Share on
×

Share

เบื้องหลังกระจกเงา: ถอดโมเดลจัดการของบริจาคสู่การสร้างงาน-ลดขยะ

“ใครคือหนึ่งในหนึ่งแสนคนที่เคยขับรถเอาของไปบริจาคที่มูลนิธิกระจกเงาครับ” คือคำถามเปิดเวทีที่สะท้อนภาพปรากฏการณ์แห่งการแบ่งปันครั้งใหญ่ในสังคมไทยจาก สมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งได้มาเปิด “จักรวาลแห่งการจัดการของบริจาค” ในงาน Sustrends 2025 Year of Volunteers จัดโดย The Cloud โดยเผยให้เห็นว่าในแต่ละปีมีรถยนต์นำของมาบริจาคถึง 100,000 คัน และมีอาสาสมัครกว่า 15,000 คนที่สละเวลามาร่วมขับเคลื่อนภารกิจ แต่เบื้องหลังสิ่งของเหล่านั้นคือระบบนิเวศที่ซับซ้อนและทรงพลัง ที่มูลนิธิกระจกเงาเรียกตัวเองว่าเป็น “นักจับคู่” ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยน “ของเกิน” ที่อาจเป็นภาระของคนกลุ่มหนึ่ง ให้กลายเป็น “โอกาส” และ “ชีวิตใหม่” ของคนอีกกลุ่มหนึ่งได้

จาก “ของเกิน” สู่ “โอกาส”: ปรัชญาแห่งการจับคู่ที่สร้างคุณค่า

หัวใจการทำงานของมูลนิธิกระจกเงาตั้งอยู่บนหลักการที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง คือการจับคู่ระหว่างสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือคนที่มีของ “เกิน” ความจำเป็น ซึ่งอาจเป็นหนังสือที่อ่านจบแล้ว หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการเปลี่ยนใหม่ จนสิ่งของเหล่านั้นกลายเป็น “ภาระ” ที่ทำให้ไม่มีที่ว่างในบ้าน กับอีกฝั่งหนึ่งที่ “ขาด” และมองว่าของเก่าเหล่านั้นคือ “ของใหม่” ที่พวกเขารอคอย การจับคู่นี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นโครงการที่สร้างผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นที่สุดคือ “ป่วยให้ยืม” ที่เปลี่ยนอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งได้รับบริจาค ไม่ว่าจะเป็นเตียงผู้ป่วย วีลแชร์ เครื่องดูดเสมหะ หรือเครื่องผลิตออกซิเจน ให้กลายเป็นทรัพยากรหมุนเวียนสำหรับผู้ป่วยที่ขาดแคลน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อที่อาจสูงถึง 50,000 บาทต่อครอบครัว และได้กลายเป็นที่พึ่งให้กับผู้ป่วยกว่า 1,000 รายต่อปี ขณะเดียวกัน หนังสือที่ได้รับบริจาคก็ถูกคัดแยกและนำไปสร้างสรรค์ห้องสมุดแห่งใหม่ให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุกเดือน ส่วนอุปกรณ์เครื่องเขียนและสื่อการเรียนรู้อื่น ๆ จะถูกรวบรวมไว้ในคลังขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือน “B2S ของกระจกเงา” พร้อมจัดส่งไปยังโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศในปริมาณมหาศาลถึงปีละ 20 คันรถหกล้อ การจับคู่ยังขยายไปถึงอาหาร อย่างกรณีไข่ต้ม 10,000 ฟองที่ได้รับบริจาคมาจากวัดโสธร ซึ่งมูลนิธิฯ มีระบบบริหารจัดการที่พร้อมส่งต่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สะท้อนให้เห็นว่าทุกการให้สามารถสร้างคุณค่าได้หากถูกส่งต่อไปยังที่ที่ต้องการอย่างถูกวิธี

พลังของการให้ที่มากกว่าสิ่งของ: สร้างงานสร้างอาชีพให้คนเปราะบาง

คุณสมบัติเน้นย้ำว่าคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งของบริจาคไม่ได้หยุดอยู่แค่การส่งมอบ แต่คือกระบวนการที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ซึ่งได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ของบริจาคทุกชิ้นที่หลั่งไหลเข้ามาได้แปรเปลี่ยนเป็นโอกาสในการจ้างงานให้กับกลุ่มคนเปราะบาง โดยเฉพาะคนไร้บ้านและผู้ป่วยจิตเวช ที่มูลนิธิฯ ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลชั้นนำอย่างโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาและโรงพยาบาลศรีธัญญา ปัจจุบันโมเดลนี้สามารถสร้างงานที่มั่นคงให้คนกลุ่มนี้ได้ถึง 250 คนต่อเดือน ซึ่งคุณสมบัติได้คำนวณให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า “ทุก ๆ การบริจาคจาก 600 คนต่อปี จะสามารถสร้างงานให้คนไร้บ้านได้ 1 ตำแหน่ง”

นอกจากนี้ คลังเสื้อผ้าบริจาคซึ่งคิดเป็น 80% ของของบริจาคทั้งหมดและมีจำนวนหลายล้านชิ้นต่อปี ยังได้กลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจคนจนที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้ามาคัดเลือกเสื้อผ้ามือสองเพื่อนำไปตั้งแผงขาย สร้างอาชีพและรายได้เลี้ยงดูครอบครัวของตนเอง นี่คือโมเดลที่เปลี่ยนการบริจาคให้กลายเป็นการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากได้อย่างแท้จริง

ก้าวต่อไป: จากขยะสู่การสร้างสรรค์ด้วยโปรเจกต์ “เสีย-สร้าง”

เพื่อตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนให้ครบวงจร มูลนิธิกระจกเงาไม่ได้หยุดแค่การส่งต่อ แต่กำลังเดินหน้าโครงการเชิงรุกในชื่อ “เสีย-สร้าง” (Upcycle) ซึ่งเป็นหน่วยซ่อมและออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่จากของบริจาคที่ชำรุดหรือใช้การไม่ได้แล้ว โดยทีมช่างผู้ชำนาญจะทำการซ่อมแซม ดัดแปลง หรือสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อให้สิ่งของเหล่านั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในกรณีที่ไม่สามารถซ่อมได้ ก็จะถูกนำไปแยกชิ้นส่วนอย่างละเอียด ทั้งพลาสติก กระดาษ เหล็ก ทองแดง หรืออะลูมิเนียม เพื่อส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ยังคงขับเคลื่อนด้วยการจ้างงานกลุ่มคนเปราะบางเช่นเดิม

สุดท้ายนี้ คุณสมบัติได้ทิ้งท้ายด้วยการเชิญชวนภาคธุรกิจให้เข้ามามีส่วนร่วมผ่านโครงการ Corporate Volunteer ที่เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้ามาเป็น “เจ้าภาพ” ศูนย์รับบริจาคเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม เพื่อให้พนักงานและผู้บริหารได้ลงมือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ “นักจับคู่” นี้ด้วยตนเอง และร่วมกันพิสูจน์ว่าพลังแห่งการแบ่งปันจากทุกภาคส่วน คือคำตอบของการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจจากงาน Sustrends 2025

‘ความมั่นคงทางอาหาร’ ฉบับยั่งยืน: เมื่อคนปลูกคนกินและธรรมชาติต้องไปด้วยกัน

เวลาและเงินทุน: UN ชี้ 2 ทรัพยากรพลิกไทยสู่เป้าหมายโลกยั่งยืน (SDGs)

พลิกเกมค้าโลก: เมื่อ ‘ความยั่งยืน’ คือแต้มต่อใหม่ของไทยในเวทีสากล

จาก K-9 สู่เยาวชน: ‘เสียงเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่’ กับยุทธศาสตร์ ‘อยู่รอดร่วมกัน’

×

Share

ผู้เขียน