี Deep Tech โดยการนำระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) Satellite Technology (ภาพถ่ายดาวเทียม) และ Digital Solution มาช่วยภาคการเกษตรในการปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital & AI ไม่ว่าจะเป็นการนำ Big Data มาช่วยเกษตรกรในการเพิ่มรายได้ และช่วยโรงงานแปรรูปในการพยากรณ์และบริหารความเสี่ยง ในการรับซื้อผลผลิต

เทคโนโลยีของรีคัลท์ในปัจจุบันมีความแม่นยำระดับ Top 5 ของโลก และเหมาะสมในการใช้กับพืชเศรษฐกิจของไทย เช่น อุตสาหกรรมอ้อย มันสำปะหลัง และยางพารา

ด้วยเงินลงทุนในรอบนี้ รีคัลท์จะนำไปใช้ในการขยายบริการใหม่ ๆ ที่ครอบคลุมทั้ง Supply Chain ห่วงโซ่การเกษตรมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการช่วยเกษตรกรในการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) การรับบริการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจครบวงจร (Farming-as-a-Service) และการช่วยผู้ส่งออกในการตรวจสอบแหล่งที่มาของผลผลิตย้อนกลับด้วย AI และดาวเทียมเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ทำลายป่าและปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกำหนด (EUDR and Carbon Emissions Traceability) โดยเป็นการตอบโจทย์กฎระเบียบใหม่ในการส่งออกสินค้าเกษตรไปสู่ยุโรป

อุกฤษ อุณหเลขกะ ซีอีโอ บริษัท รีคัลท์ ประเทศไทย กล่าวว่าจากความสําเร็จในการนำ Deep Tech และ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมเกษตรในประเทศไทย ปัจจุบันมีเกษตรกรในระบบกว่า 1,000,000 ราย มีพื้นที่เพาะปลูกผ่านการวิเคราะห์ด้วย AI มากกว่า 10,000,000 ไร่ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ต่อครัวเรือน

นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร และธนาคาร​​ขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า 10 บริษัท โดยมีมูลค่าผลผลิตการเกษตรอยู่ในระบบ “รีคัลท์” รวมกว่า 20,000 ล้านบาท ทำให้เทคโนโลยีของรีคัลท์เป็นผู้นำในภูมิภาคนี้และได้รับความสนใจจากธุรกิจการเกษตรในต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในแถบอาเซียนที่มองว่าประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร

ปัจจุบันรีคัลท์ ขยายธุรกิจไปประเทศเวียดนามและปากีสถาน โดยรีคัลท์มีความตั้งใจที่จะเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการทำธุรกิจในยุคสมัยใหม่ ที่ขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน (Sustainable Business) โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) ไปพร้อมกัน

อุกฤษ ยังกล่าวอีกว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่กองทุนระดับโลก ให้ความสนใจในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกษตร และอาหารในประเทศไทย ซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำให้เห็นว่า มีกองทุนระดับโลกที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคม และการทำธุรกิจเพื่อสังคมในปัจจุบันสามารถสร้างรายได้และต่อยอดธุรกิจได้จริง ขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับการตอบแทนชุมชน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน

“เป้าหมายหลักของรีคัลท์ในปีนี้ คือการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ช่วยเกษตรกรและธุรกิจการเกษตรปรับตัวเข้าสู่ยุค AI  พร้อมทั้งขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในแถบอาเซียนมากขึ้น เพราะภาคการเกษตรและอาหารคือกระดูกสันหลังของภูมิภาคนี้”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Sea (ประเทศไทย) ร่วมกับ TK Park มอบบอร์ดเกมการเงินแก่ 31 ศูนย์การเรียนรู้

กรุงศรี ฟินโนเวต เตรียมเปิดกองทุน “Finno Efra Fund” ช่วยสตาร์ตอัพตัวเล็ก เติบโตและประสบความสำเร็จ

‘ป้อม ภาวุธ’ จับมือ กรุงศรี เตรียมเปิดกองทุนดันสตาร์ตอัพไทย มูลค่า 1,300 ล้านบาท

×

Share

ผู้เขียน