Share on
×

Share

อนาคตการลงทุน ICO: เทรนด์ ‘Investment Token’ และภูมิทัศน์ใหม่ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

การระดมทุนผ่าน Initial Coin Offering (ICO) ในประเทศไทยกำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยมี “Investment Token” หรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนเทรนด์ใหม่ ท่ามกลางการปรับตัวของข้อกฎหมายและนโยบายภาษีที่เอื้ออำนวยมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้นับเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการที่ต้องทำความเข้าใจภูมิทัศน์ของตลาดที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

เพื่อไขข้อกระจ่างและนำเสนอภาพอนาคตของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ปรึกษากฎหมายชั้นนำอย่าง Baker & McKenzie และผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) อย่าง Bitkub Portal ได้ร่วมกันให้ข้อมูลเชิงลึกในมิติต่างๆ ตั้งแต่ประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล กลยุทธ์การระดมทุน ไปจนถึงข้อกฎหมายและภาษีที่ทุกคนในวงการต้องรู้

ทำความเข้าใจสินทรัพย์ดิจิทัลในบริบทของไทย

เบญจา สุพรรณกุล ที่ปรึกษากฎหมายด้านการเงินการธนาคารและการวางแผนธุรกิจครอบครัวจาก Baker & McKenzie ได้ให้ภาพรวมว่า ภายใต้กฎระเบียบของไทย สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency): สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนโลกดิจิทัลที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี

และโทเคนดิจิทัล (Digital Token): สิทธิในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถแบ่งย่อยได้อีกเป็น 1.โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token): หัวใจของเทรนด์ใหม่นี้ คือโทเคนดิจิทัลที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนและรับผลตอบแทนจากโครงการหรือกิจการต่าง ๆ มีลักษณะคล้ายคลึงกับ “หุ้นกู้” ในโลกการเงินแบบดั้งเดิม 2.โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token): โทเคนดิจิทัลที่ให้สิทธิในการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือสิทธิประโยชน์ที่เฉพาะเจาะจงตามที่ผู้ออกกำหนด เปรียบเสมือนบัตรกำนัลหรือเวาเชอร์ดิจิทัล

นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้มีการวางแผนที่จะเพิ่มสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทที่สามในอนาคต คือ G Token ซึ่งจะมีสถานะคล้ายกับพันธบัตรรัฐบาล โดยมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าหนี้ อย่างไรก็ตาม การออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล ทั้งในรูปแบบ Investment Token และ Utility Token ที่ยังไม่พร้อมใช้งาน ณ วันที่เสนอขาย จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เสมอ เพื่อคุ้มครองนักลงทุน

Investment Token: ดาวเด่นแห่งยุคสมัยใหม่

เบญจา ชี้ให้เห็นว่า Investment Token กำลังกลายเป็นที่จับตามองและสามารถนำสินทรัพย์หลากหลายประเภทมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (Tokenization) เพื่อเปิดโอกาสการลงทุนให้กว้างขึ้น โดยมี 5 รูปแบบที่น่าสนใจ ดังนี้

  1. Project-based Token: อ้างอิงกับโครงการต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ เพลง หรือแผนธุรกิจของบริษัท
  2. Real Estate-backed Token: อ้างอิงกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในไทยมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่าง “สิริฮับ โทเคน” (Sirihub Token)
  3. Infra-backed Token: แปลงกระแสรายรับจากกิจการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ประปา หรือรถไฟฟ้า
  4. Debt-liked Token: แปลงหุ้นกู้หรือตราสารหนี้มาเป็นโทเคนดิจิทัล เพิ่มสภาพคล่องและเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  5. Sustainability-linked Token: อ้างอิงกับโครงการด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการปลูกป่า ซึ่งสอดรับกับกระแสความใส่ใจด้าน ESG ทั่วโลก

ภาษี: ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเทรนด์

ในมุมมองด้านภาษี นพพร เจริญกิจราษฎร์ ที่ปรึกษากฎหมายในแผนกภาษีอากรจาก Baker & McKenzie อธิบายว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ Utility Token ได้รับความนิยมน้อยลงในปัจจุบัน มาจากภาระภาษีที่ซ้ำซ้อน ทั้งภาษีจากการออกโทเคน และยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% เมื่อนำโทเคนนั้นไปใช้แลกสินค้าหรือบริการจริง

ในทางตรงกันข้าม Investment Token กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนของภาครัฐที่ล่าสุดได้มี การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Capital Gains Tax) ที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป นโยบายนี้ทำให้ภาระภาษีของการลงทุนใน Investment Token ใกล้เคียงกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ สร้างแรงจูงใจและความสะดวกสบายให้นักลงทุนมากขึ้นอย่างชัดเจน

กลยุทธ์การระดมทุน: เลือกตลาดให้เหมาะสม

เนาวรัตน์ ธรรมสวยดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคัพ พอร์ทอล จำกัด (Bitkub Portal) ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการทำ ICO ว่า ปัจจุบันมีช่องทางการเสนอขายโทเคน 2 รูปแบบหลัก ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป

การเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (Public Offering): เป็นการระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อย ซึ่งต้องยื่นขออนุญาตจาก ก.ล.ต. และมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น การจำกัดวงเงินซื้อของนักลงทุนรายย่อยไว้ที่ไม่เกิน 300,000 บาทต่อหนึ่งการเสนอขายในโทเคนบางประเภท

การเสนอขายในวงจำกัด (Private Placement): เป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ที่มีคุณสมบัติตามที่ ก.ล.ต. กำหนด ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตจาก ก.ล.ต. เนื่องจากเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในความเสี่ยงอยู่แล้ว

ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรพิจารณาถึงเป้าหมาย จำนวนเงินทุนที่ต้องการ และกลุ่มนักลงทุนเป้าหมาย เพื่อเลือกรูปแบบการเสนอขายที่เหมาะสมกับโครงการของตนเองมากที่สุด

อนาคตของการระดมทุนผ่าน ICO ในประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่ความโปร่งใสและเป็นระบบมากขึ้น โดยมี Investment Token เป็นกลไกสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของสินทรัพย์หลากหลายประเภท การปรับตัวของภาครัฐด้านกฎหมายและภาษี ประกอบกับบทบาทของ ICO Portal ในการคัดกรองคุณภาพโครงการ ล้วนเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนแห่งอนาคตที่ทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนไม่ควรมองข้าม

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

โต้คลื่นการลงทุนอย่างมั่นใจ ด้วยหลักคิดแบบ Surfer Mindset

‘ปฏิกิริยาต่อ Crypto Week’ การผ่านกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งสำคัญของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

×

Share

ผู้เขียน