ตอนเด็กเธอผอมแห้งแรงน้อย พ่อชวนออกวิ่งทุกวันเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ฝึกเล่นกีฬาหลายอย่างแต่ไม่ได้ดีสักอย่าง ลองเล่นเทควันโดจากไม่ชอบจนชอบ ทุ่มเทฝึกฝนทุกวันไม่ลดละ แต่แข่งขันทีไรแพ้ทุกที ไม่เห็นแววว่าจะได้เป็นแชมป์เลย
แต่ในที่สุด “เทนนิส” หรือชื่อจริงว่า พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยวัย 24 ปี ก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้ประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 จากการแข่งขันเทควันโดหญิง รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กก. ทั้งยังเป็นเหรียญทองเหรียญแรกของกีฬาประเภทนี้ด้วย
นักกีฬาสาวจากสุราษฎร์ธานีเติบโตในครอบครัวคนรักกีฬา มีคุณพ่อเป็นอดีตศึกษานิเทศก์ที่ชอบเล่นกีฬาสารพัด ทั้งฟุตบอล กรีฑา และว่ายน้ำ คุณแม่เป็นอดีตนักกีฬานักว่ายน้ำและผู้นำเต้นแอโรบิก ความรักในกีฬาเป็นที่มาของการตั้งชื่อเล่นเธอว่า “เทนนิส” เช่นเดียวกับชื่อ “โบว์ลิง” ของพี่สาวอดีตนักว่ายน้ำ และ “เบสบอล” พี่ชายที่เป็นอดีตนักว่ายน้ำและนักกีฬาเทควันโดแชมป์เยาวชนแห่งชาติ
วัยเด็กเธอมีร่างกายบอบบาง ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง พ่อจึงพาวิ่งออกกำลังทุกวันหวังให้ร่างกายแข็งแรง อดทน และมีความคล่องตัว เธอเล่นกีฬาหลายอย่าง ทั้งว่ายน้ำ ปิงปอง วอลเล่ย์บอล แต่ทำได้ไม่ดีสักอย่าง พ่อจึงชวนมาเล่นกีฬาเทควันโดตามพี่ชาย แม้จะไม่ชอบแต่เธอก็ฝึกฝนอย่างจริงจัง จนเข้าแข่งขันครั้งแรกเมื่ออายุ 9 ขวบ ผลแพ้ด้วยคะแนน 7 ต่อ 0
ความพ่ายแพ้ทำให้ต้องอับอายจากการถูกเพื่อนๆ ล้อ แต่เธอเปลี่ยนมันเป็นพลังทุ่มเทฝึกซ้อมทุกวันหลังเลิกเรียนจนค่ำ โดยมีพ่อคอยรับส่ง และขยันพาเธอเข้าร่วมแข่งทั้งที่ภาคใต้บ้านเกิด และเดินทางมาแข่งขันในกรุงเทพฯ แต่เธอก็ยังคงเป็นนักกีฬาที่หาชัยชนะไม่เจอ ต้องเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า จนอายุ 11 ปี จึงได้สัมผัสแชมป์ครั้งแรกในชีวิตจากรายการแข่งขันเล็ก ๆ
ก้าวสำคัญของเส้นทางนักกีฬาเทควันโดเริ่มในปี 2554 ตอนมีอายุ 13 ปี เมื่อเธอได้เหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 27 จังหวัดอุตรดิตถ์ ในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 42 กก. ทำให้มีโอกาสเข้าคัดตัวทีมชาติ จนได้เป็นนักกีฬาเทควันโดเยาวชนทีมชาติ และปีนั้นก็สร้างผลงานคว้าเหรียญทองในรายการ Korea Open 2011 ที่ประเทศเกาหลีได้สำเร็จ
ตอนอายุ 15 ปี เทนนิสติดตัวสำรองทีมชาติและเป็นคู่ซ้อมให้กับ ชนาธิป ซ้อนขำ ซึ่งได้เหรียญทองแดงในโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากการแข่งขันเทควันโดรุ่นไม่เกิน 49 กก. หญิง พอถึงโอลิมปิก 2016 ที่ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เธอลงแข่งขันโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ และคว้าเหรียญทองแดงได้เช่นกันเมื่ออายุ 19 ปี
เธอสะสมชัยชนะทีละก้าวจนสู่ความสำเร็จสูงสุดเมื่อปี พ.ศ. 2562 ในการแข่งขัน “เวิลด์เทควันโด แชมเปี้ยนชิพ” เธอเอาชนะคู่แข่งแบบเหนือชั้นด้วยคะแนน 21 ต่อ 6 ได้เป็นแชมป์โลก และก้าวสู่นักเทควันโดมือวางอันดับ 1 ของโลกในรุ่นไม่เกิน 49 กก.หญิง ซึ่งเป็นแชมป์โลกที่สอง หลังจากเคยคว้าเหรียญทองรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 46 กก.หญิง ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศรัสเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2558
ช่วงเวลา 10 ปี บนเส้นทางนักสู้ทีมชาติ เธอทำสถิติ 27 แชมป์ กับ 1 เหรียญทองแดงโอลิมปิก ทำให้เธอเป็นขวัญใจของแฟนเทควันโดทั่วโลก จนปี พ.ศ. 2563 ได้รับการโหวตจากแฟนทั่วโลกให้เป็น 1 ใน 4 สุดยอดจอมเตะที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจัดโดยสหพันธ์เทควันโดโลก ยังเหลือเพียงรางวัลเหรียญทองกีฬาโอลิมปิกเท่านั้นที่เธอหมายมั่นจะต้องคว้าให้สำเร็จ
และแล้ววันเวลาที่รอคอยก็มาถึง ในการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เธอสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยการเอาชนะคู่แข่งทั้ง 3 แมตช์ ด้วยคะแนน 29 ต่อ 5, 20 ต่อ 11 และ 34 ต่อ 12 จนพบกับนักกีฬาเทควันโดดาวรุ่งวัย 17 ปี จากประเทศสเปน “เอเดรียน่า เซเรโซ่ อิงเกลเซียส” ในรอบชิงเหรียญทอง
แมตซ์นี้เธอต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและเกมบุกดุดัน ตามปกติเทนนิสมักเป็นฝ่ายบุกเตะ แต่คราวนี้เธอเปลี่ยนสไตล์เป็นฝ่ายตั้งรับแล้วชิงจังหวะเตะทำคะแนน เกมการต่อสู้สูสี ผลัดกันรับผลัดกันทำคะแนน จนในยกที่ 3 ช่วงเวลา 10 วินาทีสุดท้าย เธอมีคะแนนตามหลัง 9 ต่อ10
มองด้วยสายตาผู้ชมคงยากจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ในช่วงเวลาคับขัน เธอยังคงมุ่งมั่นจะเอาชัยชนะ ชิงจังหวะเตะทำ 2 คะแนนได้สำเร็จก่อนจบเกมเพียงแค่ 7 วินาที พลิกกลับมาชนะด้วยคะแนน 11 ต่อ 10 คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ
เทนนิสบอกกับสื่อหลังจบเกมอันตื่นเต้นว่า ในช่วงเวลานั้นเธอเห็นว่ายังพอมีเวลา “ก็ทำทุกวินาทีให้ดีที่สุด” ทั้งนี้เพราะการแข่งขันเทควันโดมี 3 ยก ยกละ 2 นาทีเท่านั้น ใครพลาดเสียแต้มจะต้องชิงทำคะแนนคืนให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งเธอเคยผ่านบทเรียนแบบนี้มาแล้วเมื่อพลาดท่าเสียคะแนนให้คู่ต่อสู้ในช่วง 3 วินาทีสุดท้ายจนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เธอปฏิเสธการเล่นกีฬาชนิดนี้ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้แบบใช้เท้าเป็นอาวุธหลัก เพราะมีความทรงจำไม่ดีกับการบาดเจ็บของพี่ชายที่เป็นนักเทควันโด แต่คุณพ่อ “สิริชัย วงศ์พัฒนกิจ” พยายามชักชวนด้วยความไม่ย่อท้อ ทำให้เธอก้าวย่างตามเส้นทางพี่ชาย และยอมรับมันในที่สุด
นับจากวันเริ่มต้น เธอมีพ่อคอยประคับประคองปลูกฝังความคิดเชิงบวก ส่งเสริมและเป็นกำลังใจทุกเวลานาที ไม่ว่าเธอจะไปแข่งขันที่ไหนจะเห็นพ่อไปเชียร์อยู่เสมอ
ในระหว่างเส้นทางสู่แชมป์ เธอเคยคิดเลิกเป็นนักกีฬาเทควันโดหลายครั้ง แต่พ่อเคยบอกกับเธอว่าคนที่ยืนอยู่บนแท่นชัยชนะ ล้วนเป็นผู้ที่เคยแพ้มาแล้วทุกคน ทำให้เธอยืนหยัดก้าวเดินต่อไป ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก จนกลายเป็นจอมเตะที่มีท่าเตะตวัดหลัง หรือ Hook Kick ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก
ท่าเตะนี้เป็นท่ายากที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปี แต่เธอสามารถทำได้อย่างชำนาญและทำองศาเตะได้มากเป็นพิเศษเนื่องมาจากเอ็นไขว้หลังขาดและมีสะโพกหลวม
ความสำเร็จของเธอในวันนี้ บอกให้เรารู้ว่าความพ่ายแพ้ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า หากเราไม่ยอมจำนน รู้จักเรียนรู้บทเรียนจากมัน และเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นพลัง จะพ่ายแพ้สักกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร
ดังเช่นคำพูดของเธอที่ว่า “แมตช์นี้อาจจะไม่ได้ แต่ถ้าเราพยายามต่อไป สักวันมันก็ต้องเป็นวันของเรา” …..
ภาพ “พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” หรือเทนนิส กับรางวัลเหรียญทองโอลิมปิก 2020 เหรียญแรกของกีฬาเทควันโดของไทย